อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 127

หยุนหว่านหนิงมองโม่เยว่ตามสัญชาตญาณ

โม่เยว่ไม่ได้มองนาง เพียงแต่ใช้สายตามืดมนเล็กน้อยกวาดมองโม่ฮั่นอี่ว์ “พี่รองมีธุระหรือ”

ตรงมาก!

ไม่ไร้สาระแม้แต่คำเดียว!

เห็นได้ว่าโม่ฮั่นอี่ว์เคยชินกับนิสัยแย่ๆ นี้ของเขานานแล้วชัดเจน หลังจากชินตากับใบหน้าบูดบึ้งนี้แล้วก็ไม่มีอารมณ์โกรธ เพียงแต่ยิ้มพลางเดินเข้ามาใกล้ “ข้าว่างงานไม่มีอะไรทำ ก็เลยจะมาดื่มสุรากับเจ้า”

ดื่มสุรา?

หยุนหว่านหนิงกลอกลูกตา คิดแผนการในใจ

เดิมโม่เยว่คิดจะปฏิเสธ

แต่หยุนหว่านหนิงกลับพยักหน้าอย่างไม่ลังเล “ดื่มสุรา ดีสิ! เอาอย่างนี้แล้วกัน ถึงอย่างไรก็ยังไม่ค่ำเกินไป พวกท่านไปนั่งรอก่อน”

“ข้าจะไปทำกับแกล้มมานิดหน่อย!”

โม่เยว่มองนางด้วยความฉงนใจ

นางจะแม่ศรีเรือนขนาดนี้เชียวหรือ!

หยุนหว่านหนิงหัวเราะ “ฮาๆ” แล้วเข้าห้องครัวไปก่อน

เมื่อเห็นดังนั้น โม่เยว่ก็ไม่พูดมาก ได้แต่เชิญโม่ฮั่นอี่ว์เข้าไปนั่งสนทนาที่ห้องโถง

จากนั้นครู่เดียว โม่เยว่ก็เข้าห้องครัว

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

พอเห็นหยุนหว่านหนิงกำลังทำกับแกล้มจริงๆ เขาก็ขมวดคิ้วมุ่นพูดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย “เจ้าก็รู้ว่าข้าแตะสุราก็เมา”

นางไม่ได้จงใจอยากเห็นข้าขายหน้ากระมัง!

“กลัวอะไร ล้วนกล่าวว่าสามีภรรยาใจเป็นหนึ่งเดียว ทำได้ทุกอย่าง”

หยุนหว่านหนิงหมุนตัวกลับมา

ในหม้อคือถั่วลิสงทอด นางกำชับแม่นมจางว่าให้ใช้ไฟอ่อน พลางตบบ่าโม่เยว่ “เจ้าดื่มปุ๊บเมาปั๊บก็ไม่ใช่ว่ายังมีข้าหรือ”

“เจ้า?”

โม่เยว่ไม่เชื่อนางอย่างเห็นได้ชัด “เจ้าจะช่วยข้าดื่มหรือ”

“ใช่สิ! หรือท่านอ๋องไม่คิดหรือ ว่าที่อ๋องฮั่นมาหาในวันนี้จะมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง”

หยุนหว่านหนิงกะพริบตาปริบๆ

โม่เยว่มองนางด้วยสายตาแน่นิ่ง “หมายความว่าอะไร”

“เจ้ารู้ว่าข้าหมายความว่าอะไร! เจ้าไม่ใช่คนโง่สักหน่อย”

หยุนหว่านหนิงเหลือบมองเขา “ที่จริงพวกเราจวนอ๋องหมิงก็ไม่ต่างอะไรกับจวนอ๋องโจว ไม่มีแขกมาเยือน พวกพี่ชายเจ้าเคยมาจวนอ๋องหมิงเสียเมื่อไร”

“วันนี้อ๋องฮั่นตั้งหน้าตั้งตารอจะพบเจ้า ต้องมีเรื่องอะไรแน่!”

พอเห็นโม่เยว่เงียบ นางก็รู้ว่าเขาเดาออกตั้งแต่แรกแล้ว

“อ๋องฮั่นเจ้าเล่ห์เพทุบาย ถ้าไม่มอมสุราหลอกถามเขา...เจ้าว่ายังทำอย่างไรได้อีก”

หยุนหว่านหนิงหยิบตะหลิวขึ้นมา พลิกด้านถั่วลิสง “เจ้าเชื่อข้าก็พอแล้ว! หรือว่าข้ายังจะทำร้ายเจ้า?”

