องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 8

“อะไรนะ!”

ทั้งสองส่งเสียงตกใจพร้อมกัน

องค์ชายสิบสี่สั่งให้ซ่งมู่มู่ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด!

ซ่งมู่มู่เบิกตากว้างเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ

คนที่ไม่อยากเชื่อมากที่สุดคือลูกชายเสนาบดีกรมอาญา

เขาไม่คาดคิดเลยว่าองค์ชายจะไร้ยางอายถึงขนาดนี้!

“ข้าจะสู้กับเจ้า!”

เขาลุกขึ้นและพุ่งตรงไปด้านหน้า ปะทะกับฉินเหยียนอย่างสิ้นหวัง

ฉินเหยียนเยาะเย้ยและเตะเขาไปหนึ่งที

“เหอะเหอะ คิดอยากจะสู้กับข้าบุกเข้ามาในห้องนอนข้า คิดจะสู้กับข้า คิดกบฏ! ดูท่าแล้วเจ้าคงเบื่อชีวิตตัวเองมากสินะ!”

แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเห็นองค์ชายสิบสี่ที่โหดร้ายเช่นนี้มาก่อน ซ่งมู่มู่ตกใจกลัวในทันทีและพูดด้วยความตื่นตระหนกว่า

“อย่าทำร้ายเขา ได้โปรดอย่าทำร้ายเขา! ข้าถอดแล้วเจ้าค่ะ! ข้ายอมถอดแล้ว หยุดเสียที!”

ชายคนนั้นส่ายหน้าและจับเสื้อผ้าของซ่งมู่มู่ไว้

“ไม่ ไม่ได้ เจ้าอย่าตอบตกลง!”

เพื่อช่วยชีวิตคนรักขงนาง ซ่งมู่มู่ไม่สนใจอะไรอีก ทรุดตัวลงไปแทบฉินเหยียนและร้องไห้เสียงดังว่า

“ข้ายอมถอดเจ้าค่ะ ข้าจะถอดเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้ ได้โปรดปล่อยเขาไปด้วยเถิดนะเจ้าคะ!”

ฉินเหยียนพูดอย่างสนุก

“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว ปล่อยหรือไม่ปล่อยเขาไป ขึ้นอยู่กับท่าทีของเจ้า”

ซ่งมู่มู่กัดริมฝีปากแน่น กำหมัด พยายามลุกขึ้นจากพื้น ทั้งโกรธทั้งอาย และค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าออก...

ลูกชายรองเสนาบดีกรมอาญาถึงกับล้มลงไปกับพื้น กัดฟันด้วยความโกรธ กำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ หันศีรษะหนีไม่กล้าแม้แต่จะมองคู่หมั้นของตน

เขาเกลียดมัน!

เกลียดจนแทบรอไม่ไหวที่จะสับองค์ชายสิบสี่ให้เละเป็นชิ้นๆ!

เขาได้วางแผนไว้ในใจแล้วว่า เพียงแค่หลบหนีไปให้ได้และร่วมมือกับองค์ชายแปด องค์ชายสิบสี่จะต้องโดนประหารชีวิต คนเลวทรามเช่นนี้จะไม่มีวันได้เกิดใหม่อีก

เสื้อผ้าถูกโยนทิ้งลงบนพื้นทีละชิ้น เหลือเพียงตู้โตวและกางเกงชิ้นสุดท้ายบนตัวของซ่งมู่มู่

นางใช้มือปกปิดร่างกายของตนด้วยความอับอาย ร้องไห้จนสะอึกสะอื้นและพูดออกไปว่า

“ตอนนี้ปล่อยเขาไปได้หรือยังเจ้าคะ?”

ฉินเหยียนจ้องไปที่นางพร้อมกับชัยชนะที่อยู่ในมือ พลันคิดในใจว่า

ให้ตัวข้าต้องดื่นยาพิษมานานกว่าครึ่งปี ถ้าช้าไม่เล่นให้เจ้าตาย ชีวิตข้าก็คงจะสูญเปล่า!

“เจ้าฟังภาษาคนไม่เข้าใจหรือ ข้าสั่งให้เจ้าถอดให้หมด”

“เจ้า อย่าให้มากเกินไป!”

ไม่ว่าซ่งมู่มู่จะพยายามประนีประนอมมากแค่ไหน นางไม่มีทางเปลือยกายต่อหน้าคนที่นางรักได้

นางมองไปยังคนรักของนางโดยไม่รู้ตัว โดยหวังว่าเขาสามารถช่วยนางจากสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ได้

ความคิดของนางถูกฉินเหยียนอ่านออกจนหมดแล้ว ใช้ดาบตบไปที่ชายคนนั้นเหมือนกับสุนัขที่ตายแล้ว และยิ้มเยาะว่า

“เจ้ากลัวตายหรือไม่?”

เขาเงยหน้าขึ้นด้วยความโกรธ น้ำตาคลอเบ้าและพูดว่า

“จะฆ่าหรือจะหั่นเป็นชิ้นๆ ก็แล้วแต่เจ้า!”

“ไอหย่า ยังคงเป็นชายชาตรีที่แข็งแกร่ง ในเมื่อเจ้าวอนขอความตาย นางปฏิเสธที่จะเปลือยกาย เช่นนั้นข้าทำได้เพียงแค่ฟันเจ้าแล้ว”

หลังจากพูดเช่นนั้น ฉินเหยียนพลันยกดาบขึ้น

แต่ก่อนที่เขาจะลงดาบฟัน ซ่งมู่มู่พลันตะโกนออกมา

“ข้าถอดจนหมดแล้ว ยังไม่หยุดอีกหรือ! อย่าฆ่าเขาเลยเจ้าค่ะ ข้าขอร้องท่าน!”

นางกัดริมฝีปากจนห้อเลือด และจ้องไปที่ฉินเหยียนด้วยความโกรธ หากการจ้องมงสามารถฆ่าฉินเหยียนได้ นางคงฆ่าเขาเป็นร้อยเป็นพันครั้งแล้ว

แต่ตอนนี้เพื่อที่จะรักชีวิตคนรักของนาง นางทำได้เพียงประนีประนอมเท่านั้น

นางปลดสายคาดด้านหลัง ร้องไห้พลางถอดตู้โตวออก สายตาของทั้งสองที่มองมาจากด้านข้าง ความอึดอัดคับข้องใจที่ต้องปลดเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายออก

ฉินเหยียนรู้สึกโล่ง เขาวางดาบลงบนคอของชายคนนั้นและยิ้มเยาะว่า

“นางรักเจ้ามากจริงๆ เหตุใดเจ้าถึงไม่รู้จักวิธีทะนุถนอมนาง”

ลูกชายรองเสนาบดีเห็นหญิงคนรักยอมเปลือยกายเพื่อตน ยอมเปลือยกายภายใต้การบังคับของผู้มีอำนาจ ความโกรธในใจของเขาปะทุขึ้นมาราวกับภูเขาไฟ เพื่อที่จะแก้แค้นและสังหารองค์ชายสิบสี่ เขาเพียงแค่ต้องอดทน!

“ข้าผิดไปแล้ว ท่านอยากจะทำอะไรก็แล้วแต่ท่าน แต่ได้โปรดอย่าปล่อยให้ข้าต้องมองเลย”

แม้ว่าเขาจะก้มหน้ายอมรับความผิด แต่สายตาอาฆาตแค้นของเขาก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย

ฉินเหยียนไม่ใช่คนโง่ การปล่อยเสือเข้าป่าเท่ากับว่าเป็นการฆ่าตัวตาย

เขาชี้ดาบไปที่ซ่งมู่มู่และพูดว่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์