หลังจากที่หน่วยสอดแนมทั้งสิบสองคนวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้า ผู้บัญชาการป้องกันเมืองหันมองไปที่กลุ่มคนหัวกะทิทั้งสามพันคนว่า
“คนอื่นแยกย้ายได้”
“รับทราบ”
ทั้งสามพันคนยกมือขึ้นรับคำสั่ง จากนั้นแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว ออกจากค่ายป้องกันเมืองและกระจายออกไปคนละทิศคนละทาง
เฉิงเซินถือกระเป๋ษเดินทางใบใหญ่และใบเล็กเดินไปข้างหน้า ในใจรู้สึกเหมือนได้รับการฝึกฝน
คนที่เห็นเขาถามขึ้นมาทันที
“เจ้าเป็นใคร เหตุใดถึงเข้ามาในค่ายป้องกันเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาตได้?”
เฉิงเซินวางสัมภาระลงแล้วหยิบจดหมายแนะนำตัวให้คนถาม เมื่อเขาเปิดอ่านเห็นว่าได้รับการแนะนำจากองค์ชายเจ็ด ฉินอวี่ ถือว่าคนนี้มีเส้นสายที่ดี
“เจ้าควรไปที่สำนักงานใหญ่ ไม่ใช่มาที่ค่ายป้องกันเมือง”
เฉิงเซินพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเขินอาย
“ข้าเพิ่งถึงเซียนตู ยังไม่รู้เส้นทางมากนักขอรับ”
“เช่นนั้นเจ้ามากับข้า”
ชายคนนั้นเดินนำทางไป เขาพูดเก่งมาก แนะนำตัวเองให้เฉิงเซินว่าเขาเป็นผู้พิทักษ์แห่งเซียนตู
“ผู้พิทักษ์?”
“ผู้พิทักษ์ในเซียนตูแตกต่างจากพวกเจ้า เซียนตูเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหล เมื่อถึงตอนกลางคืนขึ้นชื่อว่าสวยงามมาก”
“ช่วงกลางวันไม่ได้ทำอะไรมากนัก รอให้เจ้าจัดการธุระเจ้าเสร็จ ข้าจะพาเจ้าไปชมรอบๆเมืองดีหรือไม่?”
“ได้สิ”
พวกเขาทั้งสองพูดคุยกันจนมาถึงสำนักงานใหญ่
เป็นอาคารสูงเจ็ดชั้น มีพื้นที่ขนาดใหญ่ ตกแต่งสวยงาม หรูหรามากเมื่อเทียบกับอาคารเจียยวี่
“โลกแห่งการค้า น่าประทับใจใช่หรือไม่?”
เขาชนไหล่เฉิงเซินหนึ่งครั้ง จากนั้นทั้งสองเดินเข้าไปในด้านใน
สำนักงานที่ควรจะคึกคัก แต่ตอนนี้กลับเงียบมาก
ผู้พิทักษ์ที่คอยเฝ้าดูสถานการณ์ภายในของสำนักงานคือ เด็ดสาวอายุสิบแปดปี ได้รับรายงานลับจากอ๋องเหยียน
ผู้พิทักษ์ไม่รอช้า ดึงเฉิงเซินให้ก้มศีรษะทำความเคารพโดยไม่อธิบายอะไร
เฉิงเซินในฐานะผู้มาใหม่ไม่รู้จักใครทั้งสิ้น มองไปรอบๆ พบเด็กสาวอายุสิบแปดคนหนึ่ง แม้ว่านางจะยังเด็ก แต่นางมีหน้าตาและรังสีที่กล้าหาญ สัมผัสได้ถึงความสงบและพลังในตัว
“นางเป็นใครหรือ?”
“ชู่ เงียบๆ”
เมื่อเด็กสาวสิบแปดปีคนนั้นอ่านรายงานจบแล้ว นางรีบวิ่งจับกระโปรงออกไป ลูกน้องต่างพากันวิ่งตามนางออกมา
เฉิงเซินมองไปยังคนกลุ่มนี้ ล้วนเป็นคนที่มีความสามารถด้านการต่อสู้
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือคนเหล่านี้สัมผัสได้ถึงสายตาของเฉิงเซินที่มองไป เพียงแค่เดินผ่านพวกเขามองมาที่เฉิงเซินแวบหนึ่ง เขารู้สึกเหมือนว่าถูกมีดทิ่มแทงเข้ากระดูกในทันที
หลังจากครกลุ่มนี้เดินจากไปแล้ว ผู้พิทักษ์แทบจะนั่งลงไปกับพื้น เขาเช็กเหงื่อเย็นๆ จากหน้าผากแล้วพูดว่า
เฉิงเซินตกใจมาก ต้องรู้เขาเองก็ทำงานหนักมามากพอควร ในที่สุดตนได้ผ่านการคัดเลือกผ่านเข้ามาในตำหนักอ๋องเหยียนในระดับสิบ ทุกระดับนั้นต้องเผชิญกับความยากลำบากพอๆ กับการปีนขึ้นไปบนฟ้า อีกฝ่ายอายุน้อยเช่นนี้ แต่กลับได้อันดับหนึ่ง ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
ผู้พิทักษ์กล่าวอย่างภูมิใจ
“เจ้าอย่างอิจฉานางไปเลย ข้า!”
ผู้พิทักษ์ตบหน้าอกของตนเพื่อผ่อนคลายอาการไอของตนเอง และพูดอย่างมั่นใจว่า
“อ๋องเหยียนระดับที่ยี่สิบสอง หลังจากนี้ติดตามข้า รับรองว่าเจ้าจะได้ลิ้มรสอาหารและเหล้าที่เลิศรส”
เฉิงเซินมองเข้าไปด้วยสายตารังเกียจเล็กน้อย อันดับยี่สิบสอง อันดับต่ำเช่นนี้ ใครดูแลใครกันแน่
ทันใดนั้น คนที่ดูแลสำนักงานการค้าก็เดินเข้ามาและถามว่า
“พวกเจ้าสองคนมาทำอะไรที่นี่?”
“ไม่มีอะไรขอรับ ข้าแค่พาตัวเขามารายงานตัว”
เฉิงเซินรีบยื่นจดหมายแนะนำออกไป และพูดอันดับตำหนักอ๋องเหยียนของตนเอง
“อันดับสิบขอรับ!”
ผู้พิทักษ์อึ้งไป
หลังจากที่ผู้ดูแลยืนยันว่าตราสัญลักษณ์ถูกต้อง เขาก็อ่านจดหมายแนะนำอีกครั้ง
“ในเมื่อได้รับการแนะนำมาจากอ๋องอวี่ อันดับของเจ้าสูงเกินไป ข้าไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะดูแลเจ้าได้ เจ้าลองไปถามฉีกุ้ยเหรินดูเสียว่าจะรับคนมีความสามารถเช่นเจ้าหรือไม่”
เป็นผลทำให้ทั้งสองคนถูกส่งตัวออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...