นางขมวดคิ้ว ไตร่ตรองและตอบ “เสด็จพ่อ หม่อมฉันและท่านอ๋องก็เพียงแค่ได้ยินมาเท่านั้น ว่าอ๋องโจวป่วยจนเกินจะเยียวยาเพคะ”
“เสด็จพ่อก็รู้ หม่อมฉันก็นับได้ว่าเป็นหมอ หน้าที่ของหมอก็คือการช่วยชีวิตรักษาคนบาดเจ็บ หม่อมฉันทนมองอ๋องโจวเป็นเช่นนั้นไม่ได้.......จึงลากท่านอ๋อง ไปที่จวนอ๋องโจวแล้วเพคะ”
หยุนหว่านหนิงกลัวว่า แค่นางตอบโดยไม่ระวัง ก็จะถูกโม่จงหรานมองออกว่า นางกับโม่เยว่ตั้งใจไปดึงโม่เหว่ยมาเป็นพวก
เขาเป็นฮ่องเต้
ฮ่องเต้ กษัตริย์ผู้สูงส่ง
โม่จงหรานเป็นฮ่องเต้มาหลายปี จะมองความคิดเล็กๆน้อยๆนี้ของพวกเขาไม่ออกได้อย่างไร?
ด้วยเหตุนี้ หยุนหว่านหนิงจึงต้องยิ่งระวังมากขึ้น
“เจ้าประหม่าอะไร? ข้าก็ไม่ได้โทษว่าเจ้ายุ่งวุ่นวายไม่เข้าเรื่องสักหน่อย”
โม่จงหรานส่ายหน้า กล่าวด้วยความจนปัญญา “เจ้าสี่ก็เป็นโอรสของข้า ข้าเพียงแค่อยากรู้ว่า อาการป่วยของเขาเป็นอย่างไรบ้างกันแน่?”
“หมอหลวงไม่ได้เรื่องเหล่านั้น ล้วนบอกว่าไม่มียาที่จะสามารถรักษาเจ้าสี่ได้แล้ว”
หลังจากที่เขาได้ยินว่าหยุนหว่านหนิงไปที่จวนอ๋องโจว ในใจก็เกิดความหวังขึ้นมาเล็กน้อย
บางทีนาง อาจจะสามารถช่วยโม่เหว่ยได้? !
ที่แท้ก็จะถามอาการป่วยของโม่เหว่ยนี่เอง.......
หยุนหว่านหนิงถอนใจด้วยความโล่งอก แล้วตอบด้วยความสัตย์จริงว่า “เสด็จพ่อ อาการป่วยของอ๋องโจวค่อนข้างซับซ้อนจริงๆเพคะ หม่อมฉันกำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหาทางแก้ไข แต่ตอนนี้ก็ยังจนปัญญาเพคะ”
และนางก็ถอนหายใจเบาๆอีก “นี่ก็เป็นครั้งแรกของหม่อมฉันน่ะเพคะ ที่ได้เห็นโรคที่ประหลาดเพียงนี้”
ได้ยินดังนั้น ประกายแห่งความหวังในดวงตาของโม่จงหราน ก็ดับมอดลงในพริบตา
เขารู้
โม่เหว่ยป่วยมาหลายปี หมอหลวงและหมอนับไม่ถ้วนล้วนไม่มีวิธีไร้หนทาง
แม้จะเป็นหยุนหว่านหนิง ก็น่าจะไม่ยกเว้นสินะ.......
“ช่างเถอะ! หากว่ารักษาไม่ได้จริงๆ ก็ช่างเถอะ!”
โม่จงหรานสิ้นหวังแล้ว
“เสด็จพ่อ ยังไม่ถึงขั้นสิ้นหวังนะเพคะ เสด็จพ่อไม่จำเป็นต้องเสียใจ อ๋องโจวทางนั้น หม่อมฉันจะพยายามอย่างเต็มที่ หาวิธีแก้ไขออกมาให้ได้”
หยุนหว่านหนิงกล้าเผชิญหน้ากับความท้าทาย
วันนี้นางดูออก ความจริง โม่จงหรานยังมีความหวังต่อโม่เหว่ย
หากสามารถรักษาโม่เหว่ยให้หายได้ ไม่แน่โม่จงหรานอาจจะให้ความสำคัญต่อนางมากกว่านี้!
นางเพียงแค่กอดขาทองคำของโม่จงหรานไว้ให้แน่นๆ อนาคตก็จะไม่มีผู้ใดกล้าทำอะไรนางแล้ว? !
หยุนหว่านหนิงกล่าวด้วยกระตือรือร้นอยากลองว่า “เสด็จพ่อไม่ต้องกังวลพระทัย หม่อมฉันจะไม่ยอมแพ้เพคะ!”
“อืม”
ไม่ใช่ว่าโม่จงหรานไม่เชื่อนาง
เพียงแต่โม่เหว่ยป่วยมาหลายปี จนถึงจุดที่เกินจะเยียวยาแล้วจริงๆ เห็นท่าทางที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมของหยุนหว่านหนิง เขาก็โบกมือด้วยความปวดหัว “เจ้าลองให้เต็มที่เถอะ”
“หากว่าเจ้ารักษาเจ้าสี่ให้หายได้ ข้าจะให้รางวัลอย่างหนัก!”
“เสด็จพ่อ นี่พระองค์พูดแล้วนะเพคะ”
หยุนหว่านหนิงม้วนแขนเสื้อขึ้น ด้วยท่าทาง “สองพี่น้องที่มีความสัมพันธ์ที่ดี” เดินไปเบื้องหน้าโม่จงหราน
หากไม่ใช่เพราะดึงสติกลับมาได้ทันเวลา มือของนางจะต้องเอื้อมเข้าไปบนแขนของโม่จงหรานเป็นแน่
สบตากับแววตาที่ดูสงสัยของโม่จงหราน นางเก็บแขนกลับไปด้วยความอย่างเขินอาย ปล่อยแขนเสื้อลง “ความหมายของหม่อมฉันคือ เสด็จพ่อเป็นกษัตริย์ ตรัสแล้วยากที่จะเรียกคืนเพคะ”
นางหัวเราะ “เหอะเหอะ” ถอยกลับไปอยู่ข้างกายของโม่เยว่
“เสด็จพ่อ ถ้าไม่มีอะไรแล้วพวกเราก็ทูลลาก่อนแล้วเพคะ! เสด็จพ่อจะต้องดูแลพระพลานามัย กินยาตามเวลานะเพคะ”
หยุนหว่านหนิงกำชับประโยคหนึ่ง แล้วก็พาโม่เยว่หนีออกไปก่อนเป็นการดี
มองดูเงาหลังของทั้งคู่ที่จากไป โม่จงหรานส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “เจ้าเด็กคนนี้......”
......
ขณะที่หยุนหว่านหนิงและโม่เยว่ออกมาจากวัง ก็เป็นช่วงพลบค่ำแล้ว
ผู้หญิงที่เดินอยู่ข้างๆทอดถอนใจอยู่บ่อยๆ โม่เยว่อดไม่ได้แล้วจริงๆ หันหน้าไปขมวดคิ้วมองดูนาง “เจ้าปวดฟันหรือ?”
“ไม่ได้กล่าวกันว่าปวดฟันแล้วต้องร้องเพลงหรือ?”
หยุนหว่านหนิงเหล่ตามองเขา “นี่ข้าก็กำลังร้องเพลงอยู่หรือเพคะ?”
“เช่นนั้นก็เจ็บคอ”
ใบหน้าของโม่เยว่ไร้การแสดงออก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...