องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 82

“ท่านพ่อ!” ฉินอู่ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขาคุกเข่าลง

“เมื่อวานน้องสิบสี่ได้ชิงทหารหัวกะทิของข้าไปใช้งานเอง ความดีนี้ข้าก็มีส่วนพ่ะย่ะค่ะ!”

หึหึหึหึ! เมื่อฉินเหยียนเห็นดังนั้นก็ยิ้มอย่างชั่วร้าย เขาประสานมือคารวะแล้วพูดว่า

“ท่านพ่อ พี่แปดพูดถูก ข้าคือเสนาบดีหงหลูซื่อ พี่ใหญ่คือต้าหลี่ซื่อชิง พวกข้าทั้งสองไม่มีกองกำลังในมือเลย ลูกขอพูดอย่างบังอ่าน ขอท่านพ่อโปรดเมตตา โดยให้เสนาบดีกรมอาญาและองค์ชายแปดฉินอู่ให้ความช่วยเหลือข้าและพี่ใหญ่ในการจัดการคดีความด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

“ว่าอย่างไรนะ?” องค์ชายแปดฉินอู่มองฉินเหยียนด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร นี่เจ้าสิบสี่คิดจะจัดการคดีความด้วยกันสามคนงั้นรึ ไม่ต้องคิดเลยก็รู้ว่าเขาไม่ได้มีเจตนาดีแน่นอน

ขุนนางฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋นในพระราชสำนักเองก็ถกเถียงไม่หยุด

“องค์ชายสิบสี่โง่หรือเปล่า นี่เขาดูไม่ออกรึว่าองค์ชายแปดเกลียดเขาที่สุด!”

“คิดไม่ออกจริงๆว่าเขาคิดจะทำอะไร มีเจตนาอะไรกันแน่”

“แต่หากพวกเขาสามคนดำเนินงานด้วยกันจริงๆ การให้องค์ชายแปดปราบปรามความเย่อหยิ่งขององค์ชายสิบสี่ก็ไม่เลวเหมือนกัน”

ฮ่องเต้ฉินต้องอยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องแน่นแฟ้นอยู่แล้ว สามารถเกื้อหนุนกันได้ อุทิศตนเพื่ออาณาจักรฉินร่วมกัน

ในเมื่อเจ้าสิบสี่มีใจอยากจะอันหนึ่งอันเดียวกับเหล่าพี่น้อง งั้นเขาที่เป็นท่านพ่อก็ควรจะสนับสนุน จึงได้เข็นเรือไปตามน้ำว่า “ก็ดีเหมือนกัน พวกเจ้าทั้งสามมีความกล้าหาญและกลยุทธ์ ฉลาดหลักแหลม การมอบหมายให้พวกเจ้าจับกุมไส้ศึกอาณาจักรจ้าวก็ถือว่าสมบูรณ์แบบ ข้าอนุมัติ!”

องค์ชายแปดฉินอู่สีหน้ามึนงง ว่าอย่างไรนะ? นี่ท่านพ่ออนุมัติแล้วเนี่ยนะ? ไม่ถามความคิดเห็นของเขาเลยงั้นรึ?

เขาเอ่ยปากขึ้นอย่างติดอ่างว่า “ท่านพ่อ ลูก......”

เมื่อฮ่องเต้ฉินเห็นว่าองค์ชายแปดสีหน้าไม่สู้ดีนัก จึงได้ตัดบทด้วยน้ำเสียงเข้มงวดว่า “มีอะไรคำอู่เอ๋อร์? เจ้าไม่เห็นด้วยกับการจัดแจงของข้ารึ?”

องค์ชายแปดฉินอู่ไม่กล้าสบตาฮ่องเต้ฉิน อย่างไรเขาก็ได้ทำเรื่องขายหน้าในงานเลี้ยงครั้งแล้วครั้งเล่า ได้สั่นคลอนตำแหน่งของเขาในใจของท่านพ่อแล้ว หากตอนนี้ปฏิเสธจะดูเรื่องมากเกินไป จึงทำได้เพียงพูดสวมบทว่า

“ท่านพ่อลูกมิได้ไม่เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ การได้จัดการคดีร่วมกับพี่ใหญ่และน้องสิบสี่ ถือเป็นเกียรติของลูกพ่ะย่ะค่ะ ลูกจะไม่ทำให้ท่านพ่อต้องผิดหวัง จะคอยช่วยเหลือพี่ใหญ่และน้องสิบสี่จับกุมไส้ศึกอาณาจักรจ้าวให้เร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”

มุมปากของฉินเหยียนปรากฎรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ ว่าแล้วเชียวว่าพี่แปดต้องไม่กล้าปฏิเสธท่านพ่อในพะราชสำนักแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ทุกอย่างก็อยู่ในแผนของเขาแล้ว

ฮ่องเต้ฉินพยักหน้าอย่างพอใจ ลูกชายของเขาช่างเป็นผู้ที่โดดเด่นกว่าผู้อื่นจริงๆ เขาพูดอย่างดีใจว่า “ดีมาก เรื่องไส้ศึกอาณาจักรจ้าว ข้าจะมอบหมายเป็นหน้าที่ของพวกเจ้าทั้งสาม เสนาบดีกรมกลาโหม เสนาบดีกรมพิธีการ และเสนาบดีกรมอาญาคอยให้ความช่วยเหลือด้วย หากมีเรื่องอะไรขึ้น ให้ดำเนินการอย่างเฉียบขาดก่อนแล้วค่อยรายงาน”

ทั้งสี่ประสานมือคารวะแล้วพูดพร้อมกันว่า “พ่ะย่ะค่ะ!”

