ฮ่องเต้ฉินครุ่นคิด แต่ไม่อาจรู้ได้ว่าเขามีความสุขหรือโกรธอยู่กันแน่
“เจ้าฉินชง เจ้าเจ็ดฉินอวี่ อยู่อันดับใดกัน?”
ฉีเยี่ยนเอ๋อร์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ฮ่องเต้ฉินไม่ได้ถามอะไรต่อ ดูเหมือนว่าความจริงเพียงครึ่งเดียวของนางทำให้นางผ่านเรื่องนี้ไปได้
“ฝ่าบาท อันดับของตำหนักอ๋องเหยียนไม่ได้คิดเช่นนี้เพคะ คนที่เป็นญาติพี่น้องของอ๋องเหยียนจะถูกจัดอันดับได้อย่างไร นี่เป็นการดูถูกราชวงศ์ฉินนะเพคะ”
ฮ่องเต้ฉินคิดอย่างจริงจัง
“ไม่เหมือนกับอันดับในราชสำนักหรือ ใช่สิ ข้าต้องเหนือกว่าอันดับหนึ่ง แข็งแกร่งกว่าอันดับหนึ่งอยู่มาก”
หัวข้อสนทนาเปลี่ยนไป ฮ่องเต้ฉินพูดต่อ
“มาพูดถึงคนที่อยู่อันดับเก้าขึ้นไปกันเถิดว่ามีข้อดีอย่างไร ข้าจะได้วิเคราะห์ความสามารถของพวกเขาให้เข้ามาเป็นขุนนางหรือเสนาบดีในภายหลัง”
ฉีเยี่ยนเอ๋อร์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรายงานตามความจริง
“ดังที่ฝ่าบาททราบดี เป็นเพราะเกียรติของพระองค์ทำให้หม่อมฉันได้เป็นอันดับหนึ่ง แต่การเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียและความสามารถกับอันดับอื่นๆ หม่อมฉันไม่ทราบจริงๆ เพคะ”
“ยกตัวอย่างเช่นผู้ดูแลหอหลิว นางได้แฝงตัวเข้าไปในค่ายของศัตรู ได้สร้างความเจริญรุ่งเรืองในอาณาจักรจ้าว นางอยู่อันดับสอง”
“เช่นเฉินหย้วนหย้วน นางทำให้จ้าวจวิน ที่หลงใหลในสตรี ยอมละทิ้งอาณาจักรและประชาชนเพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียวเช่นนาง นางอยู่อันดับสาม”
“ในราชสำนักอาณาจักร หลินเย้าจู้ เจ้าหน้าที่อันดับหนึ่งด้านการคิดค้นและประดิษฐ์เครื่องยนต์ไอน้ำ รถไฟ ปืน เขาอยู่อันดับสี่”
“คนที่คอยคุมโรงงานทอผ้าทั้งหมดในสิบหกเขตปกครองแห่งเยี่ยนหยุน เป็นภรรยาของหลินเย้าจู้ เก้ามิ่งฟูเหรินขั้นที่หนึ่ง นางเป็นตำหนักอ๋องเหยียนอันดับหก”
ฉีเยี่ยนเอ๋อร์พูดน้ำไหลไฟดับ และพูดชื่อหลายร้อยคนออกมาในคราวเดียว แต่ละคนต่างมีความโดดเด่น หากเขาเลือกคนใดคนหนึ่งเข้ามา พวกเขาจะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ทำให้ฮ่องเต้ฉินถึงกับพูดไม่ออก
หลังจากที่ฉีเยี่ยนเอ๋อร์พูดจบ ฮ่องเต้ฉินใช้เวลานานกว่าจะได้สติกลับมา
“พูดได้อีกอย่างก็คือ อันดับเก้าขึ้นไปยังมีอีกหลายคน ที่อยู่ในเก้าแคว้นนี้ ที่ยังไม่แสดงตัวออกมา?”
“ใช่เพคะ คาดว่าจะมีประมาณหมื่นคน พวกเขาพยายาม ความพยายามของพวกเขาทำให้เป็นคนที่ประสบความสำเร็จในอนาคต”
ฮ่องเต้ฉินหัวเราะ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดคนในตำหนักอ๋องเหยียนเหล่านี้ถึงได้ให้ความสำคัญกับอันดับเป็นอย่างมาก
“พูดเช่นนั้น อันดับที่เพิ่มเข้ามาในภายหลังมีความสามารถอันใดเล่า?”
ฉีเยี่ยนเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองอย่างเคร่งขรึม
“ทุกวันนี้ การเข้าสู่อันดับนั้นยากมาก อันดับสามสิบสามไปจนถึงอันดับสิบ หม่อมฉันเองก็ไม่เคยได้ยินและทราบมาก่อนเพคะ”
ฮ่องเต้ฉินหยุดยิ้ม
“วันนี้ข้าได้พบชายอันดับสิบและชายอันดับยี่สิบสอง กลับไปถึงเจ้าให้ตราสัญลักษณ์อันดับเก้าขึ้นไปกับเราหน่อย ให้ข้าเอามาเล่นเสียหน่อย”
ฉีเยี่ยนเอ๋อร์อึ้งไป
“เช่นนั้นไม่ได้เพคะ ฝ่าบาท ท่านเป็นถึงกษัตริย์จะเป็นผู้รับใช้อ๋องเหยียนได้อย่างไร ต้อให้เป็นอันดับหนึ่ง ก็ยังไม่คู่ควรกับสถานะของฝ่าบาทเพคะ”
ฮ่องเต้ฉินโบกมือปัดแล้วกล่าวว่า
“ไม่สำคัญ ไม่มีใครรู้ว่าข้าเป็นบิดาของอ๋องเหยียน เจ้าให้ตราสัญลักษณ์มาให้ข้าเล่นหน่อยเถิด มิได้หรือ?”
แม้ว่าเขาจะอายุเยอะแล้ว แต่ความเป็นเด็กในตัวยังสูงอยู่มาก
ฉีเยี่ยนเอ๋อร์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องนำตราสัญลักษณ์ที่ทำจากหยกตรงแขนนางออกมาและมอบให้ฮ่องเต้ฉินด้วยความเคารพ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...
หายไปนานเลยนะครับ..ถ้ามาลงให้ได้อ่านต่อจะขอบพระคุณมากครับกำลังสนุก...
ซื้ออ่านยังไงได้ครับ...
ขอบคุณที่ลงเพิ่มครับ เรื่องนี้สนุกครับ...
ขอบคุณที่มาต่อให้ได้อ่านนะครับขอบุคุณมากๆสนุกดี...
จาก 438 เริ่มขยับแล้วววว 😁😁😁...