อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 128

“หรือว่าเจ้าอยากเล่นเกมต่อคำ”

โม่ฮั่นอี่ว์มองหยุนหว่านหนิง สีหน้าประหลาดใจ

“เกมต่อคำ? ข้าไม่ใช่คนสุภาพมีความรู้สักหน่อย จะเล่นเกมพรรค์นั้นไปทำอะไร”

หยุนหว่านหนิงโบกมือ รอยยิ้มเปื้อนเต็มดวงหน้า “มิสู้พวกเราเล่น...ทอยลูกเต๋ากันดีกว่า?”

“เล่นอย่างไรหรือ”

โม่ฮั่นอี่ว์ไม่เคยเล่น

หยุนหว่านหนิงสั่งให้หรูอวี้ไปเอาลูกเต๋ามา แสดงให้โม่ฮั่นอี่ว์ดูทีหนึ่ง “พวกเราทอยลูกเต๋า ใครทอยได้แต้มน้อย คนนั้นดื่ม!”

นางทอยออกไป ได้หนึ่งแต้ม

เมื่อเห็นดังนั้น โม่ฮั่นอี่ว์ก็มีความมั่นใจแล้ว

ก็แค่ทอยลูกเต๋ามิใช่หรือ

หรือว่าเขายังทอยลูกเต๋าสู้หยุนหว่านหนิงที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งไม่ได้

ขาเลิกแขนเสื้อขึ้น ทำท่าทางอย่างกับ ‘ลุย’ แล้วพูดกับโม่เยว่ “น้องเจ็ด เจ้ามาเป็นกรรมการ! ต้องยุติธรรมเท่าเทียมนะ ห้ามลำเอียงให้ผู้ใดเด็ดขาด”

เขามองหยุนหว่านหนิงด้วยความหมายลึกซึ้งทีหนึ่ง

“พวกเราเล่นกัน จะปกป้องชายาของเจ้าไม่ได้นะ”

โม่ฮั่นอี่ว์ตั้งท่าตั้งทาง เตรียมจะทอย

หยุนหว่านหนิงเอามือกอดอก “อ๋องฮั่น เชิญ”

“น้องสะใภ้เจ็ด ประเดี๋ยวแพ้แล้วอย่าร้องไห้ขี้มูกโป่งล่ะ!”

“อ๋องฮั่น หากจะพนันก็ต้องยอมรับการพ่ายแพ้ได้ ข้ายังพอเข้าใจหลักการนี้อยู่นะ”

หยุนหว่านหนิงแย้มยิ้ม

โม่ฮั่นอี่ว์มั่นใจเต็มพิกัด ทอยออกไป...สามแต้ม

แม้จะทอยไม่ได้หกแต้มอย่างที่คิด แต่สามแต้มเขาก็พอใจแล้ว เมื่อครู่หยุนหว่านหนิงทอยออกไป ก็ไม่ใช่แค่แต้มเดียวเองหรือ

เขายิ้มพลางยื่นลูกเต๋าให้หยุนหว่านหนิง “น้องสะใภ้เจ็ด ถึงตาเจ้าแล้ว”

เมื่อเห็นท่าทางมั่นใจเต็มเปี่ยมของเขา หยุนหว่านหนิงก็พกความระแวดระวังอยู่บนใบหน้าเล็กน้อย

จากนั้น...ก็ทอยออกไปได้หนึ่งแต้มอีก

โม่ฮั่นอี่ว์ยิ้มจนใบหน้าเป็นดั่งดอกเบญจมาศ “น้องสะใภ้เจ็ด ดื่มเถอะ”

เขายื่นสุราให้หยุนหว่านหนิง

“เฮ้อ ดูดวงข้าสิ”

หยุนหว่านหนิงส่ายหน้า ถอนหายใจทีหนึ่ง รับจอกสุรามาแล้วดื่มจนหมดรวดเดียว

“ดี! น้องสะใภ้เจ็ดคือยอดสตรีจริงๆ!”

โม่ฮั่นอี่ว์ยิ้มหน้าชื่นตาบานมากกว่าเดิม จากนั้นก็ทอยลูกเต๋าออกไปด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมอีกครั้ง ลูกเต๋าหมุนอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็หยุดที่สี่แต้ม

เขาเพียงรู้สึกว่าตนเป็นอัจฉริยะในการเล่นทอยลูกเต๋าจริงๆ!

“น้องสะใภ้เจ็ด เจ้าไม่ควรเล่นทอยลูกเต๋ากับข้าเลย ข้าสู้ศึกทั่วหล้า ไร้ศัตรูทัดทาน!”

