อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส นิยาย บท 52

การทดสอบครั้งนี้ ตามกฎแล้วฟู่จาวหนิงต้องไปค้นหาวัตถุดิบยาคนเดียว แต่นางมีฝีมือขนาดนั้นไหม?

ตาเฒ่าจี้ถลึงตามองไปทางรองขุนพลหลิว

"นางไม่ใช่ออกมาคนเดียวหรือไรกัน?"

"ผู้อาวุโสจี้ นี่พิสูจน์ไม่ได้ว่าของพวกนี้นางขุดมาคนเดียวนะ" รองขุนพลหลิวผายมือออก

"ในวังส่งพวกเจ้ามาคุ้มครองที่ทางเข้านี้ เพื่อไม่ให้คนอื่นเข้าไป แล้วพอไม่มีคนอื่นขึ้นภูเขา แล้วจะมีคนมาช่วยเหลือนางหรือ?" ผู้อาวุโสจี้ถามขึ้นมาอีก

รองขุนพลหลิวมองไปทางอ๋องเจวี้ยน

"เรื่องนี้ก็พูดยาก พวกเราแค่คุ้มกันทางเข้านี้ แต่คนบางส่วนก็สามารถลอบส่งคนเข้าไปทางอื่นก็ได้จริงไหม"

อ๋องเจวี้ยนน้ำเสียงเรียบ "ดังนั้น ตอนที่เจ้าพูดประโยคนี้แล้วมองข้า คือเจ้ากำลังสงสัยข้าสินะ?"

"ข้าน้อยมิกล้า"

รองขุนพลหลิวถึงแม้จะพูดว่าไม่กล้า แต่สีหน้าของเขากลับพุ่งชี้มาที่เขาอย่างชัดเจน

เขามั่นใจว่าตอนนี้อ๋องเจวี้ยนก็ไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้

แต่พริบตาต่อมา กลับเห็นว่าเบื้องหน้ามีแสงเย็นสว่างวาบ

รองขุนพลหลิวตกตะลึง รีบร้อนคิดจะถอยหนี แต่ก็ไม่ทันแล้ว กระบี่เล่มหนึ่ง แทงเข้าไปที่ท้องของเขา

เลือดทะลักออกมา

"อ๊า!" คนที่ยืนอยู่ข้างๆ รองขุนพลหลิวตกใจจนหน้าถอดสี รีบร้อนถอยหนี

รองขุนพลหลิวค่อยๆ ก้มหน้าลงอย่างไม่อยากเชื่อ ตอนที่เขาได้เห็นด้วยตาตนเอง กระบี่เล่มนั้นก็ถูกชักออกไปแล้ว

อ๋องเจวี้ยนกระบี่ที่เปื้อนเลือดโยนคืนไปให้ชิงอี เขาหยิบผ้าเช็ดมือผืนหนึ่งออกมา เช็ดนิ้วมืออย่างละเอียดพลางเอ่ยขึ้นเสียงเรียบกับเขา "ข้าไม่ได้กลับเมืองหลวงมาหลายปี ตอนนี้ราชองครักษ์รองขุนพลตัวจ้อยคนหนึ่งก็ยังกล้ามากระโดดโลดเต้นบนหัวข้าหรือ"

อืม ใครให้หน้า ใครมอบความกล้ามาให้กัน?

รองขุนพลหลิวใช้สองมือกดท้องไว้ เลือดยังไหลออกมาตลอด ดวงตาที่หมดประกายของเขามองไปทางหมอเทวดาหลี่

หมอเทวดาหลี่เองก็หน้าขาวซีดไปแล้ว

อ๋องเจวี้ยนที่แท้ก็เป็นคนน่ากลัวเช่นนี้หรือ?

ตอนนี้เอง อ๋องเจวี้ยนก็มองไปทางฟู่จาวหนิง เอ่ยขึ้นมาอีกว่า

"ไม่ใช่บอกว่าเจ้ารู้เรื่องหมอหรือ? พวกเขาในเมื่อสงสัยว่าเจ้าไม่รู้จักวัตถุดิบยาเหล่านี้ สงสัยว่ามีคนอื่นมาช่วยเจ้า เช่นนั้นก็ให้โอกาสเจ้าพิสูจน์ ที่นี่มีวัตถุดิบยาห้ามเลือดหรือไม่?"

