ฉินเหยียนยิ้มแย้มแล้วเลิกคิ้ว ท่าทีราวกับว่าหากติดตามเขาจะต้องได้ดีตามแน่นอน จึงได้พูดเสียงเบาว่า “พี่ใหญ่ รีบคุกเข่ารับรางวัลสิ”
องค์ชายใหญ่ฉินชงรีบคุกเข่าลงแล้วทำคารวะแล้วพูดว่า “ลูกขอบพระทัยในความกรุณาของท่านพ่อพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้ฉินโบกมือแล้วพูดว่า “รีบลุกขึ้นเถิด พวกเจ้าสองพี่น้องร่วมมือกัน เป็นแบบอย่างให้แก่เหล่าองค์ชายอื่นๆ สามารถตรวจสอบจนพบอุบายของอาณาจักรจ้าวได้ ข้ารู้สึกยินดีอย่างยิ่ง!”
ทั้งสองพูดพร้อมกันว่า “ขอบพระทัยท่านพ่อที่ชื่นชมพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ฉินพูดต่ออีกว่า “เสนาบดีกรมอาญา จากที่เหยียนเอ๋อร์กล่าวมา ในการจับกุมไส้ศึกอาณาจักรจ้าวเจ้าเองก็ได้ลงแรงเช่นกันสินะ?”
เสนาบดีกรมอาญาคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดัง แล้วรีบทำมือคารวะแล้วพูดว่า “ข้าน้อยไม่บังอาจจะรับความดีงามนี้พ่ะย่ะค่ะ ไส้ศึกอาณาจักรจ้าวซ่อนตัวอยู่ในหมู่ชาวเมืองอาณาจักรฉินเช่นนี้ แต่ข้ากลับไม่ทันสังเกต เป็นความบกพร่องของข้าน้อยเอง ฝ่าบาทเชิญลงโทษเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้ฉินจับคางแล้วพูดช้าๆว่า “การที่อาณาจักรจ้าวสามารถส่งไส้ศึกเข้ายังเมืองหลวงอาณาจักรฉินได้แต่เจ้ากลับไม่สังเกตเห็น ก็เป็นความบกพร่องของเจ้าจริงๆ”
เมื่อเสนาบดีกรมอาญาได้ยินดังนั้นก็คิดว่าตนเองต้องถูกตัดหัวแน่นอน เขาตกใจกลัวจนตัวสั่นไปหมด แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นคลอนว่า “ข้าน้อยรู้ถึงความผิดพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้ฉินพูดอย่างเข้มงวดว่า “ถือว่าเจ้ายังรู้ตัว ในเมื่อเช้านี้เจ้าได้ทำการจับกุมไส้ศึกอาณาจักรจ้าวทั้งหมดแล้ว คุณโทษเท่ากัน ไม่ลงโทษและไม่มีรางวัล!”
เสนาบดีกรมอาญากราบหลายครั้งแล้วพูดว่า “ฝ่าบาทข้าน้อยยอมพลีชีพเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จพ่ะย่ะค่ะ ในวันข้างหน้าจะต้องสร้างผลงานอันดีให้ได้พ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้ฉินพยักหน้าอย่างพอใจ เสนาบดีกรมอาญาคือคนเก่าคนแก่ของเขา มีความจงรักภักดีต่อเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ไส้ศึกอาณาจักรจ้าวนั้นทั้งเจ้าเล่ห์และมีไหวพริบ ไม่ทันสังเกตเห็นก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ หากต้องลงโทษคนฝีมือดีเพราะเรื่องนี้ ก็คงทำร้ายจิตใจของเขามากเกินไป
หากจะต้องลงโทษ งั้นไม่ตกรางวัลให้จะดีกว่า จะทำให้เขารู้สึกดีกว่ามาก
เมื่อบรรยากาศถึงจุดนี้แล้ว ฉินเหยียนก็ใช้โอกาสนี้พูดตรงๆว่า “ท่านพ่อ ในเมื่อท่านรู้สึกว่าลูกมีคุณงามความดีในครั้งนี้ งั้นลูกก็ขอโอหังโดยการขอรางวัลกับท่านอย่างไร้ยางอายสักอย่างพ่ะย่ะค่ะ”
“โอหังนัก!” เมื่อพูดดังนั้นแล้ว เหล่าขุนนางฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋นก็ประชดประชันว่า
“ฝ่าบาทได้เลื่อนขั้นให้เป็นอ๋องระดับสองแล้ว แต่องค์ชายสิบสี่กลับยังโลภมาก ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก”
“หึ กับผลงานแค่นั้นก็อยากได้นั่นอยากได้นี่ ช่างหน้าด้านหน้าทนเสียจริง”
“เมื่อวานก็ขอดาบชื่อเซียวกับฝ่าบาทอย่างไม่เกรงใจ วันนี้คงไม่ได้คิดจะขอตำแหน่งชูจุนจากฝ่าบาทเลยหรอกนะ?”
“ข้าว่านะ ไม่มีเรื่องอะไรที่เขาทำไม่ได้หรอก”
เจ้าสิบสี่มักจะทำให้เขารู้ประหลาดใจอย่างคาดไม่ถึง ฮ่องเต้ฉินเองก็สงสัยว่าเขาอยากขอรางวัลอะไร แต่ว่าต่อหน้าขุนนางมากมายขาดนี้ ก็ไม่อาจแสดงออกมาได้ จึงพูดอย่างจริงจังว่า
“เหยียนเอ๋อร์ ข้าได้มอบรางวัลเลื่อนขั้นอ๋องระดับสองแก่เจ้าแล้ว เจ้าไม่ชื่นชอบรางวัลนี้งั้นรึ?”
ฉินเหยียนรีบอธิบายทันทีว่า “การได้รับความกรุณาจากท่านพ่อ ต้องเป็นเรื่องที่ผู้อื่นต้องอิจฉามากอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ลูกชื่นชอบอย่างมากพ่ะย่ะค่ะ”
คำพูดเหล่านี้ยิ่งทำให้เหล่าขุนนางฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋นมีโอกาสในการประชดประชัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...
หายไปนานเลยนะครับ..ถ้ามาลงให้ได้อ่านต่อจะขอบพระคุณมากครับกำลังสนุก...
ซื้ออ่านยังไงได้ครับ...
ขอบคุณที่ลงเพิ่มครับ เรื่องนี้สนุกครับ...
ขอบคุณที่มาต่อให้ได้อ่านนะครับขอบุคุณมากๆสนุกดี...
จาก 438 เริ่มขยับแล้วววว 😁😁😁...