อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 130

ทันใดนั้นโม่เยว่ก็รู้สึกว่าตัวเองมึนไปเล็กน้อย

“หยุนหว่านหนิง เจ้าป่วยใช่หรือไม่”

เขาเอื้อมมือออกไปอังหน้าผากของหยุนหว่านหนิง ขมวดคิ้วแน่น “ไม่ป่วยแล้วพูดเพ้อเจ้ออะไร”

“ถ้าเจ้าไม่ได้หลงรักข้า ก็คือกำลังชมเชยข้า?”

หยุนหว่านหนิงทำหน้าตกใจ “โม่เยว่ เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ได้ยินเจ้าชมเชยข้า! เจ้าชมเชยได้น่าฟังมาก! ชมเชยข้าให้ข้าฟังอีกสักสองสามประโยคสิ?”

เมื่อเห็นนางราวกับคนโง่งม โม่เยว่ก็เลิกล้มการสนทนากับนาง

ไม่ว่านางจะใช่หยุนหว่านหนิงหรือไม่ ขอเพียงนางไม่คิดร้ายกับเขาก็พอ

ถึงอย่างไรดูจากตอนนี้ โดยรวมนางก็ไม่ได้คิดร้ายอะไร

เพียงแต่จะประมาทไม่ได้ ยังต้องระแวดระวัง...

โม่เยว่คิดในใจ

เห็นเขาไม่พูด หยุนหว่านหนิงจึงรู้ว่าวันนี้พอจะผ่านไปได้แล้ว

แต่นางเพิ่งจะโล่งอก ก็ได้ยินโม่เยว่เอ่ยเรียบ “ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ข้าขอเตือน อย่าได้ก่อเรื่องและอย่าได้หาเรื่อง”

“ความคิดที่ไม่ควรมีก็อย่าได้มี”

“ความคิดที่ไม่ควรมี? เจ้าหมายถึงอย่าได้หลงรักเจ้าหรือ”

หยุนหว่านหนิงกะพริบตา

โม่เยว่รับกับความสามารถในการพูดจาเลื่อนเปื้อนของนางไม่ไหวจริงๆ “ตามแต่เจ้าจะคิด”

เขาหมุนตัวจากไป

เพียงแต่แผ่นหลังนั้น จะดูอย่างไรก็ดูไม่ได้เล็กน้อย

หยุนหว่านหนิงปิดปาก หัวเราะเบาๆ “จิ๊บจ๊อย! ข้ายังจัดการเจ้าไม่ได้หรือ”

ไม่ได้ดื่มสุราอย่างนี้นานแล้ว พอถูกลมหน่อย นางก็รู้สึกมึนศีรษะเล็กน้อย หยุนหว่านหนิงสะบัดหน้า วางแผนจะกลับไปพักผ่อนที่เรือนชิงหยิ่ง

ไหนเลยจะรู้ พอหันกลับไป หรูอวี้ก็รีบร้องวิ่งมา

“พระชายา พระชายา พระยาชาฮั่นมาแล้วขอรับ!”

โจวหยิงหยิงมา?

คงมารับโม่ฮั่นอี่ว์กลับไปสินะ

“มาแล้วก็มาสิ มีอะไรน่าโหวกเหวกโวยวายกัน นางคงมารับอ๋องฮั่นกลับไปนั่นแหละ ให้นางรับไปก็พอ จะมาบอกข้าทำไม”

นางหมุนตัวจะเดิน

“ไม่ใช่ขอรับพระชายา!”

หรูอวี้รีบขวางนางไว้ “นายท่านบอกว่าให้ท่านไปต้อนรับพระชายาฮั่นขอรับ!”

ต้อนรับ?

หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้ว

หรือว่าโจวหยิงหยิงไม่รีบกลับ?

ตอนนี้นางคือพระชายาหมิง เป็นนายหญิงของจวนอ๋องแห่งนี้...มีแขกมาเยือน อีกทั้งยังเป็นแขกผู้หญิง นางที่เป็นพระชายาหมิงก็สมควรต้องออกไปต้อนรับจริงๆ

ด้วยเหตุนี้ นางจึงสะบัดหน้า สลัดความมึนเมาออกไป

“เจ้าไปก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะไป”

ดื่มเยอะเกินไป ปวดปัสสาวะ

หยุนหว่านหนิงหันตัวไปห้องน้ำ

ขณะที่กลับมายังห้องโถงอีกครั้ง โจวหยิงหยิงกำลังเครียดจัด มองโม่ฮั่นอี่ว์ที่กำลังนอนหลับอุตุอยู่บนเก้าอี้

นางบิดผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมในมือแน่น คิ้วใบหลิวขมวดมุ่น “เจ้าสุนัขนี่! บอกว่าจะมาปรึกษาหารือธุระกับน้องเจ็ดนิดหน่อย ไฉนจึงหารือจนกลายเป็นสุกรขี้เมาไปได้”

