องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 81

ฉินเหยียนยิ้มแย้มแล้วเลิกคิ้ว ท่าทีราวกับว่าหากติดตามเขาจะต้องได้ดีตามแน่นอน จึงได้พูดเสียงเบาว่า “พี่ใหญ่ รีบคุกเข่ารับรางวัลสิ”

องค์ชายใหญ่ฉินชงรีบคุกเข่าลงแล้วทำคารวะแล้วพูดว่า “ลูกขอบพระทัยในความกรุณาของท่านพ่อพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้ฉินโบกมือแล้วพูดว่า “รีบลุกขึ้นเถิด พวกเจ้าสองพี่น้องร่วมมือกัน เป็นแบบอย่างให้แก่เหล่าองค์ชายอื่นๆ สามารถตรวจสอบจนพบอุบายของอาณาจักรจ้าวได้ ข้ารู้สึกยินดีอย่างยิ่ง!”

ทั้งสองพูดพร้อมกันว่า “ขอบพระทัยท่านพ่อที่ชื่นชมพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ฉินพูดต่ออีกว่า “เสนาบดีกรมอาญา จากที่เหยียนเอ๋อร์กล่าวมา ในการจับกุมไส้ศึกอาณาจักรจ้าวเจ้าเองก็ได้ลงแรงเช่นกันสินะ?”

เสนาบดีกรมอาญาคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดัง แล้วรีบทำมือคารวะแล้วพูดว่า “ข้าน้อยไม่บังอาจจะรับความดีงามนี้พ่ะย่ะค่ะ ไส้ศึกอาณาจักรจ้าวซ่อนตัวอยู่ในหมู่ชาวเมืองอาณาจักรฉินเช่นนี้ แต่ข้ากลับไม่ทันสังเกต เป็นความบกพร่องของข้าน้อยเอง ฝ่าบาทเชิญลงโทษเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้ฉินจับคางแล้วพูดช้าๆว่า “การที่อาณาจักรจ้าวสามารถส่งไส้ศึกเข้ายังเมืองหลวงอาณาจักรฉินได้แต่เจ้ากลับไม่สังเกตเห็น ก็เป็นความบกพร่องของเจ้าจริงๆ”

เมื่อเสนาบดีกรมอาญาได้ยินดังนั้นก็คิดว่าตนเองต้องถูกตัดหัวแน่นอน เขาตกใจกลัวจนตัวสั่นไปหมด แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นคลอนว่า “ข้าน้อยรู้ถึงความผิดพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้ฉินพูดอย่างเข้มงวดว่า “ถือว่าเจ้ายังรู้ตัว ในเมื่อเช้านี้เจ้าได้ทำการจับกุมไส้ศึกอาณาจักรจ้าวทั้งหมดแล้ว คุณโทษเท่ากัน ไม่ลงโทษและไม่มีรางวัล!”

เสนาบดีกรมอาญากราบหลายครั้งแล้วพูดว่า “ฝ่าบาทข้าน้อยยอมพลีชีพเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จพ่ะย่ะค่ะ ในวันข้างหน้าจะต้องสร้างผลงานอันดีให้ได้พ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้ฉินพยักหน้าอย่างพอใจ เสนาบดีกรมอาญาคือคนเก่าคนแก่ของเขา มีความจงรักภักดีต่อเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ไส้ศึกอาณาจักรจ้าวนั้นทั้งเจ้าเล่ห์และมีไหวพริบ ไม่ทันสังเกตเห็นก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ หากต้องลงโทษคนฝีมือดีเพราะเรื่องนี้ ก็คงทำร้ายจิตใจของเขามากเกินไป

หากจะต้องลงโทษ งั้นไม่ตกรางวัลให้จะดีกว่า จะทำให้เขารู้สึกดีกว่ามาก

เมื่อบรรยากาศถึงจุดนี้แล้ว ฉินเหยียนก็ใช้โอกาสนี้พูดตรงๆว่า “ท่านพ่อ ในเมื่อท่านรู้สึกว่าลูกมีคุณงามความดีในครั้งนี้ งั้นลูกก็ขอโอหังโดยการขอรางวัลกับท่านอย่างไร้ยางอายสักอย่างพ่ะย่ะค่ะ”

“โอหังนัก!” เมื่อพูดดังนั้นแล้ว เหล่าขุนนางฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋นก็ประชดประชันว่า

“ฝ่าบาทได้เลื่อนขั้นให้เป็นอ๋องระดับสองแล้ว แต่องค์ชายสิบสี่กลับยังโลภมาก ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก”

“หึ กับผลงานแค่นั้นก็อยากได้นั่นอยากได้นี่ ช่างหน้าด้านหน้าทนเสียจริง”

“เมื่อวานก็ขอดาบชื่อเซียวกับฝ่าบาทอย่างไม่เกรงใจ วันนี้คงไม่ได้คิดจะขอตำแหน่งชูจุนจากฝ่าบาทเลยหรอกนะ?”

“ข้าว่านะ ไม่มีเรื่องอะไรที่เขาทำไม่ได้หรอก”

เจ้าสิบสี่มักจะทำให้เขารู้ประหลาดใจอย่างคาดไม่ถึง ฮ่องเต้ฉินเองก็สงสัยว่าเขาอยากขอรางวัลอะไร แต่ว่าต่อหน้าขุนนางมากมายขาดนี้ ก็ไม่อาจแสดงออกมาได้ จึงพูดอย่างจริงจังว่า

“เหยียนเอ๋อร์ ข้าได้มอบรางวัลเลื่อนขั้นอ๋องระดับสองแก่เจ้าแล้ว เจ้าไม่ชื่นชอบรางวัลนี้งั้นรึ?”

ฉินเหยียนรีบอธิบายทันทีว่า “การได้รับความกรุณาจากท่านพ่อ ต้องเป็นเรื่องที่ผู้อื่นต้องอิจฉามากอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ลูกชื่นชอบอย่างมากพ่ะย่ะค่ะ”

คำพูดเหล่านี้ยิ่งทำให้เหล่าขุนนางฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋นมีโอกาสในการประชดประชัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์