แต่บังเอิญเหลือเกิน หยุนหว่านหนิงทอยได้ห้าแต้ม

นางยิ้มพลางมองเขา “อ๋องฮั่น คราวนี้ท่านควรดื่มแล้วใช่หรือไม่”

โม่ฮั่นอี่ว์ตาค้าง

โม่เยว่เอ่ยปากด้วยใบหน้าปราศจากอารมณ์ “พี่รอง ท่านแพ้แล้ว”

“มันจะเป็นไปได้ยังไง”

โม่ฮั่นอี่ว์ปากอ้าตาค้างมองห้าแต้ม

ขยี้ตา ยังคงเป็นห้าแต้มเหมือนเดิม เขามองหยุนหว่านหนิงแบบไม่ยอมแพ้ “เจ้า นี่คือเจ้าดวงดี! คราวนี้ข้าจะให้เจ้าชนะ!”

เขายกจอกสุราขึ้น ขมวดคิ้วดื่มลงไป

เป็นอย่างที่คิด เขาสำลักจนน้ำตาไหล

“อ๋องฮั่น ออมมือให้แล้ว ต่อเถอะ”

โม่ฮั่นอี่ว์ ห้าแต้ม

เขากระหยิ่มยิ้มย่องมองหยุนหว่านหนิง ราวกับนกยูงรำแพนหาง

หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้วนิดๆ ทอยออกไป หกแต้ม

“อะไรนะ!”

โม่ฮั่นอี่ว์ถลึงตาพูดไม่ออก

หากเมื่อครู่คือหยุนหว่านหนิงดวงดี โชคดีชนะเขาหนึ่งตา...เช่นนั้นครั้งนี้จะอธิบายอย่างไร!

“พี่รอง ท่านแพ้แล้ว”

โม่เยว่ยื่นสุราให้

โม่ฮั่นอี่ว์รับมาแบบอึ้งๆ ดื่มลงไปแบบมึนๆ

โม่ฮั่นอี่ว์ สามแต้ม

หยุนหว่านหนิง สี่แต้ม

“พี่รอง ท่านแพ้แล้ว”

โม่เยว่ยื่นสุรา

โม่ฮั่นอี่ว์ สี่แต้ม

หยุนหว่านหนิง ห้าแต้ม

“พี่รอง ท่านแพ้แล้ว”

โม่เยว่ยื่นสุรา

หยุนหว่านหนิงไม่ได้จงใจทิ้งห่างแต้มของโม่ฮั่นอี่ว์ออกไปพันแปดร้อยโยชน์

แต่ทุกครั้งจะชนะเขาหนึ่งแต้มแบบบังเอิญจริงๆ

พลังโจมตีมีไม่มาก แต่เหยียดหยามเต็มระดับ!

ผ่านไปไม่กี่ตา โม่ฮั่นอี่ว์ก็เมาจนหัวหมุน ต้องยันกับโต๊ะถึงจะยืนได้อย่างมั่นคง เขาเห็นหยุนหว่านหนิงที่อยู่ตรงหน้ามีศีรษะสองใบ โม่เยว่มีสามใบ

เขาเป็นดั่งมัจฉาตัวหนึ่ง ไหลลงไปอยู่ข้างล่างโต๊ะ

โม่ฮั่นอี่ว์เห็นโม่ฮั่นอี่ว์ไหลลงไปอยู่ข้างล่าง คิดในใจว่าหากไม่ใช่ว่าหยุนหว่านหนิง ‘ออกศึก’ แทน

น่ากลัวว่าคนที่ไหลลงไปอยู่ข้างล่างโต๊ะอับอายขายหน้าต้องเป็นเขาแล้ว

เมื่อเห็นโม่ฮั่นอี่ว์ไม่ไหวแล้ว หยุนหว่านหนิงก็พ่นลมขึ้นจมูก “แค่นี้เนี่ยนะ ยังว่าพันจอกไม่เมาอีก?”

“แถมยังสู้ศึกทั่วหล้า ไร้ศัตรูทัดทาน?”

“จอมขี้โม้กระมัง”

เมื่อนั้นนางก็สั่งหรูอวี้ให้ลากโม่ฮั่นอี่ว์ขึ้นมาจากข้างล่าง

เห็นใบหน้าเขาแดงก่ำ เมาหยำเปไม่ได้สติ

โม่เยว่เหลือบมองนางทีหนึ่ง “ไม่ใช่ว่าจะมอมสุราพี่รองแล้วหลอกถามหรือ”

ตอนนี้มอมสุราจนเมาแล้วก็จริง แต่หนักไปหน่อย...โม่ฮั่นอี่ว์เมาหัวราน้ำ แล้วนี่เขาจะหลอกถามอย่างไร!

