หยุนหว่านหนิงครุ่นคิดอย่างจริงจัง “เงื่อนไขอะไรท่านอย่าเพิ่งสนใจ”
“บอกมาว่าท่านกล้ารับปากหรือไม่ดีกว่า?”
โม่เหว่ยขมวดคิ้วจนเป็นอักษรชวน “นี่มันเหตุผลอะไรของเจ้า? เจ้าไม่บอกว่าเป็นเงื่อนไขอะไร ก็อยากจะให้ข้ารับปากแล้วหรือ?”
“ถ้าหาก จะขายข้าทิ้งล่ะ?”
“ท่านมีค่าหรือ?”
หยุนหว่านหนิงกลอกตามองบนอย่างไม่ลังเลเลย ไม่ไว้หน้าโม่เหว่ยเลยแม้แต่น้อย “จวนอ๋องโจวของท่าน ในเวลาปกตินอกจากข้าแล้ว เกรงว่าคงไม่มีใครสนใจใช่ไหม?”
“ถึงแม้ข้ามีใจอยากจะขายท่านทิ้ง จะขายได้สักกี่อีแปะเชียว?”
กี่อีแปะ......
นี่มันเหยียดหยามกันเกินไปหน่อยแล้วจริงๆ!
โม่เหว่ยโกรธจนหน้าแดง และก็เริ่มไอขึ้นมา “หยุนหว่านหนิง เจ้ายอมรับมาเถอะ! เจ้าดูถูกข้านั่นแหละ! เจ้าเห็นว่าข้าเป็นหม้อต้มยา เป็นคนป่วยกระเสาะกระแสะ!”
หยุนหว่านหนิงครุ่นคิดอย่างจริงจังอีกครั้ง
จากนั้นก็พยักหน้า “ถูกต้อง ข้าดูถูกท่านนั่นแหละ”
“ท่านก็รู้ว่า ข้าคนนี้เป็นคนพูดจาตามความเป็นจริง ดังนั้นท่านก็อย่าโกรธไปเลยนะ”
โม่เหว่ย: “......ข้าไม่โกรธ!”
ไม่โกรธสิแปลก!
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง รู้สึกได้ว่าถูกผู้หญิงคนนี้ทำให้โกรธจนเจ็บใจไปหมด
ไม่ง่ายกว่าที่ตอนนี้จะดีขึ้นมาหน่อยแล้ว เขาจะโกรธง่ายๆไม่ได้......ผ่านการคลุกคลีกับหยุนหว่านหนิงในระยะนี้ โม่เหว่ยพบว่าความสามารถในการต้านทานการโจมตีของตัวเอง แข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก
ความสามารถในการแบกรับความกดดันทางจิตใจ ก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อนมากขึ้นเช่นกัน!
“แต่ว่า......”
หยุนหว่านหนิงเปลี่ยนน้ำเสียงในการพูด “หากท่านสามารถรีบหายขึ้นมาในเร็ววัน พิสูจน์ความสามารถของตัวท่านเอง พิสูจน์ว่าท่านไม่ได้มีค่าแค่ไม่กี่อีแปะเท่านั้น ข้าก็จะถอนคำพูดของข้า”
โม่เหว่ยสีหน้าสงสัย “หมายความว่าอย่างไร?”
หยุนหว่านหนิงก็ไม่ได้อธิบายให้เขาอย่างละเอียด หยุนธิงธิงยังรอข้างนอก
นังหนูน้อยคนนี้ เห็นได้ชัดว่ามีเรื่องในใจ ระหว่างทางที่มาล้วนมีท่าทางอยากจะพูดแต่ก็หยุดเอาไว้ ราวกับยากที่จะเอ่ยปาก
นางต้องถามนางดู ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ท่านก็ทำความเข้าใจด้วยตัวเองสิ ยังต้องให้ข้าอธิบายโดยละเอียดหรือ?”
หยุนหว่านหนิงเก็บกล่องยาเรียบร้อยแล้ว ก็กล่าวกำชับโม่เหว่ยอีกสองสามคำ “ใช่แล้ว ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว ท่านยังต้องคอยระวังอย่าให้เป็นหวัดได้ จะได้ไม่ป่วยหนักขึ้นมาอีกรอบ”
“ตกลง ข้ารู้แล้ว”
โม่เหว่ยพยักหน้า
เห็นนางแบกกล่องยากำลังจะออกจากประตู โม่เหว่ยลังเลอยู่นาน ท้ายที่สุดก็เอ่ยปากเรียกนางเอาไว้ “หยุนหว่านหนิง”
“หืม?”
นางหันกลับมามองดูเขา
“เงื่อนไขที่เจ้าพูดถึงเมื่อครู่นี้”
โม่เหว่ยหยุดไปครู่หนึ่ง สีหน้าท่าทางค่อยๆจริงจังขึ้นมา “ขอแค่เจ้าสามารถรักษาข้าให้หายได้จริงๆ ไม่ว่าเงื่อนไขที่เจ้าพูดคืออะไร ข้าก็ตามใจเจ้าทั้งนั้น”
หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้ว “ท่านไม่กลัวว่าข้าจะขายท่านจริงหรือ?”
“ไหนเจ้าบอกว่า ข้าไม่มีค่าไม่ใช่หรือ?”
จู่ๆเขาก็ยิ้มออกมา
ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ นี่คือครั้งแรกที่หยุนหว่านหนิงเห็นเขาเผยรอยยิ้มออกมา
เดิมทีสีหน้าของเขาก็ซีดขาวอยู่แล้ว ไม่ง่ายกว่าที่จะดีขึ้นมาอย่างมาก บนใบหน้ามีสีแดงเลือดฝาดเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย
แต่เมื่อครู่นี้ถูกหยุนหว่านหนิงทำให้โกรธ ก็กลายเป็นซีดขาวไร้พลังขึ้นมาอีก
เวลานี้มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมา กลับมีความอ่อนแอที่บอบบางเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย ทำให้ในใจของหญิงแกร่งอย่างหยุนหว่านหนิงที่คิดอะไรก็พูดแบบนั้น อดที่จะรู้สึก “เห็นอกเห็นใจ” ขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้
เดิมทีนางอยากจะยั่วยุเขาอีกสองสามคำ
แต่พอเห็นรอยยิ้มเล็กๆนี้ของเขาแล้ว นางรู้สึกจุกแน่นในลำคอ ท้ายที่สุดก็พูดออกมาคำหนึ่ง “ตกลง”
นางหันหลังเดินออกไป
สิ่งที่คิดอยู่ในหัว ล้วนเป็นรอยยิ้มเล็กๆของโม่เหว่ยเมื่อครู่นี้
ราวกับท้องฟ้าที่มืดครึ้มมายาวนาน จู่ๆแสงแดดก็ส่องแสงออกมาจากกลุ่มเมฆที่หนาทึบ
แต่ว่าแสงแดดที่ริบหรี่ ซีดเซียว และเย็นชานั่น
ราวกับแดดเย็นเคล้าฝนปรอยๆในวันฟ้าครึ้ม ทำให้คนรู้สึกหนักใจมากขึ้นเล็กน้อย
ด้วยเหตุนี้ หยุนหว่านหนิงเดินออกมาด้วยอารมณ์หนักหน่วง เห็นลุงเฉินกับหยุนธิงธิงคุยกันใต้ร่มไม้พอดี บนใบหน้าของทั้งสองคนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนจะคุยกันถูกคอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
นิยายสนุก แต่ช่วยมาลงต่อให้จบได้ไหมคะ...
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...