"ข้าไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเอง"
สีหน้าของซ่งจื่ออวี๋ดูสงบนิ่งไม่แยแส “ท่านอาจารย์เคยกล่าวไว้ว่า พวกเราล้วนเป็นปถุชนคนธรรมดา ไม่จำเป็นต้องสนใจชื่อเสียงลาภยศที่เป็นเพียงของนอกกาย”
สามารถพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้ ต้องเรียกว่าเป็นบุคคลที่ศึกษาจนบรรลุถึงขอบเขตของผู้เชี่ยวชาญในเหตุและผลของโลกใบนี้อย่างถ่องแท้แล้ว
ในใจของโม่จงหราน ถึงกับเชื่อเขาขึ้นมาสองส่วนเลยทีเดียว
แต่ใบหน้าของเขายังคงไม่แสดงอาการใด ๆ ยังคงจับจ้องดวงตาคู่นั้นของเขาอย่างละเอียด “ ถ้าเจ้าไม่พิสูจน์ตัวเอง แล้วข้าจะเชื่อคำพูดของเจ้าได้อย่างไรล่ะ?”
“ไม่สู้ ฝ่าบาทลองทดสอบข้าเล่น ๆ ดูก็ได้?”
แท้จริงแล้วซ่งจื่ออวี๋รู้สึกว่า ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องพิสูจน์ตัวเองเป็นพิเศษ
แต่เมื่อคิดว่าตอนนี้ตัวเขาเอง ก็ถือได้ว่าเป็นคนที่ทำงานให้กับหยุนหว่านหนิงและโม่เยว่..... ดังนั้นเรื่องอย่างการพิสูจน์ตัวเอง ก็ยังนับว่าจำเป็นอยู่ไม่น้อย
โม่จงหรานมองเขาด้วยสายตาเหนือคาดแวบหนึ่ง "มีความกล้าหาญน่ายกย่อง!"
ถึงกับให้เขาเป็นฝ่ายทดสอบเองได้ตามอำเภอใจ? !
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง คิดในใจว่าควรจะทดสอบเขาอย่างไรดี
ในที่สุดโม่จงหรานก็ยืนขึ้น สองมือไพล่หลังพลางเอ่ยกับเขาว่า "เจ้าลองบอกข้ามาซิ ว่าทำไมก่อนหน้านี้ฝนถึงตกอย่างต่อเนื่องไม่ยอมหยุด จนส่งผลต่อการเก็บเกี่ยวของประชาชน พืชผลในไร่นาเกษตรล้วนจมน้ำตายสิ้น"
ซ่งจื่ออวี๋ขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้นครู่หนึ่ง "ดาวหายนะก่อให้เกิดเภทภัย"
"ดาวหายนะก่อให้เกิดเภทภัย?"
ดวงตาของโม่จงหรานถึงกับสั่นสะท้าน
แต่ไม่นานเขาก็ฝืนระงับความตื่นตระหนกที่ผุดขึ้นในดวงตากลับลงไป แล้วถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดขึ้นมาอีกว่า "เจ้าลองบอกมาซิ ว่าข้ามีความลับอะไร?"
ความลับของเขา?
สีหน้าของโม่เยว่ตึงเครียดขึ้นมาเล็กน้อย
ความลับของฮ่องเต้ ใครกันจะกล้าสอดส่อง?!
ในเมื่อเป็นความลับ ย่อมหมายความว่าแม้แต่พวกเขาที่เป็นลูกชายก็ต้องไม่รู้..... ตอนนี้โม่จงหรานถึงกับบอกให้ซ่งจื่ออวี๋พูดออกมาแบบนี้ เขาไม่สมควรฟัง
โม่เยว่กำลังเตรียมจะทูลลา ก็เห็นโม่จงหรานโบกมือ "เยว่เอ๋อร์ เจ้าอยู่ก่อน"
ความหมายคือ เขาไม่กลัวว่าลูกชายจะรู้ความลับนี้
ในใจของโม่เยว่เดาไม่ถูกเลยว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร จึงทำได้แค่นั่งลงแต่โดยดี
เขาเหงื่อท่วมทั้งร่างแทนซ่งจื่ออวี๋แล้วเรียบร้อย
ความลับของฮ่องเต้ใครจะไปล่วงรู้ได้ล่ะ?
ถ้าเกิดว่าซ่งจื่ออวี๋ตอบผิดขึ้นมา ... นั่นจะเป็นเรื่องใหญ่ในระดับหัวขาดได้เลยทีเดียว!