“ท่านอ๋องไม่ต้องรีบร้อน”

หยุนหว่านหนิงล้วงเข็มเงินออกมา ฝังเข็มกับโม่ฮั่นอี่ว์สองสามจุด

ไม่นานเขาก็สะลึมสะลือลืมตาขึ้น แววตาเหม่อลอย ยังเมาอยู่ชัดเจน “ที่นี่ที่ไหน พวกเจ้าเป็นใคร”

โม่ฮั่นอี่ว์ถามด้วยความมึนเมา

หยุนหว่านหนิงยื่นหนึ่งนิ้วออกไป “อ๋องฮั่น นี่เท่าไร”

“นี่คือนิ้วเท้า เหตุใดเจ้าจึงใช้นิ้วเท้ามาชี้ข้า อาจหาญเกินไปแล้ว! ใครก็ได้ ลากนางออกไปตัดหัวซะ!”

โม่ฮั่นอี่ว์ที่เมาสุรา มีศักยภาพในการเป็นทรราชมาก

หยุนหว่านหนิงเดาะลิ้น ยักหน้ากับโม่เยว่ “ท่านอ๋องต้องการถามอะไรก็รีบถามเถอะ”

หรูอวี้ประคองโม่ฮั่นอี่ว์ไปนั่งที่เก้าอี้

แต่เขาเมาหัวราน้ำแล้ว เดี๋ยวเดียวก็ไหลไปอยู่ข้างล่างโต๊ะอีก

ด้วยความจนใจ หรูอวี้จึงกดเขาอยู่กับเก้าอี้ จับแขนเขาไว้แน่นๆ

โม่เยว่มองโม่ฮั่นอี่ว์ที่งุนงงถามเสียงหนัก “พี่รอง วันนี้ท่านมาจวนอ๋องหมิงมีจุดประสงค์อะไรกันแน่”

“จวนอ๋องหมิงหรือ ข้าคิดดูก่อน”

โม่ฮั่นอี่ว์เรอสุรา กลิ่นสุราคละคลุ้ง

โม่เยว่ขมวดคิ้ว ถอยออกหนึ่งก้าวด้วยความรังเกียจ

“อ้อ! ตอนกลางวันข้าเข้าวัง แอบฟังเจ้ากับพี่ใหญ่พูดกัน ว่าอะไรนะ ว่าหนังสือสำนึกผิดของน้องสามถูกคนสับเปลี่ยน”

โม่ฮั่นอี่ว์เรออีกครั้ง หัวเราะ “แหะๆๆ” “ข้าเป็นคนเปลี่ยนเองนั่นแหละ!”

“คิดไม่ถึงละสิ พวกเจ้าคิดไม่ถึงใช่หรือไม่!”

เขาทำท่าทางอย่างกับ ‘ข้าแน่ที่สุด’ ผงกหัวยิ้มร่า

โม่เยว่ “...”

คิดไม่ถึงจริงๆ

ในความคิดของเขา แม้เบื้องหลังโม่ฮั่นอี่ว์จะมีตระกูลโจวที่แข็งแกร่งช่วยเหลือ แต่ปกติเขาเป็นคนสำมะเลเทเมา ไม่รู้เรื่องในราชสำนัก

ส่วนโจวหยิงหยิงก็เป็นแค่ ‘หญิงแกร่ง’

สองสามีภรรยาปกตินอกจากเรื่องกินข้าวแล้ว ก็ไม่มีความสามารถพิเศษอื่น

ไม่เพียงแต่โม่เยว่ที่คิดอย่างนี้ แม้แต่พวกโม่หุยเหยียนก็คิดอย่างนี้เหมือนกัน...

ดังนั้นพอได้ยินโม่ฮั่นอี่ว์กล่าวเช่นนี้ เขาก็รู้สึกเหนือความคาดหมายจริงๆ

“ทำไมท่านต้องสลับหนังสือสำนึกผิดของพี่สามด้วย”

“เพราะมันน่าต่อย! พ่อตาส่งจดหมายมาบอกข้า ว่าเจ้าสามคิดจะเขียนหนังสือสำนึกผิด ข้าก็เลยมีความคิดนี้ ดูสิว่าข้าจะทำไอ้สารเลวคนนี้ตายได้หรือไม่”

โม่ฮั่นอี่ว์กัดฟัน ก่นด่าเสียงอู้อี้ “ตั้งแต่เด็กก็ชอบแย่งของข้า”

“โม่หุยเฟิงมันไม่ใช่คน!”

โม่เยว่ “...”

ตอนนี้เอง เขาก็ได้ยินเสียง “ซ่าๆ” ดังมาจากข้างหลัง

เขาหันไปมอง เห็นหยุนหว่านหนิงกำลังทำอะไรกับวัตถุสีดำทรงสี่เหลี่ยมอย่างขะมักเขม้นอยู่

และเสียง “ซ่าๆ” ก็ดังออกมาจากในนั้น

โม่เยว่ขมวดคิ้วมุ่น “หยุนหว่านหนิง เจ้ากำลังทำอะไร แล้วเจ้าสิ่งนี้คืออะไร”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์