ดูผิวเผินทั้งเจ็ดอาณาจักรสงบสุข แต่ความจริงแล้วเบื้องหลังกลับมีการพัฒนาที่แตกต่างกันภายใต้ยุคสมัยที่เกิดการเปลี่ยนแปลง
แน่นอนว่าอาณาจักรฉินไม่ต้องพูดมากความ ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นอะไรต่างก็มีความสุขอย่างมาก การพัฒนาก้าวหน้าของแต่ละเมืองนำทุกอาณาจักรหลายเท่า บัดนี้จะบอกว่าอาณาจักรฉินคือสวรรค์ในแดนมนุษย์ก็ยังได้
ส่วนอาณาจักรจ้าว แม้จะเกิดสงครามใหญ่มาและเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทำให้ชาวเมืองได้รับภัยโดยไร้สาเหตุ แต่เมื่อกลายเป็นอาณาจักรของอาณาจักรฉินแล้ว ก็ได้ค่อยๆพัฒนารุ่งเรืองภายใต้การช่วยเหลือของอาณาจักรฉิน
อาณาจักรเยว่ที่เป็นรัฐบรรณาการของอาณาจักรจ้าว แม้พระราชสำนักจะถูกถอนรากถอนโคนแล้ว แต่เมื่อมีวิสาหกิจมารับช่วงดูแล ก็ได้พัฒนาไปทีละขั้น
ส่วนอาณาจักรหลู่เมื่อรู้ตัวว่าหากล้าหลังจะถูกโจมตี จึงได้เลียนแบบรูปแบบการพัฒนาของอาณาจักรฉิน เริ่มดำเนินการปฏิรูปอย่างครอบคลุม โดยมีหัวถิงคอยเสียภาษีทั้งอาณาจักร อาณาจักรหลู่เองก็กำลังพัฒนาขึ้นอย่างเฟื่องฟู
และเมื่อทั้งสี่อาณาจักรเปรียบเทียบกันแล้ว สถานการณ์การพัฒนาของอาณาจักรอู๋และอาณาจักรสู่ ดูเหมือนจะค่อนข้างไม่น่าพอใจ
เมื่อจบงานยุทธภพแล้ว ความแค้นของแต่ละสำนักก็หายไปหมด แต่ละสำนักของอาณาจักรสู่ก็ต่างแสดงให้เห็นว่าต้องการจะรับใช้พระราชสำนัก แต่ฮ่องเต้สู่กลับปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมให้ชาวยุทธเข้ามาในพระราชสำนัก อย่าพูดถึงตำแหน่งที่สำคัญเลย
เหล่าชาวยุทธรู้ว่าฮ่องเต้สู่ลำเอียงต่อพวกเขาก็ต่างพากันท้อแท้ แต่พวกเขาก็ไม่อาจทนรอต่อไปได้ ต้องหาทางออก พวกเขาแต่ละคนมีทักษะเฉพาะตัวกันหมด ต่อให้เป็นยุทธภพที่ยากลำบากก็อยู่จนมีชื่อเสียงมาได้
ดังนั้นจึงยึดความคิดที่ว่า ที่นี่ไม่ต้อนรับข้า ก็ต้องมีที่ที่ต้อนรับข้าแน่ และแล้วเหล่าชาวยุทธแห่งอาณาจักรสู่ก็ได้เลือกที่จะออกจากบ้านเกิดไปพร้อมกัน มุ่งหน้าไปเพื่อหาโอกาสดำรงชีวิตที่อาณาจักรอื่น
เนื่องจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของอาณาจักรสู่ถูกล้อมไปด้วยอาณาจักรฉิน อาณาจักรจ้าวและอาณาจักรเยว่ ภายใต้ความต้องการของฉินเหยียน ทั้งสามอาณาจักรได้ต้อนรับเหล่าชาวยุทธที่มาจากอาณาจักรสู่อย่างยินดี และให้ความสำคัญและให้ตำแหน่งที่สำคัญแก่พวกเขา
เมื่อเหล่าชนชั้นในอาณาจักรสู่เห็นว่าชาวยุทธอาณาจักรสู่ยังได้รับความสำคัญจากพระราชสำนักอาณาจักรอื่น เพื่ออนาคตที่ดีกว่า จึงได้มีผู้ที่ออกจากอาณาจักรสู่มากมายทีเดียว
เพียงไม่กี่เดือน อัตราการลดลงของผู้มีความสามารถในอาณาจักรสู่ก็กลายเป็นประวัติการณ์ ต่อให้เป็นชาวนาแก่ชราธรรมดาๆ เมื่อได้ยินว่าอาณาจักรอื่นหาเงินได้ง่ายกว่า ก็ได้พาครอบครัวย้ายไปหาอนาคตที่ดีกว่าที่อาณาจักรอื่น นั่นทำให้ประชากรที่เหลืออยู่น้อยลงเรื่อยๆอยู่แล้วของอาณาจักรสู่ บางที่กลายเป็นเมืองร้างไปเลย
และเพราะฮ่องเต้สู่ปิดรับข่าวสารจากภายนอก และการเผด็จการของตนเอง ไม่มีปณิธาน ทั้งไม่สามารถดึงผู้มีความสามารถเอาไว้ได้ และยังดูสถานการณ์ไม่ออก ทำให้อาณาจักรสู่ถดถอยไปอีก แสดงแนวโน้มขาลง
สำนักถังในอาณาจักรสู่ ที่อยู่อันดับหนึ่งในสามสำนักแห่งอาวุธลับแห่งยุทธภพ ได้รับสภาบริหารราชการแผ่นดินจากพระราชสำนักแห่งอาณาจักรฉิน พวกเขาได้เข้ารับตำแหน่งโดยไม่มีความลังเลใดๆ
หลินเย้าจู้ได้พาเหล่าสำนักถังทุกคนไปชมสภาบริหารราชการแผ่นดินที่เพิ่งจะสร้างขึ้นของอาณาจักรฉินด้วยตนเอง แม้เหล่าลูกศิษย์แห่งสำนักถังจะมั่นใจเรื่องการค้นคว้าวิจัยกลไกมาก แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นกลไกที่วิจิตรงดงามในสภาบริหารราชการแผ่นดินแล้ว ก็ยังต้องตกตะลึงจนขนหัวลุก
หลังจากนั้นหลินเย้าจู้ก็ได้พาเหล่าสำนักถังมาที่โรงงาน เขาแนะนำอย่างตรงไปตรงมาว่า
“เครื่องจักรที่ทุกท่านเห็นตรงหน้านี้ คือกระบวนการผลิตที่ต่อเนื่องกันของแต่ละกลไกที่เราผลิต”
เมื่อเห็นเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่กำลังทำงานเองท่ามกลางไอน้ำแล้ว เหล่าลูกศิษย์สำนักถังก็ตกตะลึงจนเบิกตากว้างอ้าปากค้าง แม้แต่เจ้าสำนักเองก็ตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...
หายไปนานเลยนะครับ..ถ้ามาลงให้ได้อ่านต่อจะขอบพระคุณมากครับกำลังสนุก...
ซื้ออ่านยังไงได้ครับ...
ขอบคุณที่ลงเพิ่มครับ เรื่องนี้สนุกครับ...
ขอบคุณที่มาต่อให้ได้อ่านนะครับขอบุคุณมากๆสนุกดี...
จาก 438 เริ่มขยับแล้วววว 😁😁😁...