เนื้อตัวโม่ฮั่นอี่ว์มีกลิ่นสุราคละคลุ้ง โจวหยิงหยิงยืนอยู่ข้างๆ ด้วยความรังเกียจ

“น้องเจ็ด นี่เจ้ากรอกสุราเขาไปเท่าไร”

“พี่สะใภ้รองเข้าใจผิดแล้ว พี่รองต้องการดื่มเองต่างหาก ไม่เกี่ยวกับข้า”

โม่เยว่ยกจอกน้ำชาขึ้น หน้าเรียบ

“งั้นหรือ ปกติท่านอ๋องบ้านข้าชอบดื่มสุรา แต่ก็ไม่ถึงกับดื่มจนเมาหัวราน้ำอย่างนี้!”

เห็นชัดว่าโจวหยิงหยิงไม่เชื่อ

“พี่สะใภ้รอง!”

เสียงของหยุนหว่านหนิงดังมาจากประตู “ท่านอ๋องบ้านข้ากล่าวถูกต้อง อ๋องฮั่นต้องการดื่มเอง ข้ากับท่านอ๋องห้ามอย่างไรก็ห้ามไม่อยู่”

นางเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า

นี่คือครั้งที่สองที่โจวหยิงหยิงได้พบกับหยุนหว่านหนิง

ครั้งแรกคือที่ตำหนักหย่งโซ่ว

วันนั้นเป็นงานเลี้ยงวันเกิดของเต๋อเฟย หยุนหว่านหนิงมองผ้าปักสองด้านล้ำค่าภาพหนึ่ง

แต่ขณะนั้นพวกนางไม่รู้จักผ้าชนิดนั้น โจวหยิงหยิงยังถากถางนางอีกยกหนึ่ง...แต่หลังจากคลี่คลายความเข้าใจผิดแล้ว นางก็เปลี่ยนท่าทีที่มีต่อหยุนหว่านหนิงบางส่วน

โจวหยิงหยิงเป็นคนเถรตรงยิ่งนัก

ชอบคือชอบ ไม่ชอบคือไม่ชอบ

หยุนหว่านหนิงในสมัยก่อน อย่างว่าแต่โจวหยิงหยิงจะไม่ชอบเลย ต่อให้เป็นทั้งเหมืองหลวงก็มิมีผู้ใดชอบนางสักคน

แต่ที่ตำหนักหย่งโซ่วในวันนั้น นางกลับทำให้โจวหยิงหยิงเปลี่ยนทัศนคติ

ยามนี้เมื่อเห็นนางแย้มยิ้มเดินมา...สุภาษิตกล่าวได้ดี ยื่นมือไม่ตีคนหน้ายิ้ม

โจวหยิงหยิงจึงฝืนเค้นรอยยิ้มเล็กน้อย “พระชายาหมิง ไม่รู้ว่าสุราจวนอ๋องหมิงของพวกเจ้าน่ารื่นรมย์เพียงใด ถึงกับสามารถทำให้ท่านอ๋องบ้านข้าเมามายถึงเพียงนี้”

“ใช่ว่าข้าจะยกยอตัวเอง สุรานี้พี่สะใภ้รองไม่เคยดื่มจริงๆ!”

หยุนหว่านหนิงหยิบเอ้อร์โกโถวออกมาแล้วยื่นให้นาง “พี่สะใภ้ลองชิมดูสักหน่อย?”

โจวหยิงหยิงสามารถดื่มได้สองเหลี่ยง (*น้ำหนัก 50 กรัม)ได้เหมือนกัน

แต่เวลานี้ พอนางเห็น ‘ไหสุรา’ ที่หน้าตาแปลกประหลาดนี้แล้ว ก็มีสีหน้าตกตะลึงเหมือนโม่ฮั่นอี่ว์ราวกับแกะ

“นี่คือสิ่งใด”

“สุรา ชื่อเรียกว่าเอ้อร์โกโถว”

หยุนหว่านหนิงตอบ “ถ้าตอนนี้พี่สะใภ้รองยังไม่ดื่ม ก็เอากลับไปชิมได้ สุรานี่ข้าหมักเอง รสชาติไม่ค่อยเหมือนกับนารีแดง”

นอกจากเอ้อร์โกโถวแล้ว นางยังมี ‘ไม้ตาย’ อย่างอื่นอีก

ถ้าโจวหยิงหยิงไม่ชอบเอ้อร์โกโถว นางยังมีไวน์ เหล้าผลท้ออะไรอีก

ต้องมีสักอย่างที่นางชอบสิ!

อย่างไรการดึงตัวโจวหยิงหยิงเข้าร่วม ก็ยังดีกว่าเป็นปรปักษ์กับนาง

ปกติโจวหยิงหยิงค่อนข้างกำแหงในหมู่สะใภ้ แต่นางก็มีต้นทุนที่จะกำแหง...โจวเวยบิดานางคือแม่ทัพที่โม่จงหรานให้ความสำคัญที่สุด

คือยอดขุนศึกแห่งราชสำนัก!

