“ขอรับ”
หรูโม่พยักหน้าตอบ “ระยะนี้ฝ่าบาทเหน็ดเหนื่อยพระวรกายและพระราชหฤทัย จึงวางแผนเสด็จไปปลีกวิเวกที่ตำหนักสิงกง”
“ทำไมถึงเหน็ดเหนื่อยพระวรกายและพระราชหฤทัยได้ล่ะ”
โม่เยว่เลิกคิ้ว
“ฮองเฮากับเต๋อเฟยเหนียงเหนียงมีเรื่องขัดแย้งกัน ฝ่าบาทอยู่ตรงกลางลำบากพระทัย แล้วยังเพราะคดีเรื่องค่ายห้ากองพลอีก อ๋องฉู่กับอ๋องฮั่นก็ไม่เอาไหน ฝ่าบาทก็เลยท้อแท้พ่ะย่ะค่ะ”
หรูโม่กลั้นขำอย่างหนัก
โม่เยว่ “อ้อ” เท้าคางอ่านฎีกาที่อยู่ตรงหน้า
ตอนที่โม่จงหรานออกจากวัง พาซูปิ่งซ่านไปแค่คนเดียว
แม้เขาจะกระดี๊กระด๊าวิ่งออกจากห้องทรงพระอักษร แต่ในวังกลับไม่รู้ข่าวที่ทรงออกจากวังหลวง
พอหรูโม่เห็นท่าทางหน้าหงิกของนายบ้านตนแล้ว ก็อดถามขึ้นไม่ได้ “นายท่าน ท่านกำลังห่วงเรื่องที่คุณชายน้อยจะถูกฝ่าบาทพบเข้าหรือขอรับ”
“อื่ม”
โม่เยว่เงยหน้า ถอนหายใจหนัก
เขาคิดหนักมาตลอดว่าควรบอกการมีตัวตนของหยวนเป่ากับโม่จงหรานหรือไม่
ครั้งนี้ที่ไทเฮากู้กล่าวมาก็มีเหตุผล
เรื่องนี้ปิดได้แค่ชั่วคราว แต่จะปิดตลอดชีวิตไม่ได้!
เมื่อถึงเวลา หยวนเป่าต้องปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าผู้คนแน่ และพอถึงตอนนั้นก็จะเกิดเป็นคลื่นลมใหญ่อีก
สองวันนี้เขากำลังครุ่นคิดอยู่กับเรื่องนี้
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เสด็จพ่อจะเสด็จไปตำหนักสิงกง...สำหรับโม่เยว่แล้ว นี่ราวกับสวรรค์ทำการเลือกแทนเขา
ถ้าเสด็จพ่อทรงพบการมีตัวตนของหยวนเป่าเอง ก็ไม่นับว่าเขาเลือก และไม่นับว่าเขาพาหยวนเป่าไปพบเขาเอง
ดังนั้นทั้งหมดนี้ก็แล้วแต่สวรรค์เถอะ!
โม่จงหรานเพิ่งจากไปไม่นาน ก็มีคนมาจากตำหนักคุนหนิง
บอกว่าฮองเฮาจ้าวไม่สบาย เชิญฝ่าบาทไปทอดพระเนตรหน่อย
ขณะเดียวกัน ก็มีคนมาจากตำหนักหย่งโซ่วด้วย
บอกว่าเต๋อเฟยไม่สบาย เชิญฝ่าบาทไปทอดพระเนตรหน่อย
โม่เยว่ปวดหัว
โม่จงหรานไม่ใช่หมอหลวงสักหน่อย แต่ละคนพอป่วยแล้วไม่เชิญหมอหลวง แต่กลับเชิญเสด็จพ่อ หรือว่าเสด็จพ่อเสด็จไปแล้วจะรักษาพวกนางได้อย่างนั้นหรือ!
