ฮ่องเต้ฉินจึงได้พูดอย่างสนใจว่า “หือ? จับกุมหน่วยกล้าตายอาณาจักรจ้าวได้สามร้อยคน นี่......นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย ว่ารายละเอียดมา!”
ฉินเหยียนยังไม่ทันได้พูด ขุนนางฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋นต่างก็ถกเถียงกันขึ้นมา
“ฟังคำโอ้อวดของเขาสิ จับกุมหน่วยกล้าตายของอาณาจักรจ้าวได้จำนวนสามร้อยคนโดยไม่เสียกำลังทหารแม้แต่น้อย ข้าว่าคงฝันกลางวันยังไม่ตื่นน่ะสิ!”
“คิดว่าพวกไส้ศึกอาณาจักรจ้าวเป็นพวกโง่รึไง ถึงได้รอให้เขาไปจับกุม ไร้สาระจริงๆ”
“เรื่องหลอกลวงแบบนี้ยังกล้าพูดออกมาอีกนะ สร้างเรื่องหลอกลวงได้มากมายจริงๆ!”
ฉินเหยียนไม่สนใจคำวิพากษ์วิจารณ์เหล่านี้เลย เขาพูดอย่างจริงจังว่า “หากท่านพ่อไม่เชื่อ จะลองถามเสนาบดีกรมอาญาดูก็ย่อมได้พ่ะย่ะค่ะ พวกหน่วยกล้าตายได้ถูกส่งตัวคุมขังในกรมอาญาในวันนี้เวลาโฉ่วสือแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
แล้วเขาก็หันไปพูดกับเสนาบดีกรมอาญาว่า “ใช่หรือไม่ ท่านเสนาบดี?”
เสนาบดีกรมอาญารีบเดินขึ้นมาแล้วประสานมือคารวะพร้อมพูดว่า “รายงานพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท สิ่งที่องค์ชายสิบสี่กล่าวมาล้วนถูกต้องทุกประการพ่ะย่ะค่ะ ค่ะ พวกหน่วยกล้าตายของอาณาจักรจ้าวได้ถูกส่งตัวคุมขังในกรมอาญาแล้ว ไม่รอดสักคนพ่ะย่ะค่ะ!”
คำพูดของเสนาบดีกรมอาญยิ่งทำให้เหล่าขุนนางที่อยู่ตรงนั้นตะลึงมากยิ่งขึ้น นี่มันเรื่องอะไรกัน? เสนาบดีกรมอาญาเป็นผู้ปล่อยข่าวว่าจะทำการฟ้องร้ององค์ชายสิบสี่ด้วยกันไม่ใช่รึ? แล้วเหตุใดแม้แต่เขาก็เปลี่ยนใจไปด้วยล่ะ?
องค์ชายแปดฉินอู่ไม่พอใจ เมื่อวานดูมีความสุขออกหน้าออกตากันขนาดนั้น พอถึงเวลาจริงๆกลับเปลี่ยนกะทันหันเช่นนี้ พันธมิตรชั่วคราวไม่น่าเชื่อถือเลยจริงๆ ในช่วงเวลาวิกฤติก็ยังต้องพึ่งตนเอง
เขาจึงได้ประสานมือคารวะแล้วพูดว่า “ท่านพ่อ เจ้าสิบสี่มีนิสัยที่แปลกประหลาด วันนี้ลูกต้องการจะกล่าวหา......”
“อู่เอ๋อร์เจ้ามีเรื่องอะไรอีกเดี๋ยวค่อยว่ากัน” ฉินเหยียนยกมือขึ้นตัดบทองค์ชายแปด แล้วถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า “เจ้าสิบสี่ รีบบอกว่าเร็วเข้าว่าเจ้าจับกุมได้อย่างไร?”
ฉินเหยียนประสานมือคารวะ จากนั้นก็รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้ฮ่องเต้ฉินฟังอย่างละเอียด แถมยังไม่ลืมที่จะใส่พริกใส่เกลือเพื่อยกยอว่าองค์ชายใหญ่กล้าหาญแค่ไหน และเสนาบดีกรมอาญาทำงานได้ดีแค่ไหน
เมื่อองค์ชายใหญ่ฉินชงนึกถึงการสั่งการที่เด็ดขาดขององค์ชายสิบสี่เมื่อคืนแล้ว การลงมือที่โหดเหี้ยมนั้นทำให้เขารู้สึกผวามาก
ฉินเหยียนใช้ศอกสะกิดองค์ชายใหญ่แล้วพูดเตือนเสียงเบาว่า “พี่ใหญ่ แขนที่ขาดล่ะ เหตุใดจึงยังไม่อธิบายให้ท่านพ่อฟัง”
“หา หา?” องค์ชายใหญ่ดึงสติกลับมาได้ จึงได้ยกแขนที่ขาดที่พันด้วยผ้าส่งให้ “นี่พ่ะย่ะค่ะท่านพ่อ นี่คือแขนของแม่เล้าหออี๋หงพ่ะย่ะค่ะ”
ทุกคนตะลึงกันไปหมด องค์ชายใหญ่เผยแขนที่มีร่องรอยแผลลวกให้แก่ทุกคนดู
“ดังที่เราทุกคนทราบกันดีว่า ผู้ที่มีภูมิหลังเป็นทหาร ง่ามมือระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้ ข้อต่อจะมีผิวหนังด้านหนา เพราะปกป้องตัวตน จะใช้ไฟในการเผาไหม้ผิวหนังด้านของตนเองทิ้ง แล้วจะทิ้งรอยแผลเป็นลวกเอาไว้”
“ท่านพ่อ หลังจากได้ทำการตรวจสอบเมื่อคืนนี้แล้ว ได้ทำการจับกุมจำนวนสามร้อยคนได้ที่หออี๋หงพ่ะย่ะค่ะ ล้วนเป็นหน่วยกล้าตายที่แฝงตัวเข้ามาในอาณาจักรของเรา ขอท่านพ่อโปรดตรวจสอบอย่างละเอียดเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...
หายไปนานเลยนะครับ..ถ้ามาลงให้ได้อ่านต่อจะขอบพระคุณมากครับกำลังสนุก...
ซื้ออ่านยังไงได้ครับ...
ขอบคุณที่ลงเพิ่มครับ เรื่องนี้สนุกครับ...
ขอบคุณที่มาต่อให้ได้อ่านนะครับขอบุคุณมากๆสนุกดี...
จาก 438 เริ่มขยับแล้วววว 😁😁😁...