ฟู่จาวหนิงเพิ่งได้สติกลับมา "ท่านจะให้ข้าห้ามเลือดเขาหรือ?"

นางเองตอนนี้ก็เพิ่งพบว่าอ๋องเจวี้ยนคนนี้ก็มีนิสัยอันตรายอยู่อีกด้วย เห็นว่าหน้าตาเย็นชาร่างกายป่วยกระเสาะกระแสะมาหลายปี ยังคิดว่าจะเป็นคนที่เย็นชาสักหน่อยเสียอีก ใครจะรู้ว่าในกระดูกเขาก็ยังมีด้านที่โหดร้ายทารุณอีกด้วย!

"กระบี่ข้าเบี้ยวไปหน่อย ไว้ชีวิตน่าเวทนาของเขาไว้ แต่ว่า จะห้ามเลือดได้หรือไม่ก็อยู่ที่เจ้าแล้ว"

ฟู่จาวหนิงเม้มปาก หยิบหย้าสมุนไพรช่อหนึ่งในนั้นออกมา ยื่นมือคว้าไปทางชิงอี ชิงอีก็ตกตะลึง ยังไม่ทันได้สติ กระบี่ที่เพิ่งจะถูกเช็ดเลือดจนสะอาดก็ไปอยู่ในมือฟู่จาวหนิงแล้ว

ชิงอี "..."

เอาล่ะ ข้าไม่ต้องเหลือหน้าไว้แล้วใช่ไหม? ท่านอ๋องจู่ๆ ก็แย่งกระบี่ของเขาไปเขายังไม่กล้าพูดอะไร แต่ฟู่จาวหนิงทำไมก็ยังสามารถชิงกระบี่ของเขาไปได้ในพริบตากัน?

ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังเป็นครั้งที่สองแล้วด้วย!

ฟู่จาวหนิงจับกระบี่ลงมือสับตับๆๆๆ ไปที่หญ้าสมุนไพรช่อนั้น

ชิงอีกแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว กระบี่ล้ำค่าของเขา ตอนนี้กลายเป็นมีดหั่นผักไปแล้วหรือ? ทำไมฟู่จาวหนิงจึงเอาใช้กระบี่ไปสับสมุนไพรได้กัน? ยิ่งไปกว่านั้นยังใช้ได้อย่างคล่องแคล่วอีก

คนอื่นเองก็ถลึงตาอ้าปากค้างมองท่าทางที่แตกต่างจากคนปกติของฟู่จาวหนิง

ฟู่จาวหนิงไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของพวกเขา ล้วงเอาใบไม้ที่หนาหน่อยอีกกำหนึ่งออกมาจากในตะกร้ายา ดยนเข้าไปในกองหญ้าสมุนไพรนั่น จากนั้นก็ใช้กระบี่สับๆๆ ต่อ

จังหวะที่ตาเฒ่าจี้เห็นนางใส่ใบไม้เข้าไปดวงตาก็เป็นประกาย สายตาที่มองฟู่จาวหนิงก็ราวกับมองเห็นสมบัติอย่างไรอย่างนั้น

"สาวน้อย เจ้ายังหาบัวกลีบไม้มาได้ด้วย!"

"อะไรนะ? บัวกลีบไม้นั่นเป็นวัตถุดิบยาล้างแผลที่ดีที่สุดนี่!" หมอหลวงคนหนึ่งร้องเสียงหลงขึ้นมา "ในวังตอนนี้ก็กำลังขาดแคลนบัวกลีบไม้อยู่เลย"

แต่ฟู่จาวหนิงกลับโยนกำหนึ่งลงไปสับจนละเอียดเสียแล้ว!

ฟู่จาวหนิงกอบยากองใหญ่ขึ้นมา เดินตรงไปเบื้องหน้ารองขุนพลหลิว ยกเท้าถีบหน้าอกเขา จนเขาหงายหลังล้มตึงกับพื้น

ตึง

"นี่"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส