อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 321

นางเป็นผู้หญิงยุคใหญ่ที่มาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด คิดไม่ถึงว่ายังเปิดกว้างไม่เท่าโม่เยว่ที่เป็น “คนโบราณ” คนนี้? !

หยุนหว่านหนิงไม่ยอมแพ้

สองมือของนางกอดเอวของเขาเอาไว้ พลิกตัวสลับตำแหน่งกับเขา กดเขาเอาไว้บนกำแพงด้วยลักษณะท่าทางที่เต็มไปด้วยอำนาจควบคุม เขย่งเท้าจูบเข้าไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ!

มองดูท่าทาง “เร็วโหดแม่นยำ” ของนาง โม่เยว่ประหลาดใจอย่างมาก!

นอกจากความประหลาดใจแล้ว เขายังเต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างมาก

เร้าใจพอตัว!

แต่ว่า ความตื่นเต้นนี้กินเวลาไปไม่ถึงสองวินาที หยุนหว่านหนิงก็ปล่อยมือเขาแล้ว

“วันหน้าแล้วกัน”

“หืม?”

โม่เยว่ไม่พอใจ “เหตุใดต้องวันหน้าด้วย? เจ้ากับข้าแต่งงานกันมาสี่ปีกว่า หยวนเป่าก็โตขนาดนี้แล้ว! เจ้ากับข้ากลับไม่เคยร่วมเรียงเคียงหมอนกันมาสี่ปีแล้ว”

“ไม่กี่วันก่อนหน้านี้เสด็จพ่อยังบอกว่า หยวนเป่าโตขนาดนี้แล้ว เราสามารถวางแผนมีลูกคนที่สองได้แล้ว”

หยุนหว่านหนิง: “......”

เร่งให้มีลูกเร็วขนาดนี้เลย? !

รู้อย่างนี้ นางก็ควรให้หยวนเป่าซ่อนตัวอีกสักระยะหนึ่ง ให้โม่จงหรานและคนอื่นๆร้อนใจสักพัก!

“แทนที่จะเลือกวันดีไม่สู้ทำวันนี้ดีกว่า ข้าคิดว่าวันนี้......”

เห็นสายตาของโม่เยว่อันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ หยุนหว่านหนิงยื่นมือออกไป ปิดปากของเขาเอาไว้ทันที “โม่เยว่ ท่านรักษาหน้าหน่อย! กลางวันแสกๆ ลดทอนความน่าเกรงขามของอ๋องหมิง!”

นางขยิบตาไปทางขวา

โม่เยว่หันหน้าไปมอง——

เจ้าตัวดี!”

ศีรษะที่ยื่นยาวมากมาย ปิดกั้นปากทางเอาไว้อย่างแน่นหนา

ราวกับก่อขึ้นมาเป็นที่กำบังหนึ่งชั้น!

เมื่อครู่นี้เดิมทีเขากับหยุนหว่านหนิงก็เดินมาถึงปากซอยแล้ว เมื่อครู่นี้เขา “เปลี่ยนเป็นสัตว์ร้าย” ดังนั้นจึงดันนางเข้าไปในซอยที่อยู่ด้านหลัง

แต่ว่า ซอยเล็กๆนี้ตื้นมาก แล้วก็เป็นถนนที่พลุกพล่านที่สุดอย่างถนนฉางอันพอดี

พวกเขาสองคนจู๋จี๋กันราวกับไม่มีใครเช่นนี้ ดึงดูดผู้คนที่เดินผ่านไปมาให้เข้ามาดูความครึกครื้นกันไม่น้อย

มนุษย์เรา ไม่ว่าจะเป็นโบราณหรือปัจจุบัน ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิง ไม่ว่าจะแก่ชราหรือคนหนุ่มสาว

มักมีข้อบกพร่องร่วมกัน: ชอบดูความครึกครื้น

มีคนยืนชมการแสดงคนแรก ก็จะมีคนที่สอง คนที่สาม......ต่อเนื่องไม่ขาดสาย พัฒนาไปจนถึงสถานการณ์ในตอนนี้ ศีรษะซ้อนกันเป็นสองชั้นอย่างหนาแน่น

ถึงแม้ว่าโม่เยว่จะหน้าด้านแค่ไหน เวลานี้ก็รู้สึกอายเล็กน้อยแล้ว

เขาไร้ยางอายไม่เป็นไร

อย่างไรเสียเขาก็เป็นอ๋องหมิง ใครจะกล้าวิพากษ์วิจารณ์เขาลับหลัง? !