“เจ้าไปอยู่เป็นเพื่อนอ๋องฮั่นสิ เขาจะได้ไม่สงสัย”

โม่เยว่ออกไปอย่างกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย

ไม่นานหยุนหว่านหนิงก็ยกสุราและกับแกล้มออกมาด้วยตนเอง

อาหารตุ๋นจานหนึ่ง ถั่วลิสงจานหนึ่ง ยังมีของว่างจานหนึ่งและผลไม้อีกจานหนึ่ง

โม่ฮั่นอี่ว์กำลังสนทนาเรื่องสารพันความรู้กับโม่เยว่อยู่

แต่เห็นได้อย่างชัดเจน ท่าทีของทั้งสอง...ไม่เหมือนถูกคอ

คล้ายกับเป็นโม่ฮั่นอี่ว์ที่ทั้งพูดทั้งหัวเราะ แต่โม่เยว่กลับนั่งอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าปราศจากอารมณ์ เมื่อเทียบกันแล้ว โม่ฮั่นอี่ว์จึงยิ่งดูเหมือนตัวโง่งม

พอเห็นหยุนหว่านหนิงเข้ามา โม่ฮั่นอี่ว์ก็มองถาดที่อยู่ในมือนาง

“ข้ากลับไม่รู้ว่าน้องสะใภ้เจ็ดจะเป็นแม่ศรีเรือนถึงเพียงนี้!”

อ๋องฮั่นรู้จักพูดดังคาด พริบตาเดียวก็เปลี่ยนการเรียกหยุนหว่านหนิงจาก ‘ชายาน้องเจ็ด’ เป็น ‘น้องสะใภ้เจ็ด’ แล้ว

โม่ฮั่นอี่ว์ตะลึง “นี่อะไรน่ะ กลิ่นหอมเข้าจมูกเชียว”

เขายื่นมือออกไปชี้อาหารตุ๋นจานนั้น

“อาหารตุ๋น”

หยุนหว่านหนิงยิ้มอย่างตรงไปตรงมา อธิบาย “วันนี้เย็นแล้ว ดังนั้นข้าก็เลยไม่แบ่งอาหารผัก อาหารเนื้อ เอาสองอย่างมาตุ๋นในหม้อเดียวเลย พวกท่านลองชิมรสชาติดูสิ”

นางวางถาดลง “ยังมีนี่อีก”

สาวใช้ที่อยู่ข้างหลังหยิบสุรามาสองขวด

“แล้วนี่อะไรอีก”

โม่ฮั่นอี่ว์ราวกับเด็กอยากรู้อยากเห็น

“เอ้อร์โกโถว!”

หยุนหว่านหนิงวางเอ้อร์โกโถวไว้ตรงหน้าเขา “ข้าเป็นคนหมักสุรานี่เอง รับรองว่าอ๋องฮั่นต้องไม่เคยดื่มสุราที่มีฤทธิ์แรงอย่างนี้แน่นอน”

“ความเข้มข้นของสุรานี้สูงมาก ลงท้องไม่กี่จอกก็เมาแล้ว แต่หากอ๋องฮั่นดื่มไม่ได้ก็ดื่มน้ำชาเถอะ”

นางพกพารอยยิ้ม

นางกระตุ้นอย่างแนบเนียน เห็นได้ชัดเจนว่าได้ผล

“งั้นหรือ”

โม่ฮั่นอี่ว์ปัดมือ สายตาดูแคลน “ข้าได้ชื่อว่าพันจอกไม่เมา กับแค่สุราเล็กๆ ของเจ้าหรือจะทำให้ข้าเมาได้”

เพียงแต่เขารู้สึกว่าลักษณะของ ‘ไหสุรา’ นี้แปลกอยู่บ้าง

“แล้วไหสุรานี้เจ้าทำอย่างไร เหตุใดจึงไม่เหมือนไหสุราปกติ”

เมื่อเห็นท่าทางโม่ฮั่นอี่ว์ราวกับ ‘เจ้าหนูทำไม’ แล้ว หยุนหว่านหนิงก็หัวเราะเสียงเบา “นี่คือความลับ!”

นางเปิดฝาขวด รินสุราให้โม่เยว่กับโม่ฮั่นอี่ว์คนละจอก “อ๋องฮั่นลองลิ้มรสสุรานี่ดูหน่อย?”

“ได้”

โม่ฮั่นอี่ว์ไม่ได้ยึกยัก ยกจอกสุราขึ้นดื่มรวดเดียวหมด

ดวงตาหยุนหว่านหนิงแวบประกายลึกลับ เอ่ยอีก “แต่ไหนมาท่านอ๋องบ้านข้าก็ดื่มสุราไม่เก่ง มิเช่นนั้นก็ให้ข้าดื่มเป็นเพื่อนอ๋องฮั่นสักสองสามจอกจะดีกว่า?”