นี่ก็เลยเวลามามากแล้ว ฮ่องเต้ฉินลุกขึ้นแล้วพูดว่า “มีเรื่องก็รายงานมา ถ้าไม่มีเลิกการหารือได้”

ขุนนางฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋นต่างพากันคุกเข่าแล้วคารวะ “ขอเชิญฝ่าบาททรงเสด็จพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทอายุยืนยาวหมื่นปีหมื่นปีหมื่นหมื่นปี!”

เมื่อฮ่องเต้ฉินออกมาจากตำหนักจินหลวนแล้ว เหล่าขุนนางก็พากันแยกย้ายไป

ฉินเหยียนโอบเอวขององค์ชายใหญ่แล้วพูดว่า “ไปกันเถอะพี่ใหญ่ เมื่อคืนคงเหนื่อยแย่แล้ว ไปกัน ข้าจะเลี้ยงเหล้าเอง”

ตอนนี้องค์ชายใหญ่ฉินชงตามใจเจ้าสิบสี่ทุกอย่าง เขาเองก็มองออกแล้วว่าไม่ว่าจะก้านกลยุทธ์หรือความกล้า น้องสิบสี่เหนือกว่าจริงๆ

อีกทั้งเรื่องการจับกุมไส้ศึกอาณาจักรจ้าวเมื่อคืนนี้ ทั้งที่เป็นความดีความชอบของเขาคนเดียว แต่กลับไม่สนใจความแค้นในอดีต นอกจากจะแบ่งความดีความชอบให้กับเขาแล้ว แถมยังได้ขอตำแหน่งราชการให้เขาทั้งที่เสี่ยงมากๆด้วย การที่สามารถมีน้องชายที่ช่วยเหลือกันเช่นนี้ในพระราชวัง เหตุใดยังต้องสนใจตำแหน่งชูจุนด้วย

เขาพูดอย่างตื้นตันว่า “น้องสิบสี่ ที่พี่ได้รับความกรุณาในวันนี้ต้องขอบคุณเจ้ามากจริงๆ พี่ต้องเลี้ยงเจ้าจึงจะถูก”

ฉินเหยียนตบบ่าขององค์ชายใหญ่ “โธ่ เราเป็นพี่น้องกันเหตุใดต้องเกรงใจมากถึงเพียงนั้น หรือเราไปที่หออี๋หงกันดีล่ะ อย่างไรหญิงสาวพวกนั้นก็ยังรอให้เราไปจัดการอยู่”

“สุดแล้วแต่น้องสิบสี่จะเห็นว่าดีเลย!”

ทั้งสองพูดคุยอย่างมีความสุขและเดินออกจากตำหนักจินหลวนไป ทำให้เหล่าขุนนางยิ่งถกเถียงกันมากขึ้น

“องค์ชายใหญ่พอเห็นว่าองค์ชายสิบสี่มีอำนาจหน่อยก็รีบเข้าร่วมเป็นพรรคเป็นพวก ช่างไม่มีความคิดเป็นของตนเองเลย”

“องค์ชายสิบสี่เป็นผู้ช่างเจรจา ใครจะไปรู้ว่าไปเป่าหูอะไรองค์ชายใหญ่ล่ะ”

“ข้าว่า การสร้างพันธมิตรขึ้นกะทันหัน จะแตกแยกไม่ช้าก็เร็วแน่นอน รอดูกันต่อไป”

เหล่าองค์ชายคนอื่นๆเองก็ดวงตาแดงก่ำ เมื่อเห็นว่ากำลังขององค์ชายสิบสี่เริ่มจะเพิ่มพูนมากขึ้น ความสามารถเองก็ค่อยๆแสดงออกมาเก่งกาจขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่องค์ชายใหญ่ก็ยังยอมเป็นพวกเดียวกับเขา คราวนี้หากจะต่อกรกับองค์ชายสิบสี่คงต้องวางแผนระยะยาว

ฉินเหยียนได้ยินสิ่งที่ทุกคนพูดกันลับหลังเขาอย่างชัดเจน แต่เขาไม่ได้สนใจและพูดคุยกับองค์ชายใหญ่ต่อ

“หยุดเดี๋ยวนี้!” องค์ชายแปดขวางทางของทั้งคู่ “เจ้าสิบสี่ เจ้าช่างจะโอหังมากขึ้นเรื่อยๆแล้วสินะ?”

ฉินเหยียนยิ้มแล้วพูดว่า “พี่แปดพูดถูก ข้าไม่ได้โตมาได้เพราะความผวา โอหังเป็นเรื่องปกติไม่ใช่รึ!”

องค์ชายแปดกัดฟันกรอกแล้วพูดว่า “อย่ามาพูดจาไร้สาระกับข้า อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ล่ะว่าเจ้าคิดแผนอะไรไว้ เจ้าแย่งทหารของข้าไปมากมายเพื่อจับกุมไส้ศึกอาณาจักรจ้าว ท่านพ่อกลับยกความดีความชอบทั้งหมดให้เจ้า เจ้าเนี่ยนะคู่ควร?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์