องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 58

ฉินเหยียนเดินไปยังห้องหมายเลขสาม

ทูตของอาณาจักรจ้าวในห้องหมายเลขสามกำลังนั่งอย่างสงบบนเก้าอี้โดยไม่สะทกสะท้านกับการมาถึงของฉินเหยียน

เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ฉินเหยียนก็แทบจะหัวเราะออกมาดังๆ เสแสร้งกับข้า เล่นกับจิตวิทยา ฝีมือเจ้ายังไม่ถึงขั้นนั้น

เขาจึงถามตามขั้นตอนว่า

"พวกเจ้าคนอื่นๆต่างก็สารภาพหมดแล้ว นี่เจ้าคิดจะให้ข้าทำเป็นมนุษย์สุกรหรือ?"

ทูตของอาณาจักรจ้าวในห้องหมายเลขสามตัวสั่นเล็กน้อย เขาแสร้งทำเป็นสงบและกล่าวว่า

"ข้าไม่รู้อะไรจริงๆ ต่อให้เจ้าสังหารข้าก็ไม่มีประโยชน์"

ฉินเหยียนเลิกคิ้ว

"โอ้ ปากแข็งนักนะ เจ้าไม่กลัวตายหรือ?"

เขากล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า

"แน่นอน ข้ากลัวตาย ทว่าข้าเป็นเพียงขุนนางล็กๆของกรมพิธีการ หากข้ารู้อะไรข้าบอกไปนานแล้ว!"

ฉินเหยียนส่ายศีรษะเล็กน้อยและกล่าวว่า

"ข้าจะถือว่าเจ้าพูดเท็จ ข้าจะให้เวลาเจ้าอีกหนึ่งก้านธูป"

ฉินเหยียนลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้อง

ทูตแห่งอาณาจักรจ้าวในห้องหมายเลขสามรู้สึกสงสัยและไม่เข้าใจ

วินาทีต่อมา

องครักษ์ก็ตะโกนตรงทางเดินว่า

"ห้องหมายเลขสามสารภาพแล้ว มอบรางวัลทองคำหนึ่งร้อยตำลึง!"

ทูตแห่งอาณาจักรจ้าวในห้องหมายเลขสามจึงตระหนักได้ทันที

"เจ้า เจ้าพูดเหลวไหล ข้ามิได้อือ....."

มิทันรอให้เขากล่าวจบ องครักษ์ก็รีบปิดปากของเขาทันที

ฉินเหยียนกล่าวอย่างเจ้าเล่ห์ว่า

"โธ่ เจ้ายังเด็กเกินไป ฮ่าๆๆ!"

ทูตของอาณาจักรจ้าวในห้องหมายเลขสามมองไปที่ด้านหลังของฉินเหยียนขณะที่เขาเดินจากไป ปากที่ถูกปิดไว้ของเขายังคงส่งเสียงอือๆอย่างไม่หยุดหย่อน ดูเหมือนว่าเขาคงจะกำลังด่าอย่างรุนแรง

ฉินเหยียนเดินเข้าไปยังห้องหมายเลขสี่และถามว่า

"มาคุยกันสักหน่อย จงเขียนสิ่งที่เจ้ารู้ลงบนกระดาษ อาหารและสุราดีๆก็จะหามาให้เจ้า ทั้งยังมอบรางวัลทองหนึ่งร้อยตำลึงให้เจ้าด้วย!"

ฉินเหยียนกำลังทำสงครามจิตวิทยาอย่างเป็นไปตามรูปแบบโดยการทรมานจิตใจของทูตอาณาจักรจ้าวทีละนิด ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่สามารถสื่อสารกับคนของเขาเองได้ เป็นเรื่องยากที่จะแยกความจริงจากความเท็จ การใช้ประโยชน์จากช่องว่างของข้อมูลทำให้การป้องกันทางจิตวิทยาของพวกเขาพังทลายลงอย่างสมบูรณ์

ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการสอบปากคำประเภทนี้อยู่ที่ทูตแห่งอาณาจักรจ้าวในห้องสุดท้าย

ห้องก่อนหน้านี้ล้วนเป็นการปูพื้นและเป็นการเดินเรื่องอย่างฉับไว

จนกระทั่งฉินเหยียนเดินมาถึงประตูของห้องสุดท้ายและกระซิบกับองครักษ์ของเขา

"ขอรับ"

ฉินเหยียนผลักประตูเข้าไป

ทุกอย่างเหมือนกับเมื่อก่อนหน้านี้

มีองครักษ์ยกเก้าอี้มาหนึ่งตัว ฉินเหยียนนั่งอยู่บนนั้นพลางไขว้ขาและกล่าวอย่างหยิ่งผยองว่า

"ผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าล้วนสารภาพหมดแล้ว ดังนั้นเจ้าคงไม่ต้องให้ข้าถามแล้วกระมัง?"

หลังจากทูตแห่งอาณาจักรจ้าวประสบกับความทรมาน ปราการการป้องกันในใจของเขาก็ถูกทำลายไปได้โดยสำเร็จ

"ข้าก็ไม่รู้ว่าเจ้าต้องการจะถามอะไรเช่นกัน!"

และในเวลานี้เอง

องครักษ์ก็นำคำสารภาพหนึ่งกองเข้ามา

"ท่านอ๋อง นี่คือสิ่งที่พวกเขาสารภาพ ท่านอ่านดูสักหน่อย"

ฉินเหยียนรับมาและอ่านดูทีละใบ

"ไม่เลวเลย ไม่เลว เขียนอย่างละเอียด ทั้งเวลา สถานที่ และแผนการก็ถูกต้องทั้งหมด"

เมื่อกล่าวจบฉินเหยียนก็เงยหน้าขึ้นและสบตากับทูตแห่งอาณาจักรจ้าวคนสุดท้าย

"โธ่ ข้าได้สิ่งที่ข้าต้องการแล้ว เจ้าไร้ประโยชน์แล้ว เช่นนั้นก็สังหารเสียเถิด!"

ตาของเขาเบิกโพลง

เกิดอะไรขึ้น?

ยังมิทันถามก็จะสังหารเสียแล้ว

"ช้าก่อน พวกท่านยังไม่ได้ถามเลย เหตุใดจึงจะสังหารเสียแล้วเล่า!"

ฉินเหยียนเอามือไพล่หลังอย่างสบายๆ และกล่าวด้วยสีหน้าไม่แยแสว่า

"เจ้าก็ยอมรับชะตากรรมเสียเถิด คนที่ข้าถามมาก่อนหน้าเจ้าล้วนสารภาพหมดแล้ว ดังนั้นเจ้าจะพูดหรือไม่พูดความจริงก็ไม่มีความหมายอะไรมากแล้ว"

จากนั้นจึงโบกมือให้กับองครักษ์

"ทำให้เขากลายเป็นมนุษย์สุกรก่อน"

ทูตแห่งอาณาจักรจ้าวรู้สึกมึนงง ผู้อื่นมีสิทธิ์อะไรได้รางวัลทองคำหนึ่งร้อยตำลึง ส่วนเขายังไม่ทันถามก็จะโดนสังหารเสียแล้วทั้งยังจะกลายเป็นมนุษย์สุกรอีกด้วย!

องครักษ์ประสานมือด้วยสีหน้าจริงจัง

"ขอรับ!"

จากนั้นจึงก้าวไปข้างหน้าและกดทูตแห่งอาณาจักรจ้าวลงบนโต๊ะ

"แชร้ง"

เขาดึงดาบออกมาและยกมันขึ้นหมายจะฟัน

ทูตแห่งอาณาจักรจ้าวตกใจมากจนฉี่รดกางเกง เขาร้องไห้ขอความเมตตาและตะโกนว่า

"ช้าก่อน ข้าพูด ข้าจะพูดให้หมดทุกอย่าง! ข้าไม่ต้องการทองคำ ขอเพียงพวกเจ้าอย่า.....อย่าสังหารข้า ข้าไม่อยากถูกทำให้กลายเป็นมนุษย์สุกร ฮือๆ......"

เมื่อจิตใจของคนๆหนึ่งพังทลายลง ความเคารพตนเองและความเชื่อมั่นของเขาก็จะพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง

นอกจากความกลัวแล้วก็จะมีเพียงความกลัวเท่านั้น เพื่อความอยู่รอดเขาจะทำได้ทุกอย่างโดยไม่เลือกวิธีการ แม้แต่การละทิ้งความเป็นมนุษย์

ฉินเหยียนขยิบตาให้องครักษ์

องครักษ์หยุดทันทีและดาบของเขาก็หยุดกลางอากาศ

ฉินเหยียนเม้มริมฝีปากและถามด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์

"ไม่สังหารเจ้าย่อมได้ เวลานี้เจ้าก็เขียน เขียนทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้ารู้ออกมาทั้งหมด หากเขียนไม่เหมือนกับที่พวกเขาเขียน ขาดหายไปแม้แต่หนึ่งเรื่อง ข้าก็ยังคงจะทำให้เจ้ากลายเป็นมนุษย์สุกร"

องครักษ์ปล่อยมือของเขา ทูตแห่งอาณาจักรจ้าวคุกเข่าลงกับพื้นอย่างสั่นสะท้านราวกับว่าเขาตกลงไปในน้ำ

"ข้าเขียน เวลานี้ข้าจะเขียน ข้าจะเขียนสิ่งที่ข้ารู้ทั้งหมดออกมา ขอเพียงอย่าสังหารข้า!"

คนผู้นี้นับว่าไร้ประโยชน์แล้ว เขาหวาดกลัวมากจนไม่สามารถรับรู้อะไรได้แล้วนอกจากพึมพำกับตัวเอง

ฉินเหยียนถอนหายใจและกล่าวว่า

"พูดมาแต่แรกก็สิ้นเรื่อง จะต้องบีบให้ข้าลงมืออย่างโหดเหี้ยมให้จงได้ "

ทูตแห่งอาณาจักรจ้าวหยิบกระดาษและพู่กันขึ้นมาด้วยอาการสั่นเทา และเขียนข้อมูลทั้งหมดที่เขารู้เกี่ยวกับฐานที่มั่นลงบนกระดาษ

ฉินเหยียนก็มิได้มองเขาเช่นกัน เขายังมีบางอย่างที่ต้องทำ

วันนี้ทั้งวันยุ่งมากจริงๆ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์