เฝิ่นซิงก็รีบรับคำทันที "พระชายา ข้าน้อยจะไปเตรียมชา เป็นหลงจิงได้ไหม?"
"ได้หมด ขอบคุณ"
สาวใช้ทั้งสองรับคำและคารวะไปทางไห่ฉางจวิ้น จากนั้นก็รีบวิ่งออกไปแล้ว พวกนางไม่มองชิงอีเลยแม้แต่น้อย
ส่วนชิงอีที่ถูกเมิน "..."
ทำไมกัน เขาไม่มีตัวตนเลยหรือ?
สาวใช้สองทั้งสองตอนนี้ดูจะปีกกล้าขาแข็งขึ้นจริงๆ เสียแล้ว เพราะรู้สึกว่าเขาทำไม่ดีกับพระชายา ดังนั้นเลยมางอนเขาหรือ?
ชิงอีพาฟู่จาวหนิงกับไห่ฉางจวิ้นมาถึงข้างศาลา มีม่านกันลม ปลิวไสวแผ่วเบา เซียวหลันยวนในชุดคลุมสีม่วง ผ้าพันคอจิ้งจอกขาวยิ่งขับครึ่งใบหน้าที่งดงามราวรูปสลักนั้นให้สมบูรณ์ขึ้นไปอีก หน้ากากสีเงินทำให้เขาดูแล้วสูงสง่าอย่างลึกลับ
ข้างๆ มีเตาถ่านดินแดงใบเล็ก น้ำกำลังเดือดปุดๆ ควันขโมง ถาดชาเคลือบขาวใบหนึ่ง ด้านบนมีอุปกรณ์ชงชาเหมียวหลงวางไว้ ทำเอาคนไม่อาจมองข้ามตัวตนฐานะเขาไปได้เลย
คนธรรมดากล้าใช้อุปกรณ์ชงชาของเหมียวหลงเสียที่ไหน? อุปกรณ์ชงชานี้ล้วนเป็นสิ่งของพระราชทาน
ฟู่จาวหนิงกลับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เซียวหลันยวนกำลังต้มชาอยู่ที่นี่ หงจั๋วกับเฝิ่นซิงกลับรีบไปรินชาให้นางหรือ?
แต่ว่าก็ดี ถึงอย่างไรนางก็คงจะดื่มชาที่ผู้ชายเลวอย่างเซียวหลันยวนต้มให้ด้วยตัวเองไม่ลงหรอก
ถึงแม้จะมีความเห็นกับตัวเขาบ้าง แต่ฟู่จาวหนิงเองก็อดยอมรับไม่ได้ ว่าเขานั่งอยู่ที่นั่นราวกับเป็นภาพวาดเลยทีเดียว ภาพชายงามต้มน้ำชา
ไห่ฉางจวิ้นก็มองจนเหมือนน้ำลายจะหกแล้ว
"อ๋องเจวี้ยน ข้ามาแล้ว!"
ไห่ฉางจวิ้นวิ่งออกไปอย่างเริงร่า แย่งลงนั่งตรงข้ามกับอ๋องเจวี้ยน จากนั้นจึงยักคิ้วหลิ่วตาอย่างภูมิใจใส่ฟู่จาวหนิง
"แม่นางไห่"
เซียวหลันยวนทักทายนาง จากนั้นก็แหงนมองไปทางฟู่จาวหนิง "พระชายาสวมเสื้อบางเหลือเกิน หนาวหรือไม่"
ที่ฟู่จาวหนิงใส่คือชุดเก่าก่อนหน้านี้ ถึงแม้จะไม่ได้เก่าเท่าชุดเมื่อวาน แต่ก็บางไปหน่อย ในช่วงสภาพอากาศที่กำลังจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงก็รู้สึกหนาวเล็กน้อย
"ข้าสุขภาพแข็งแรง เลือดลมเพียงพอ ไม่เหมือนท่านอ๋องที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ยังไม่ทันจะเข้าฤดูใบไม้ร่วง ก็ต้องสวมผ้าพันคอขนสัตว์เหมือนเสื้อผ้าหน้าหนาวเสียแล้ว"
ฟู่จาวหนิงแซะไปประโยคหนึ่งอย่างไม่เกรงใจ
พอเห็นเสื้อผ้าที่เซียวหลันยวนสวม ได้ยินคำพูดของฟู่จาวหนิง ไห่ฉางจวิ้นก็พบว่าไม่ค่อยถูกต้อง วันนี้เวลานี้ ยังไม่จำเป็นต้องแต่งตัวแบบนี้นี่นา
"อ๋องเจวี้ยน ท่านป่วยหรือ? ท่านป่วยอะไรหรือ?"
