องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 647

“อันดับสิบ! อันดับสิบจริงๆ!”

“พวกเจ้าดูถูกคนอื่นหรือ!”

“ถุย!”

แผงขายชาข้างถนน

เฉิงเซินพยายามดึงผู้พิทักษ์อย่างสุดกำลังเพื่อให้เขาหยุดตะโกน แต่หลังจากถูกสำนักงานการค้าปฏิเสธ ผู้พิทักษ์รู้สึกเหมือนตนถูกยิง ในใจโกรธมากจนกลั้นไว้ไม่อยู่

แต่ไม่ เฉิงเซินลากเขาไปยังกินข้าวที่ร้านนน้ำชา เขายังคงพูดต่อ

“อันดับสิบ เจ้า ในที่สุดข้าก็ได้รู้จักคนที่อยู่อันดับสิบเสียที ดูเหมือนว่าข้าจะโชคดีจริงๆ”

คนที่สามารถเข้าร่วมตำหนักอ๋องเหยียนได้ไม่ใช่คนธรรมดา ผู้พิทักษ์มีชื่อว่าเลี่ยวหย่ง เขาเป็นพ่อค้าธรรมดาๆ ที่บ้านทำธุรกิจเล็กๆ มีความรู้ด้านศิลปะป้องกันตัวอยู่บ้าง

ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเจอเฉิงเซิน ผู้พิทักษ์เลี่ยงหย่งก็เดาได้ว่าเฉิงเซินต้องมีอันดับสูงในตำหนักอ๋องเหยียนแน่ๆ ดูเหมือนว่าเขาเดาถูก

“เจ้าอยู่อันดับสิบ ข้าอันดับยี่สิบสอง เจ้าเป็นคนแรกที่ข้าได้เจอ”

เลี่ยวหย่งหยิบตราสัญลักษณ์ระบุอันดับสิบขึ้นมา พลิกซ้ำไปซ้ำมา เล่นไปเล่นมาในมืออย่างชื่นชม

“ชมเกินไปแล้ว”

เจ้าสอบผ่านระดับสิบได้อย่างไรกัน ข้าได้ยินว่าการสอบเข้านั้นยากพอๆ กับการปีนขึ้นไปบนฟ้า ระดับสมองอย่างข้าจากอันดับที่สามสิบสาม ไต่ขึ้นมาอันดับยี่สิบสอง เนื้อหาการสอบอันดับสิบ พระเจ้า ข้าเกรงว่าชาตินี้ข้าคงทำไม่ได้แน่”

ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น

มีชายชราอายุประมาณห้าสิบ จู่ๆ ก็คว้าตราสัญลักษณ์ของตำหนักอ๋องเหยียนไป

“ข้าฟังพวกเจ้าทั้งสองคุยกันมานานแล้ว อันดับสิบอับดับยี่สิบอะไรกัน เจ้าหน้าที่ระดับต่ำสุดในอาณาจักรฉินคือระดับเก้า เจ้าอันดับสิบนั้นเทียบไม่ติดเสียด้วยซ้ำ ยังจะมาอวดอะไรอีก?”

เฉิงเซินและเลี่ยวหย่งเริ่มเป็นกังวล

ชายชราตรงหน้าหน้าตาดูมีราศี แต่เขากลับแต่งตัวสบายๆ ดูเหมือนว่าเขาจะใส่ชุดนอนและสวมเสื้อคลุมเท่านั้น เดินไปเดินมาบนถนนอย่างไม่สบอารมณ์

คนที่แต่งตัวเช่นนี้ดูคล้ายกับคนลี้ภัย คนไร้บ้านอย่างไรอย่างนั้น ชายชราคนนี้อาจจะเป็นหนึ่งในนั้น

เลี่ยวหย่งถามออกไปว่า

“ขอตราสัญลักษณ์คืนมาด้วย!”

“อ๊ะ”

เฉิงเซินเห็นทีท่าจึงรีบจับเลี่ยวหย่งเอาไว้

“พูดจาสุภาพกับคนแก่หน่อย อย่ารุนแรงเกินไป”

ขณะที่เขาพูด ก็ขยิบตาส่งสัญญาณแต่เลี่ยวหย่งกลับเมินเฉย ยื่นมาออกไปคว้า

“เอามาให้ข้า!”

ชายชราคนนั้นหลบได้ทันควัน ยิ้มและมองตราสัญลักษณ์ประจำตัว

“นี่เป็นแค่เหรียญทองแดงที่หักแล้ว แต่เจ้ากลับได้รับคำชมจากเบื้องบน แต่เป็นได้แค่อันดับสิบกระจอกงอกง่อย เหอๆ”

เขาเงยหน้าขึ้นและจิบเหล้า ดูท่าทีสบายๆ

แต่ประโยคนั้นทำให้พวกเขาทั้งสองนิ่งขึ้นมาในทันที

พูดถึงพวกเขา พวกเขาไม่ว่า แต่หาดพูดจาไม่ดีถึงตำหนักอ๋องเหยียน พวกเขาทนไม่ได้

“คนแก่เสียสติอย่างเจ้าจะไปรู้เรื่องอะไร!”

“นี่เป็นการใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวหรือไม่?”

เลี่ยวหย่งระเบิดหัวเราะออกมาอีกครั้ง

“ใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวอะไรกัน เจ้าไม่รู้เรื่องก็อย่าพูดมั่วเสียดีกว่า พวกเราสอบผ่านเข้ามาด้วยความสามารถของตนเอง”

“อ้อ มีความสามารถจริงๆ ฮ่าๆๆ”

ชายชราเสียสติหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและจิบเหล้าอีกครั้ง

ความสามารถในการแยกยแคนของเฉิงเซินอยู่ในระดับสูงมาก จากนิสัยและพฤติกรรมของชายชราตรงหน้าเขานี้ บอกได้ไม่ยากว่าเขาเป็นคนมีฐานะสูงและไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน

เลี่ยวหย่งพูดไม่หยุด กลัวว่าจะทำให้ความลับหลุดออกไปได้ เกรงว่าตนจะเดือดร้อนไปด้วย

ในเวลานี้

“ตึงๆๆ”

เสียงนาฬิกาที่หอสังเกตการณ์ดังขึ้น พวกเขาทั้งสองตั้งใจฟังแต่ไม่ได้สังเกตว่าชายชราคนนั้นก็ตั้งใจฟังด้วยเช่นกัน

“คนทั้งเมืองกำลังตามหาชายชราที่แต่งตัวสกปรก หากมีผู้พบเห็นให้รีบรายงานทันที”

ทั้งสองมองไปที่ชายชราคนนั้นในเวลาเดียวกัน เลี่ยวหย่งตอบสนองอย่างรวดเร็ว วิ่งไปตามถนนและโบกมือให้หอสังเกตการณ์เห็นเพื่อบอกตำแหน่งชอบชายชราเสียสติคนนั้น

“ตามหาข้าอีกแล้วหรือ วันๆ ก็ไม่ได้ว่างเลย ยังจะคอยตามดูแลคนแก่อย่างข้าอีก เฮ้อ”

เขาเดินเอามือไพล่หลัง ตอนนี้เฉิงเซินมั่นใจมากว่าอันดับของชายคนนี้ต้องอยู่เหนือระดับสามอย่างแน่นอน

“ตาเฒ่าเสียสติ อย่าเพิ่งไป!”

ขณะที่เลี่ยวหย่งต้องการหยุดเขา เฉิงเซินก็คว้าตัวเขา ใช้ปากบอกว่าอย่าทำอีก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์