ดังนั้นนางจึงไม่จำเป็นต้องประจบคนอื่น มีนิสัยพูดตรงอยู่เสมอ

“สุรานี้ของเจ้าแรงเกินไปแล้ว”

โจวหยิงหยิงแสดงออกว่าไม่ชอบ วางเอ้อร์โกโถวไว้บนโต๊ะ

“ก็เพราะว่าแรง ฉะนั้นอ๋องฮั่นจึงดื่มจนกลายเป็นเช่นนี้อย่างไรเล่า”

หยุนหว่านหนิงยิ้ม

สุรานี้มีกลิ่นฉุนอย่างนี้ มิน่าล่ะโม่ฮั่นอี่ว์ถึงได้เมาจนเหมือนสุกรตัวหนึ่ง โจวหยิงหยิงมีความคิดในใจ แต่ใบหน้ายังคงไม่พอใจเล็กน้อย

“น้องเจ็ด พระชายาหมิง”

นางวางสองมือไว้บนเข่า เอ่ยด้วยความขุ่นเคือง “นี่เป็นเวลาสำคัญ”

“พวกเจ้ายังปล่อยให้เขาดื่มจนเป็นเช่นนี้อีก นี่ไม่ใช่จงใจหาเรื่องหรือ”

หยุนหว่านหนิงเหลือบนางทีหนึ่ง

“ข้าว่าท่านสิที่มาหาเรื่อง”

นางเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ “ท่านอ๋องบ้านท่านดื่มจนเมา ท่านไม่พอใจก็ลงกับเขาสิ มาลงอะไรกับพวกเรา”

เดิมทีนางอยากคบหากับนางเป็นเพื่อน แต่โจวหยิงหยิงคนนี้มาหาเรื่องชัดๆ

นางหยุนหว่านหนิงก็ไม่ใช่ซาลาเปานิ่มที่ใครจะบีบก็ได้นะ!

ฮองเฮาจ้าว เต๋อเฟยก็แล้วไปเถอะ พวกนางเป็นผู้ใหญ่

แต่โจวหยิงหยิงเป็นคู่สะใภ้กับนาง แต่กลับยกตนเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนนาง หยุนหว่านหนิงก็ต้องขุ่นเคืองใจอยู่แล้ว “ถ้าท่านโกรธ ตอนนี้ก็หิ้วหูของเขา ชกหน้าหนักๆ สักทีไปเลยเถอะ”

ทีแรกโม่เยว่คิดจะห้าม

แต่พอเห็นโจวหยิงหยิงอึ้ง เขาจึงไม่ปริปาก ปล่อยให้หยุนหว่านหนิงขัดเคี่ยวกับนาง

“ท่านก็ใช่จะไม่รู้นิสัยของอ๋องฮั่น ถ้าเขาจะดื่มให้ได้ หรือว่าพวกเราจะห้ามได้หรือ”

หยุนหว่านหนิงหึเย็น “ยากนักที่อ๋องฮั่นจะมาเป็นแขกที่จวน พวกเราจวนอ๋องหมิงย่อมต้อนรับขับสู้อย่างดี ไม่อย่างนั้นท่านก็ต้องว่าอีกนะสิ ว่าพวกเราจวนอ๋องหมิงไม่มีไมตรีต่อท่านอ๋องบ้านท่าน”

ไม่ว่าโม่เยว่ที่เป็นผู้ชายที่เถรตรง หรือจะเป็นโจวหยิงหยิงที่เป็นผู้หญิงไม้บรรทัด หรือฉินซื่อเสวียที่เป็นนางแพศยาอย่างนั้น...”

นางหยุนหว่านหนิงก็จัดการได้หมด!

โจวหยิงหยิงตะลึงงัน

ปกติในบรรดาคู่สะใภ้ทั้งหลาย นางนับว่าเป็นคนที่ดุร้าย

หนานกงเยว่เป็นมิตร ฉินซื่อเสวียเชี่ยวชาญการเสแสร้ง คำนวณดูแล้วยังพอทนพวกนางได้

หยุนหว่านหนิงถูกกักบริเวณสี่ปี อีกทั้งโจวหยิงหยิงก็ไม่เคยคบค้าสมาคมกับนาง

ยามนี้เห็นนางไม่พอใจ โจวหยิงหยิงที่เคยชินกับการถูก ‘เอาใจ’ คล้ายกับถูกคนถีบลงมาจากปุยเมฆลงสู่พื้นพิภพ อึ้งงันมองหยุนหว่านหนิง

พักใหญ่จึงได้สติกลับมา ลุกขึ้นพรวดด้วยความเดือดดาล “หยุนหว่านหนิง ข้าจะฉีกปากเจ้า!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์