พรวด
ชิงอีที่อยู่ข้างๆ พอได้ยินก็มุมปากกระตุก สายตาที่มองไห่ฉางจวิ้นก็ดูไม่ค่อยยินดีขึ้นมา นักบุญหญิงของเผ่าโม๋ลั่วคนนี้มันอย่างไรกัน? มีคนพูดจาแบบนี้ด้วยหรือ?
"ข้าร่างกายอ่อนแอไปหน่อยจริงๆ นั่นล่ะ" เซียวหลันยวนเองก็ตอบกลับอย่างซื่อตรง "เรื่องนี้ ในเมืองหลวงมีคนไม่น้อยที่รู้"
"อา เช่นนั้นให้ข้าลองจับมือดูหน่อย ข้าเป็นวิชาแพทย์อยุ่บ้าง เพียงแต่วิชาแพทย์พวกเราทางนั้นแตกต่างกับของพวกท่านทางนี้ ข้าต้องสำรวจฝ่ามือกับนิ้วมือซ้ายของท่าน"
พอเห็นชายหนุ่มที่สูงส่งทรงสง่าเช่นนี้บอกว่าตนเองอ่อนแอ ไห่ฉางจวิ้นก็ปวดใจขึ้นมา รีบร้อนเอ่ยกับเขา "ท่านรีบส่งมือให้ข้าเถอะ ข้าดูหน่อย ข้าต้องรู้ก่อนว่ามือท่านเวลานี้เย็นแค่ไหน"
ฟู่จาวหนิงเดินเข้ามานั่งอยู่ข้างๆ
นางมองเซียวหลันยวนอย่างเย้าแหย่ มองออกถึงไมตรีจิตที่แม่นางคนนี้มีให้ท่านหรือยัง ในเมื่อเป็นรักครั้งแรก ก็รีบคบหาไปเลยสิ
พวกเขาถ้าคบหากัน เรื่องหย่าล้างของนางก็ไม่ใช่ว่าจะง่ายขึ้นแล้วหรือ?
ในสายตาไห่ฉางจวิ้น เซียวหลันยวนมองมือของนางที่วางรออยู่บนโต๊ะ แต่กลับหันมาทางฟู่จาวหนิง
เขายื่นมือออกไป คว้ามือของฟู่จาวหนิง
"พระชายาของข้าก็มีวิชาแพทย์ ลองให้พระชายาดูมือของข้าแล้วกันว่าเย็นแค่ไหน"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส
เนื้อหาน่าติดตาม สนุกมากค่ะ รออยู่นะคะ🫰🫰...
ว้าวกำลังอ่านเพลินๆเลย มาไวๆนะคะแอด❤️❤️❤️...
เอ็นดูกระบี่ชิงอีกลายเป็นมีดหั่นผัก5555 ไม่รู้ว่ากว่าจะจบจะถูกพระชายาแย่งดาบในมืไปกี่ครั้ง😂😂😂😂...
ใครมาอีกละนั่น...
พวกเหลือบไร ริ้น ทั้งหลายในจวนฟู่ เมื่อไรนางเอกจะกำจัดให้สิ้นซากเสียที ปล่อยให้เขารักแกท่านปู่อยู่ได้...
นางเอกไม่รักษาให้สามีล่ะ หรือรักษาไม่ได้กัน...
ไห่ฉางจวิ้นเหมือนจะฮาอยู่นะ นางชอบแต่คนหล่อๆ ฮ่าๆๆ...
สนุกมากค่าาาาา รอตอนต่อไปอย่างจดจ่อเลย...