เสิ่นเฟยมองไปที่จางฝูด้วยสีหน้าเคร่งขรึม และทิ้งเรื่องน่าตกใจให้เขาอีกครั้ง
“ตอนที่ข้ากลับมา ข้าได้เข้าไปคุยกับหลินเย้าจู่ หัวหน้าแผนกอาวุธแห่งอาณาจักรฉิน เขาบอกข้าว่าอ๋องเหยียนมอบรูปภาพให้ข้าหนึ่งรูป ในรูปภาพมีเรืออู่เรือสองที่ ซึ่งคาดว่าจะมีเรืออย่างน้อยเจ็ดหมื่นถึงแปดหมื่นตัน เขายังบอกข้าอย่างตรงไปตรงมาว่า อู่เรือสองที่นั้นจะต้องเริ่มสร้างในอีกสิบยี่สิบปีอย่างแน่นอน!”
“เจ็ดแปดหมื่นตันหรือ? เรือประเภทใดกัน?”
เสิ่นเฟยถึงขนาดพุดถึงแผนการของหลินเย้าจู่ จางฝูมั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย
เจ็ดแปดหมื่นตัน จะสร้างเป็นเรือที่หนักถึงขนาดนี้ได้เลยหรือ? นั่นมันเรือที่ลอยอยู่ในทะเลชัดๆ!
มีภาพหนึ่งแวบขึ้นมาในจิตใจของจางฝู เขากำลังยืนอยู่ที่ท่าเรือ และมีเรือที่มีลักษณะคล้ายภูเขาลอยอยู่ระยะไกล แต่เขาเหมือนกับมดที่จ้องไปที่สัตว์ร้ายตัวนี้
แค่นึกถึงภาพนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
“เถ้าแก่จาง หลินเย้าจู่เป็นใคร เจ้าเองก็รู้ดี เขาไม่ใช่คนขี้โกหก เขากำลังค้นคว้าและวิจัยเรื่องนี้อยู่จริงๆ ในอนาคตเขาจะนำกลุ่มนักวิจัยมาที่อู่เรือข้า การวิจัยด้านเรือ อาณาจักรฉินกำลังทำเรื่องนี้อยู่ หากเจ้าลองสังเกตเจ้าก็จะเข้าใจ”
เสิ่นเฟยพูดต่อ
“ดังนั้นไม่ต้องสงสัยในเรื่องที่ข้าเพิ่งพูดไป อย่าคิดว่าข้าไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นหนึ่งในขุนนางในอาณาจักรฉิน ทุกคนต่างรู้ดีว่า หากสามารถทำประโยชน์ให้อาณาจักรฉินได้ อาณาจักรฉินไม่เคยสนใจสถานะของคนๆ นั้น”
“นักวิชาการตัวเล็กๆ อย่างหลินเย้าจู่ รวมถึงแม่ทัพสือที่เมื่อก่อนเป็นโจรพเนจร หรือแม้แต่เซี่ยชิงที่หน้าตาน่าเกลียด คนเหล่านี้ล้วนเป็นขุนนางที่มีความสามารถ กลับยิ่งใหญ่และมีอำนาจเหนือคนทั่วไปมิใช่หรือ?”
ในที่สุดการแสดงออกของจางฝูก็กลับมาเป็นปกติ เขาครุ่นคิดอยู่นาน
เขารู้ว่าเสิ่นเฟยพูดถูก
เขาได้ยินชื่อเสียงอันโด่งดังของคนเหล่านี้อยู่แล้ว ตามเรื่องที่เล่าต่อกันมา หลินเย้าจู่ที่พยายามเป็นหนึ่งมาโดยตลอดกลับล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า อ๋องเหยียนเห็นคุณสมบัติของเขา มอบหมายงานสำคัญให้ อีกทั้งยังให้รางวัลกับเขาด้วยการจัดงานแต่งงานให้อีกด้วย
แม้แต่เซี่ยชิง ยิ่งเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ ไม่มีสถานะ ไม่มีตำแหน่ง เป็นแค่คนไร้ค่าที่ถูกจองจำในคุกเพราะความไม่ยุติธรรม และรอการประหารชีวิต
แต่ตอนนี้เล่า? ไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงอย่างมากในใต้หล้าเท่านั้น แต่ยังเป็นคนสำคัญที่ได้อยู่เคียงข้างอ๋องเหยียน ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่าพวกเขายิ่งใหญ่และมีอำนาจเหนือคนทั่วไป
ส่วนแม่ทัพสือ บางคนบอกว่าเขาเป็นโจร บางคนบอกว่าเขาเป็นแม่ทัพใหญ่ แต่สิ่วเดียวที่ไม่อาจถกเถียงได้คือตัวตนของขาในฐานะแม่ทัพและความสามารถในการบังคับบัญชากองทัพขนาดใหญ่
ดังนั้นจางฝูในตอนนี้ไม่อาจหาคำมาหักล้างคำพูดของเสิ่นเฟยได้อีกต่อไป
เมื่อเสิ่นเฟยเห็นว่าจางฝูรู้สึกสนใจขึ้นมาเล็กน้อย เขาจึงกล่าวต่อว่า
“เถ้าแก่จาง ข้า เสิ่นเฟย รับรองได้ว่าภายในสามถึงห้าปี ข้าจะสร้างเรือที่มีน้ำหนักมากกว่าห้าพันตันได้อย่างแน่นอน แม้ว่าโครงสร้างหลักจะทำมาจากเหล็ก แต่การใช้ไม้ยังเป็นปัจจัยที่สำคัญ”
“ถ้าวันนี้เจ้าเห็นด้วย ในอนาคตข้าจะให้เจ้าเป็นผู้จัดจำหน่ายไม้ให้อู่เรือหลวงแต่เพียงผู้เดียว!ธุรกิจของเสิ่นเฟยมาถึงจุดนี้แล้ว ไม่มีอะไรอื่นนอกจากความเชื่อใจ!”
จางฝูได้ยินดังนั้น เขาพลันอ้าปากค้าง จ้องไปที่เสิ่นเฟยด้วยสายตาลุกเป็นไฟ ราวกับว่ากำลังมองไปที่เทพเจ้าแห่งความมั่นคง
“เจ้าแน่ใจหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...
หายไปนานเลยนะครับ..ถ้ามาลงให้ได้อ่านต่อจะขอบพระคุณมากครับกำลังสนุก...
ซื้ออ่านยังไงได้ครับ...