เมื่อพบว่าโม่จงหรานไม่อยู่ ข้ารับใช้สองตำหนักจึงถลึงตามองอีกฝ่ายอย่างกับเป็นศัตรู จากนั้นก็เชิดหน้าจากไป
ฝ่าบาทไม่อยู่ยังดี
ไม่ได้ไปตำหนักของอีกฝ่าย ตำหนักคุนหนิงและตำหนักหย่งโซ่วนับว่าเสมอกัน
ไม่มีใครแพ้ และไม่มีใครชนะ
หรูโม่เดาะลิ้น “มิน่าล่ะ ฝ่าบาทถึงเสด็จหนีราวกับหนีขุมเพลิง ร้อนรนออกจากเมืองหลวงอย่างนี้! ที่แท้พระคุณสาวงาม ผู้ใดก็ใช่จะอดทนได้!”
“ฮองเฮาสู้รบตบมือกับเต๋อเฟยเหนียงเหนียงหลายปี ทำไมยังไม่เบื่อลูกไม้แย่งชิงความโปรดปรานนี้สักทีนะ”
ถึงทั้งสองคนจะรบรากันมาหลายปี แต่เต๋อเฟยแทบเป็นผู้กำชัยทั้งหมด
ดังนั้นหรูโม่จึงรู้สึกสะท้อนใจ
ทันใดนั้น ก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรขึ้นได้ “นายท่าน ต่อไปหากท่านแต่งพระชายารอง...กลางคืนพระชายากับพระชายารองเปิดศึกชิงสวาทกันขึ้นมา ข้าน้อยคิดว่า พระชายาต้องผลักท่านออกไปอย่างไม่ลังเลแน่นอนขอรับ”
เพราะจนถึงตอนนี้ เมื่ออยู่ในเรือนชิงหยิ่ง นายบ้านตนไม่มีความสำคัญสักนิด!
พระชายากับคุณชายน้อย ต่างไม่ออกตัวรั้งตัวเขานอนด้วย
มีเพียงคุณชายน้อยที่จะแสดงเมตตาเป็นคนกลางให้บางครั้ง นอกนั้นต่อให้นายท่านทำตัวน่ารัก ใช้ลูกไม้ต่างๆ นานาอย่างหน้าด้านไร้ยางอายอย่างไร พระชายาก็ไม่ชายตามองเขามากอีกสักสายตา
เรื่องชิงรักหักสวาทนี่...
“เมื่อกี้ข้าน้อยพูดผิดไปขอรับ พระชายาจะไม่แย่งชิงความรักกับพระชายารองแน่นอน”
โม่เยว่รู้สึกเพียงปวดใจเล็กน้อย “...ไสหัวออกไป!”
“นายท่าน เช่นนั้นภายภาคหน้าจะแต่งพระชายารองหรือไม่ขอรับ”
หรูโม่ย่อมไม่ไสหัวอยู่แล้ว แต่หัวเราะฮี่ๆ เสนอหน้าพูดอยู่ตรงหน้าเขา “ช่วงก่อนพระยาชายังกล่าวอยู่เลย”
“ช่วงนี้นายท่านแปลกๆ สงสัยว่าจะเป็นเพราะความหนุ่มแน่นมีกำลังเต็มเปี่ยม อัดอั้นความเร่าร้อน!”
“ดังนั้นจึงวางแผนจะมองตัวเลือกพระชายารองสักสองสามคน หรือไม่ก็เลือกอี๋เหนียง สาวใช้ห้องข้าง สักสองสามคน ปรนนิบัตินายท่านระบายความเร่าร้อน”
เพิ่งกล่าวจบ โม่เยว่ก็คว้าฎีกาที่อยู่ข้างมือขว้างใส่หน้าเขา
“เชื่อหรือไม่ ข้าจะตัดลิ้นเจ้า!”
เมื่อนั้นหรูโม่จึงพลิกตัวออกไปนอกหน้าต่าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
นิยายสนุก แต่ช่วยมาลงต่อให้จบได้ไหมคะ...
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...