แต่หยุนหว่านหนิงยังต้องรักษาหน้าอยู่!

เพื่อไม่ให้นางต้องอับอาย โม่เยว่กดใบหน้าของนางเอาไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง กอดนางเอาไว้แล้วกระโดดตัวขึ้นมา......

กระโดดข้ามกำแพงสูงไปโดยตรง หายลับไปจากสายตาของทุกคน

ผู้ชมหมายเลขหนึ่ง: “หากข้ามองไม่ผิด ผู้ชายคนเมื่อครู่นี้คืออ๋องหมิงใช่ไหม?”

“เจ้าดูไม่ผิดหรอก”

ผู้ชมหมายเลขสองทำหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิด “ในเมืองหลวง อ๋องหมิงก็คือพญายมเดินดิน! เมื่อครู่นี้เราเห็นอะไรกัน? เป็นเพราะเราอายุยืนเกินไปจริงๆใช่ไหม?”

สามารถเห็นอ๋องหมิงผู้สง่างาม “บังคับจูบ” หญิงสาวอ่อนแอกลางถนน......

เป็นละครชุดที่ “อยู่นานพอที่จะได้เห็น” จริงๆด้วย!

ผู้ชมหมายเลขสาม “แต่ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน?”

พวกเขาได้ยินมาว่า ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของอ๋องหมิงกับพระชายาหมิงไม่ลงรอยกัน

เช่นนั้นผู้หญิงที่อ๋องหมิงจูบอย่างเร่าร้อนกลางถนน แถมยังปกป้องความเป็นส่วนตัวอย่างใส่ใจ เป็นใครกันแน่?

“ผู้หญิงที่โชคดีคนนั้นเป็นใครกันแน่? ข้าอิจฉาจะแย่อยู่แล้ว!”

ผู้ชมหมายเลขสี่ คือหญิงวัยกลางคนนางหนึ่ง นางกำมือทั้งสองข้างเอาไว้แน่น วางเอาไว้บนหน้าอก “ถ้าหากเป็นข้า ข้าตายก็ไม่เสียดาย!”

ทุกคนดูถูก: “ชิ......”

แต่ว่า ทุกคนต่างก็คิดในใจ: อ๋องหมิงพัวพันไม่ชัดเจนกับผู้หญิงอื่น ไม่รู้ว่าพระชายาหมิงรู้เรื่องนี้หรือไม่?

ตอนนี้ใครไม่รู้ ความเก่งกาจของพระชายาหมิง?

ก็ไม่น่าแปลกใจที่อ๋องหมิงไม่กล้าพาผู้หญิงคนนั้นกลับจวนอ๋อง กล้าแค่แอบทำลับๆล่อๆอยู่ข้างนอก......

ผู้ชมแบ่งออกเป็นสองฝ่าย

ฝ่ายหนึ่งเห็นอกเห็นใจโม่เยว่ คิดว่าเขาถูกแม่เสืออย่างพระชายาหมิงกดขี่มานานเกินไป

ดังนั้นจึงกล้าแค่พาผู้หญิง สนิทสนมแนบชิดข้างนอกเท่านั้น ไม่กล้าให้พระชายาหมิงรู้เรื่องนี้

อีกฝ่ายเห็นอกเห็นใจหยุนหว่านหนิง

รู้สึกว่าโม่เยว่มีพระชายาแล้ว ยังทำเจ้าชู้หว่านเสน่ห์ข้างนอกไปทั่ว ช่างผิดต่อพระชายาหมิงจริงๆ!