“เจ้าดื่มสุราเป็นหรือ”

เอ้อร์โกโถวลงท้องหนึ่งจอก ดวงตาทั้งสองของโม่ฮั่นอี่ว์เริ่มแดงนิดๆ

อย่างไรเขาก็คิดไม่ถึง ว่าสุรานี้จะแรงจริงๆ แม้แต่เขาก็รับไม่ไหว!

ลำคอปวดแสบปวดร้อน เขากระแอมกระไอสองสามทีติดกันจึงกลั้นไม่ให้ไอได้ โม่เยว่กับหยุนหว่านหนิงจะได้ไม่เห็นเป็นขัน

“พอได้จอกเล็กๆ สองสามจอก มิสู้อ๋องฮั่นที่พันจอกไม่เมาหรอก”

หยุนหว่านหนิงนั่งข้างๆ โม่เยว่

“น้องสะใภ้เจ็ดช่างเป็นยอดสตรีจริงๆ!”

ตอนนี้เองโม่ฮั่นอี่ว์ถึงมองนางตรงๆ รู้สึกว่าหยุนหว่านหนิงผู้นี้ต่างจากนางเมื่อสี่ปีก่อนจริงๆ...

ปกติ ‘แม่เสือ’ ในจวนเขาก็ดื่มกับเขาเหมือนกัน

แต่สุราฤทธิ์แรงเช่นนี้ เกรงว่าแม้แต่โจวหยิงหยิงก็ดื่มไม่ไหว

“ไม่คิดว่าน้องสะใภ้เจ็ดจะเก่งถึงเพียงนี้ ไม่เพียงมีฝีมือการทำครัว ทั้งยังสามารถนั่งโต๊ะสุราได้! ฝีมือการหมักสุรานี้ น่ากลัวว่าคนธรรมดาจะศึกษาไม่ได้นะ”

โม่ฮั่นอี่ว์เอ่ยชม

“ได้รับคำชมจากอ๋องฮั่นแล้ว”

หยุนหว่านหนิงยิ้มต้อนรับขับสู้ ชนจอกกับโม่ฮั่นอี่ว์

หลังจากดื่มสองจอก ท้องของโม่ฮั่นอี่ว์ก็ราวกับมีไฟกำลังแผดเผา เขาไม่ไหวแล้ว

เขารีบกินของว่างชิ้นหนึ่ง

เห็นโม่เยว่กำลังกินอาหารตุ๋น เขาก็อยากรู้อยากเห็นยิ่งนัก ไม่รู้ว่าอาหารจานนี้คือสิ่งใด มีรสชาติอย่างไร...พอได้กลิ่นหอมเข้มข้น เขาก็ถูกยั่วยวนจนนิ้วชี้ขยับ อดกลืนน้ำลายลงคอไม่ได้

โม่ฮั่นอี่ว์คีบรากบัวขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ครั้นได้สัมผัสรสชาติก็ตะลึงเบิกตากว้าง “นี่ นี่...”

นี่คืออาหารเทพเซียนอะไร!

“อ๋องฮั่นรู้สึกว่ารสชาติเป็นอย่างไรบ้าง”

“นี่เรียกได้ว่าเป็นอาหารล้ำค่าแห่งแดนมนุษย์เลย!”

โม่ฮั่นอี่ว์กินมันแผ่นอีก แล้วอดคีบตีนไก่ตุ๋นขึ้นมาอีกชิ้นไม่ได้ กินไม่หยุด

หยุนหว่านหนิงสบตากับโม่เยว่ทีหนึ่ง ยิ้มน้อยๆ พลางส่ายหน้า

ครั้นเห็นท่าทาง ‘ไม่เคยเห็นโลกกว้าง’ ของโม่ฮั่นอี่ว์ โม่เยว่ก็ลอบหัวเราะอย่างเย็นชาในใจ ปกติหยุนหว่านหนิงก็ทำ เขากินมาหมดตั้งนานแล้ว!

นี่เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่เขารู้สึกภูมิใจกับผู้หญิงของตัวเอง!

ครั้นเห็นโม่ฮั่นอี่ว์กินอาหารตุ๋นจานนั้นแบบกินเอาๆ หยุนหว่านหนิงก็ยิ้มวางตะเกียบลง “อ๋องฮั่น”

“ในเมื่อท่านอยากดื่มสุรา แต่การดื่มเช่นนี้จะไม่น่าเบื่อไปหน่อยหรือ มิสู้พวกเรามาเล่นอะไรแปลกใหม่กันดีกว่า?”

โม่ฮั่นอี่ว์หยุดมือ “เล่นอย่างไร”

กับสุราที่อยู่ตรงหน้า เขาขยาดแล้ว...

โม่เยว่เบือนหน้าไปแอบยิ้ม เขามั่นใจเลย หยุนหว่านหนิงจะก่อเรื่องอีกแล้ว!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์