อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 132

ในใจของหนานกงเยว่เข้าใจดีว่า ฮองเฮาจ้าวเรียกนางเข้าวังไปด้วยเหตุใด

ตลอดทางได้คิดใคร่ครวญไว้ดีแล้ว ว่าควรจะรับมืออย่างไร

ตามที่คาดการณ์ไว้

หลังจากที่เข้าไปในตำหนักคงหนิง นางยังไม่ทันได้ทำความเคารพน้อมทักทาย ประโยคแรกของฮองเฮาจ้าวก็คือ “ข้าได้ยินว่าวันนี้เจ้าไปที่จวนอ๋องหมิงมา ไปทำอะไร?”

“ทูลเสด็จแม่ หม่อมฉันไปขอเรียนรู้วิธีการปักเย็บสองด้านจากพระชายาหมิงเพคะ”

หนานกงเยว่ตอบอย่างตรงไปตรงมา

ดูสีหน้าท่าทีที่เปิดเผยของนาง ไม่เหมือนกำลังโกหก ฮองเฮาจ้าวหัวเราะเยาะ “การปักเย็บสองด้าน?”

“หยุนหว่านหนิงคนไม่เอาไหนนั่น ยังจะปักเย็บสองด้านได้จริงๆด้วยรึ?”

เรื่องก่อนหน้านี้ที่หยุนหว่านหนิงมอบงานปักเย็บสองด้านให้เต๋อเฟยเป็นของขวัญวันเกิด ฮองเฮาจ้าวก็รู้

แต่ นางคิดว่าเป็นงานเย็บปักสองด้านที่หยุนหว่านหนิงได้มาจากที่อื่น ไม่ได้ปักด้วยตัวเอง ด้วยเหตุนี้ จึงไม่ได้ใส่ใจมาโดยตลอด

“ใช่เพคะเสด็จแม่ วันนี้พระชายาหมิงได้สอนหม่อมฉันมากมายเพคะ”

ทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ ฮองเฮาจ้าวก็นั่งไม่ติดแล้ว

นางค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงนุ่มๆ ขมวดคิ้วและมองดูหนานกงเยว่ “นางทำการเย็บปักสองด้านได้จริงๆเหรอ?”

“หม่อมฉันเห็นว่าทำได้มากอยู่ทีเดียวเพคะ”

“อ๋อ? นี่ก็น่าอัศจรรย์ใจแล้ว! ในสี่ปีนี้เจ้าคนไม่เอาไหนนั่นก็กลับเปลี่ยนแปลงไปได้ไม่น้อย!”

ฮองเฮาจ้าวพึมพำกับตัวเอง

ก่อนหน้าและหลังสี่ปี สามารถทำให้คนผู้หนึ่งเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้เชียวหรือ?

ไม่ต้องเอ่ยถึงวิชาการรักษา......

ในสี่ปีนี้ หยุนหว่านหนิงถูกกักบริเวณก็สามารถอ่านหนังสือทางการแพทย์ได้ ศึกษาค้นคว้าวิชาการรักษาด้วยตัวเอง แม้ว่าฮองเฮาจ้าวจะไม่เชื่อ แต่ในเวลาเพียงสี่ปีสั้นๆ นางสามารถศึกษาค้นคว้าวิชาการรักษาด้วยตัวเองได้อย่างทะลุปรุโปร่งถึงขนาดนี้

ขนาดเทียบกับเหล่าหมอหลวง วิชาการรักษาก็ยังเหนือชั้นกว่า? !

แต่นอกเหนือจากคำอธิบายนี้ ก็หาคำอธิบายอย่างที่สองไม่ได้แล้ว

การเย็บปักสองด้านนี้ ก็ทำให้คนเกิดความสงสัยแล้ว

ไม่เอ่ยว่านางถูกกักบริเวณ

ทั่วทั้งหนานจวิ้น เกรงว่าก็คงจะหาผู้ที่รู้วิธีการปักเย็บสองด้านไม่ได้แล้วน่ะสิ.......นางที่ถูกกักบริเวณ พระชายาที่ถูกทอดทิ้ง จะไปเรียนรู้งานฝีมือการเย็บปักสองด้านแบบนี้มาจากไหน? !