เพราะเรื่องนี้ ทั้งสองฝ่ายโต้เถียงกันไม่รู้จบ

ตอนเย็นวันนั้นก็มี “ผู้ชมที่กระตือรือร้น” มาขอพบหยุนหว่านหนิงถึงที่ บอกว่าวันนี้เห็นโม่เยว่สนิทสนมแนบชิดกับผู้หญิงที่ฐานะไม่ชัดเจนกลางถนนฉางอัน......

หยุนหว่านหนิงเต็มไปด้วยความกระดากอาย

นี่เป็นเรื่องราวในภายหลัง ยังไม่เอ่ยถึงมันก่อน

หลังจากที่โม่เยว่กระโดดข้ามกำแพงจากไปแล้ว ใบหน้าของหยุนหว่านหนิงก็ร้อนรุ่มและแดงระเรื่อแล้ว

“กลับจวนอ๋องหรือ?”

โม่เยว่ชายปากหมาแนบอยู่ข้างหูของนาง กล่าวถามเสียงแหบแห้ง

เวลานี้กลับไปที่จวนอ๋องกับเขา จะต้องถูกเขากินจนสะอาดหมดจดแน่!

เสียงแหบแห้งของเขา เพียงพอที่จะอธิบายทุกอย่าง......นางไม่ได้โง่เสียหน่อย!

หยุนหว่านหนิงปฏิเสธทันที “ไม่เอา! ข้าจะเข้าวังไปพบเสด็จพ่อ ข้ายังมีเรื่องสำคัญจะหารือกับเสด็จพ่อ หากท่านมีธุระก็กลับไปก่อนเถอะ”

“เจ้าไม่กลับไป ข้าก็ไม่กลับไปเช่นกัน”

โม่เยว่ส่ายหน้า “ข้าจะตามเจ้าเข้าวังไปด้วย”

ไม่ง่ายกว่าที่จะก้าวออกมาก้าวใหญ่ ร่นระยะห่างระหว่างทั้งสองคนเข้ามาอย่างในวันนี้

หากเขาพยายามต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน......

เรื่องของลูกคนที่สอง ก็ใกล้แค่เอื้อม!

โม่เยว่ไม่อยากละทิ้งโอกาสดีๆเช่นนี้ไป

หยุนหว่านหนิงปวดหัว “เจ้าจะตามข้าไปทำไม? เจ้าเป็นถึงอ๋องหมิง หรือว่าไม่มีอะไรให้ทำ? ค่ายเสินจีไม่ต้องดูแลจัดการ? อาวุธที่ใช้ดินปืนสร้างเสร็จแล้วหรือ?”

“ทางด้านโม่หุยเฟิงมีแนวโน้มที่ผุดขึ้นมาอย่างฉับพลัน เจ้าไม่คิดจะขจัดให้สิ้นซาก?”

“หากว่าเจ้าไม่มีอะไรทำจริงๆ ก็กลับไปนับมดที่จวนอ๋องเถอะ”

นางไม่อยากให้เขาติดตามไปด้วย!

“หนิงเอ๋อร์ นี่เจ้าเห็นว่าข้าน่ารำคาญหรือ?”

โม่เยว่เต็มไปด้วยความคับแค้นใจ

ท่าทางนั่น เหมือนกับหญิงสาวแต่งงานใหม่ที่ถูกละเลยยืนอยู่ตรงหน้าเลย

หยุนหว่านหนิงกลัวเขาแล้วจริงๆ!

“ไม่ใช่ เจ้าตามข้าเข้าวังมันไม่น่าสนใจ เรื่องที่ข้าจะหารือกับเสด็จพ่อเจ้าไม่สนใจหรอก......หากเจ้าจะติดตามข้าเข้าวังจริงๆ เจ้าก็ไปที่ตำหนักหย่งโซ่วเถอะ”

หยุนหว่านหนิงเปลี่ยนท่าที

วันนี้ทำให้โม่เยว่จากไปไม่ได้ นางได้แต่คิดหาวิธีแยกเขาออกไปก่อน!

ตำหนักหย่งโซ่ว?