ใครจะรู้ว่า ซ่งจื่ออวี่กลับไม่ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย
เขาแค่มองสำรวจโม่จงหรานอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ทำการทำนาย..... สีหน้าของเขาค่อย ๆ ดูแปลกประหลาดขึ้นมาทุกขณะ เมื่อเขาหันไปมองโม่จงหรานอีกครั้ง ในดวงตาก็ปรากฏแววเหนือคาดขึ้นมาน้อย ๆ
ดู ๆ ไปแล้ว จะเห็นได้ชัดว่าเขาค้นพบอะไรบางอย่างเข้าแล้ว
เมื่อเห็นดังนั้น หัวใจของโม่เยว่ก็กระเด้งกระดอนขึ้นมาแขวนค้างอยู่กลางอากาศ จ้องมองไปที่เขาแบบตาไม่กระพริบ
โม่จงหรานถูกสายตาที่จ้องมองมาของเขา ทำให้รู้สึกกระสับกระส่าย ใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวขึ้นมาเล็กน้อย
เขากระแอมเบา ๆ แล้วถามว่า "เจ้าพบอะไรเข้ารึ?"
เดิมทีคิดว่า ซ่งจื่ออวี๋จะพูดอะไรที่มันน่าตื่นตระหนกตกใจแบบสะท้านฟ้าสะเทือนดินออกมา ใครจะรู้ว่าเขากลับปรายตามองไปทางโม่เยว่แวบหนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า "มีเรื่องหนึ่ง ที่แม้แต่ฝ่าบาทเองก็อาจจะยังไม่รู้เลยกระมัง?"
เรื่องที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้ นี่ต้องเป็นความลับในความลับแน่นอนแล้ว!
โม่จงหรานนึกสงสัยอย่างหนัก "เรื่องอะไรรึ?"
“ที่ด้านหลังส่วนล่างของบั้นพระองค์ฝ่าบาท มุมล่างซ้าย มีไฝสีดำเม็ดเล็ก ๆ อยู่เม็ดหนึ่ง”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ห้องทรงพระอักษรทั้งห้อง ก็พลันตกอยู่ในความเงียบงันอย่างน่าประหลาด......
ซูปิ่งซ่านฝืนเก็บรอยยิ้มพลางก้มหน้าลงต่ำ โม่เยว่ก็รีบเบนสายตามองออกไปนอกหน้าต่างทันที......มีเพียงโม่จงหรานเท่านั้น ที่ยังคงจ้องมองซ่งจื่ออวี๋นิ่ง ๆ มองแบบไม่ละสายตาอยู่เป็นนานสองนาน
สายตานั้น ดูแล้วช่างเหมือนกับว่าในเสี้ยววินาทีต่อจากนี้ เขาจะอ้าปากสั่งให้คนมาลากตัวอีกฝ่ายออกไปตัดหัวทิ้ง
แต่ซ่งจื่ออวี๋กลับดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย
เขายังคงมีสีหน้าสงบราบเรียบ ทั้งยัง..... มองประสานสายตากับโม่จงหรานด้วยความมั่นอกมั่นใจเต็มเปี่ยม
ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เขาไปเอาความมั่นอกมั่นใจขนาดนั้นมาจากไหน
ผ่านไปครู่ใหญ่ ๆ โม่จงหรานค่อยขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพลางหันไปสั่งซูปิ่งซ่านว่า "ซูปิ่งซ่าน! เจ้าตามข้าเข้าไปตรวจดูในห้องโถงด้านในซิ! ถ้าไม่มีไฝนั่น วันนี้ข้าจะถีบเขาออกไปแล้วสั่งกุดหัวทิ้งซะ!"
หน้าแก่ ๆ ของซูปิ่งซ่านดูกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที รีบเดินตามเขาเข้าไปในห้องโถงด้านใน
โม่เยว่รีบยืนขึ้น "พวกเรารีบไปกันเถอะ"
"ทำไมถึงต้องไปล่ะ?"
ซ่งจื่ออวี๋แสดงสีหน้างงงัน
“เสด็จพ่อออกมาแล้วจะกุดหัวเจ้าทิ้งน่ะสิ”
โม่เยว่สีหน้าจริงจัง “ถ้าเจ้าถูกกุดหัวล่ะก็ หนิงเอ๋อร์จะต้องกุดหัวข้าทิ้งด้วยแน่ ดังนั้นอาศัยจังหวะที่เสด็จพ่อยังไม่ออกมา เจ้ารีบหนีเอาชีวิตรอดก่อนเถอะ”
“ทำไมข้าต้องหนีด้วยล่ะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
นิยายสนุก แต่ช่วยมาลงต่อให้จบได้ไหมคะ...
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...