เมื่อได้ยินคำว่า“คนไม่เอาไหน”แต่ละคำฮองเฮาจ้าว เห็นได้ชัดว่าหนานกงเยว่ไม่ค่อยจะเห็นด้วยนัก

นางขมวดคิ้ว หยิบแก้วชาตรงหน้าขึ้น ปกปิดความไม่พอใจบนใบหน้า

“วันนี้เจ้าไปที่จวนอ๋องหมิง ยังสังเกตเห็นว่าหยุนหว่านหนิงมีจุดไหนที่ผิดปกติอีกบ้างหรือไม่?”

ฮองเฮาจ้าวเหมือนกำลังทำการสอบปากคำนักโทษ

ในใจของหนานกงเยว่รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย

เดิมทีนางเป็นองค์หญิงตงจวิ้น แม้ว่าจะแต่งงานมาอยู่ที่หนานจวิ้น.......แต่ท่าทีของฮองเฮาจ้าวที่มีต่อนาง และฉินซื่อเสวียกับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง!

ความอยุติธรรมเช่นนี้ ทำให้นางรู้สึกเคืองไม่พอใจมานานแล้ว

“ไม่มีเพคะ”

นางส่ายหน้า “หม่อมฉันก็ยังไม่ได้รู้จักพระชายาหมิงมากนักเพคะ”

“แต่ดูจากวันนี้ กลับไม่เหมือนคนที่ชอบสร้างปัญหา”

“นั่นเป็นเพราะเจ้าไม่รู้จักนาง!”

ฮองเฮาจ้าวเปล่งเสียงไม่พอใจออกมา “เต๋อเฟยเป็นแม่สามีแท้ๆของนาง ก็ยังเกลียดนางจนเข้ากระดูก นับประสากับเจ้าและข้าที่เป็นคนนอก?”

หนานกงเยว่ไม่ได้พูดจา

“ได้ยินว่าเมื่อวาน เจ้ารองสองสามีภรรยาก็ไปที่จวนอ๋องหมิงเช่นกัน เจ้าได้ถามหยุนหว่านหนิงหรือไม่ ว่าพวกเขาไปทำอะไร?”

“นี่......หม่อมฉันก็ไม่ได้ถามเพคะ”

หนานกงเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ไม่ได้เรื่อง!”

ฮองเฮาจ้าวตำหนิเบาๆคำหนึ่ง “ตอนนี้ฝ่าบาทให้ความสำคัญกับเจ้าเจ็ดมากขึ้นเรื่อยๆ เจ้าก็ไม่ร้อนใจบ้างเลยรึ? เจ้ารองไปที่จวนอ๋องหมิงในเวลานี้ ไม่แน่อาจจะต้องการรวมพรรคพวกเพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตัวก็ได้”

ที่พูดมาเช่นนี้ งั้นโม่หุยเหยียนและโม่หุยเฟิง ก็ไม่นับว่าเป็นการรวมพรรคพวกเพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตัวเหรอ?

หนานกงเยว่ยิ้มเยาะในใจ

แต่ไม่ได้แสดงออกมาบนสีหน้า “หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ”

“เจ้ากับเหยียนเอ๋อร์ก็เป็นเหมือนกัน ไม่แย่งไม่ชิงไม่รู้จักพัฒนา แต่ไม่ไตร่ตรองดูเลยรึ ไม่แย่งไม่ชิงแล้วในอนาคตจะทำอย่างไร?”

จิตใจของฮองเฮาจ้าวลำเอียงจนไร้ขอบเขตแล้ว ทั้งใจเอนเอียงไปทางโม่หุยเฟิง

หากว่าท่านอ๋องแย่งชิงกับโม่หุยเฟิงอีก เกรงว่าฮองเฮาคงจะต้องตำหนิว่าเขาแก่งแย่งทะเลาะกันเองกับพี่น้องเช่นนั้นอีก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์