โม่เยว่ตอบโดยไม่ต้องคิด “เจ้าจะให้ข้าไปพบเสด็จแม่?”

“ถูกต้อง!”

หยุนหว่านหนิงไม่ได้ปฏิเสธ “วันนี้ข้ายั่วยุเสด็จแม่อีกแล้ว กลัวแต่ว่าเสด็จแม่จะก่อเรื่องอะไรอีก”

“เจ้าไปพบเสด็จแม่เต๋อเฟยที่ตำหนักหย่งโซ่วก่อน อธิบายเรื่องราวในวันนี้ให้ชัดเจน! ให้เสด็จแม่เต๋อเฟยรู้ว่าต้องทำอย่างไร ถึงเวลาเสด็จแม่จงใจทำให้ลำบากใจ เราจะได้ไม่ถึงกับถูกกระทำมากเกินไป”

กลัวแต่ว่าถึงเวลานี้น ฮองเฮาจ้าวกับเต๋อเฟยจะโจมตีพร้อมกันจากซ้ายและขวา

ถึงเวลานั้น หยุนหว่านหนิงจะตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“ข้าเข้าใจแล้ว”

โม่เยว่เข้าใจความหมายของนางแล้ว

เขาพยักหน้า สายตาสื่อความหมายลึกซึ้ง “เช่นนั้นเจ้าต้องรีบทำธุระให้เสร็จโดยเร็ว”

“ข้าทำธุระเสร็จแล้ว จะมารับเจ้าที่ห้องทรงพระอักษรแล้วกลับจวนอ๋องไปพร้อมกัน คืนนี้ยังสามารถให้หยวนเป่าพักที่ตระกูลกู้อีกหนึ่งคืน เราสองคน......”

เขาทำเหมือนกับกลัวว่าหยุนหว่านหนิงจะไม่เข้าใจ ว่าเวลานี้ในใจของเขากำลังคิดเรื่องสกปรกโสมมอะไรอยู่

ใบหน้าของหยุนหว่านหนิงยังคงร้อนรุ่มต่อไป “ข้ารู้แล้ว”

เสียงของนางเบาราวกับยุง “เจ้าไปก่อนเถอะ”

“ข้า ข้าจะรอเจ้าที่ห้องทรงพระอักษร

ได้ยินคำตอบยืนยันของนาง โม่เยว่ถึงได้โล่งอกอย่างสิ้นเชิง

“อีกสักครู่ข้ามารับเจ้า!”

สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ฝีเท้าราวกับล่องลอย จากไปโดยไม่หันกลับมามองเลย

มองดูท่าทางที่พลิ้วไหวดุจนกนางแอ่นนั่น......

ไม่ว่าใครก็สามารถดูออกว่า เวลานี้อ๋องหมิงอารมณ์ดีอย่างมาก!

หรูโม่กับหรูอวี้เอามือเท้าคางเอาไว้ “ดูท่าคืนนี้ความฝันของนายท่านจะกลายเป็นจริงแล้ว! จะผ่านค่ำคืนที่สวยงามและน่าจดจำ เราควรจะช่วยเหลืออะไรหน่อยใช่ไหม?”

หยุนหว่านหนิงเตะเข้าไป “ไปให้พ้นเลย!”

นางสะบัดหน้า เดินเข้าไปในห้องทรงพระอักษรอย่างหยิ่งทะนง

เวลานี้ โม่จงหรานเพิ่งจะหารือกิจการบ้านเมืองกับบรรดาขุนนางเสร็จ

เห็นหยุนหว่านหนิงเข้ามา เปลือกตาข้างขวาของเขากระตุกขึ้นมา ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีปะทุขึ้นมา “เจ้ามาทำอะไรอีกแล้ว?”

“เสด็จพ่ออย่าประหม่าไปสิ”

หยุนหว่านหนิงโค้งคำนับให้เขาอย่างยิ้มระรื่น “ลูกสะใภ้เข้าวังมา เพื่อจะหารือเรื่องบางอย่างกับเสด็จพ่อ!”

โม่จงหรานรักษาการระมัดระวังตัว “เรื่องอะไร?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์