ฟางเจาจวินคุ้นเคยกับสีหน้าความรู้สึกเหล่านี้ จึงเอ่ยปากออกมาว่า
“ถูกต้อง เกลือที่นี่ผ่านกรรมวิธีหลายขั้นตอนจนได้เกลือละเอียดคุณภาพสูง ไม่มีสิ่งเจือปน ไม่เพียงแต่ไม่มีรสขมเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้เป็นเครื่องปรุงรสทำให้อาหารมีกลิ่นหอมมากขึ้นอีกด้วย”
“เกลือเนื้อละเอียดยังสามาถนำมาทำความสะอาดได้อีกด้วย อย่างชาวอาณาจักรฉินเองใช้เกลือมาแปรงฟัน เมื่อเทียบกับเศษพืชทั่วไป ประสิทธิภาพของเกลือนั้นดีกว่า”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สายตาของนักวิชาการในอาณาจักรหลู่เบิกกว้างขึ้นและพูดด้วยความประหลาดใจ
“ท่าน ท่านพูดว่าใช้เกลือมาแปรงฟันหรือ? เรื่องจริงหรือเรื่องโกหกกันแน่?”
“ขนาดอาณาจักรหลู่ของเราติดชายฝั่งทะเล แต่ประชาชนไม่อาจผลิตเกลือเนื้อละเอียดเช่นนี้ออกมาได้ เกลือที่พวกเขากินนั้นมีสีไม่ใส อีกทั้งยังรสขม ซึ่งไม่สามารถนำมาเทียบกับเกลือชนิดนี้ได้เลย!”
“เกลือชั้นดีราคาสูง ประชาชนคนธรรมดาไม่มีเงินซื้อ ขนาดตระกูลที่ร่ำรวยบางตระกูลยังได้กินเกลือเนื้อละเอียดเช่นนี้แค่ช่วงเทศกาลเท่านั้น แต่ท่านกลับใช้เกลือละเอียดมาแปรงฟัน!”
เมื่อเห็นว่านักวิชาการอาณาจักรหลู่ค่อนข้างตื่นเต้น ฟางเจาจวินจึงรีบอธิบายต่อ
“เหมือนกับเหล้ากลั่น นำเกลือทั้งหมดมาผ่านการกลั่นกรอง ทำให้ได้เกลือเนื้อละเอียดจำนวนนับไม่ถ้วน”
“ไม่ว่าอนุภาคเกลือจะมีขนาดใหญ่เพียงใด หรือว่าสีจะไม่ใสแค่ไหน หลังจากผ่านการกลั่นกรองแล้ว เราจะได้เกลือสีขาวเนื้อละเอียดออกมา”
“ดังนั้นการกินเกลือละเอียด ไม่ใช่เรื่องใหม่ในอาณาจักรฉิน ไม่ว่าพวกเขาจะมาจากครอบครัวชนชั้นสูงหรือคนธรรมดาทั่วไป ทุกครัวเรือนล้วนมีเกลือเนื้อละเอียดนี้เอาไว้รับประทาน”
นักวิชาการอาณาจักรหลู่ได้ยินว่าทุกครัวเรือนในอาณาจักรฉินมีเกลือชั้นดีเนื้อละเอียดนี้ไว้ใช้ในทุกครัวเรือน พวกเขาถึงกับตะลึงในทันที
แต่เดิมพวกเขาคิดว่าชีวิตของพวกเขาในอาณาจักรหลู่นั้นถือว่าดีมากแล้ว แต่เมื่อเทียบกับชาวอาณาจักรฉิน แม้แต่ประชาชนคนธรรมดายังมีเกลือให้ใช้ พวกเขามีเพียงเชื้อพระวงศ์เท่านั้นที่สามารถมีเกลือไว้ใช้ได้
แม้แต่ผักและผลไม้ที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน กลับปลูกออกมาได้เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังรสชาติอร่อย ประชาชนกินไม่หมดจนต้องเอาไปให้หมูกิน
เรื่องนี้สอดคล้องกับสุภาษิตที่ว่า คนเทียบคนก็คงต้องตาย ของเทียบของก็ถูกจนต้องโยนทิ้ง!
การเรียนรู้ทุกแง่มุม ทำให้มุมมองของนักวิชาการในอาณาจักรหลู่ได้รับการปรับใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้พวกเขารู้สึกว่าตนอาศัยอยู่ในยุคโบราณที่ไร้อารยธรรม
ฟางเจาจวินเห็นการแสดงออกทางสีหน้าที่ซับซ้อนของนักวิชาการอาณาจักรหลู่ เห็นว่าเขาทั้งตกใจและประหลาดใจกับความรู้ใหม่ที่ปรากฎตรงหน้าพวกเขา
ต่อมาเมื่อความรู้วิทยาศาสตร์เหล่านี้แทรกซึมเข้ามาในชีวิตคน ความรู้สึกที่แปลกประหลาดในตอนแรกกลับค่อยๆ คุ้นชิน จากนั้นเริ่มเพลิดเพลินไปกับชีวิตที่สะดวกสบายมาจากความรู้ด้านวิทยาศาสตร์
ฟางเจาจวินกล่าวด้วยความโล่งใจ
“สิ่งที่ทุกท่านเห็นคือผลลัพธ์จากการใช้วิทยาศาสตร์ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิต จุดประสงค์ของการเรียนรู้นี้ก็เพื่อให้ทุกคนเห็นความแตกต่าง เรียนรู้ข้อดีของกันและกัน”
นักวิชาการอาณาจักรหลู่รู้สึกท้อแท้ เขาพูดออกมาว่า
“คณบดีฟาง ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่มีความมั่นใจ เพียงแต่ว่าอาณาจักรหลู่นั้นล้าหลังอาณาจักรฉินอยู่มาก พวกเราจะตามทันได้อย่างไรกัน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...
หายไปนานเลยนะครับ..ถ้ามาลงให้ได้อ่านต่อจะขอบพระคุณมากครับกำลังสนุก...
ซื้ออ่านยังไงได้ครับ...
ขอบคุณที่ลงเพิ่มครับ เรื่องนี้สนุกครับ...
ขอบคุณที่มาต่อให้ได้อ่านนะครับขอบุคุณมากๆสนุกดี...
จาก 438 เริ่มขยับแล้วววว 😁😁😁...