หยุนหว่านหนิงยิ้มหวานออกมา
มือของนางยื่นออกไปจากไหล่ของโม่เยว่ ชูหนึ่งนิ้วไปทางฮองเฮาจ้าว
“หมายความว่าอย่างไร?”
ฮองเฮาจ้าวที่ไม่เคยถูกนาง “รีดไถ” ไม่เข้าใจว่านางหมายความว่าอย่างไร
ไม่มีใครเข้าใจนางไปมากกว่าโม่เยว่แล้ว มองเพียงนิ้วมือของนาง ก็อธิบายแทนนางด้วยสีหน้าไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึก “ค่าปิดปาก หนึ่งแสนตำลึง”
“หนึ่งแสนตำลึง? ! เจ้ากำลังปล้นอยู่หรือ? !”
ฮองเฮาจ้าวโกรธสุดขีด
โม่หุยเฟิงในตอนนี้ แค่หนึ่งหมื่นตำลึงก็ยังไม่สามารถเอาออกมาได้ ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงหนึ่งแสนตำลึงเลย
เขาไม่มี แต่ฮองเฮาจ้าวมีนี่นา!
หยุนหว่านหนิงกะพริบตา “เสด็จแม่ ไม่กี่วันก่อนท่านเพิ่งจะเอาเงินจากข้าไปหนึ่งล้านตำลึงเองนะ”
“ถึงแม้จะซ่อมแซมตำหนักซีเยว่ มันก็มากเกินพออยู่แล้ว! เอาออกมาหนึ่งแสนตำลึง สำหรับเสด็จแม่แล้ว......ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรใช่ไหม?”
ฮองเฮาจ้าว: “......”
เงินน่ะนางมีอยู่!
แต่เมื่อเงินนั่นเข้ากระเป๋าของนางไปแล้ว ไหนเลยจะยอมให้หยุนหว่านหนิงล้วงไปได้? !
โม่หุยเฟิงก็เต็มไปด้วยความในใจมากมาย แต่ก็ยากที่จะพูดออกมาได้
เขารู้ว่า โม่จงหรานนำเงินล้านกว่าตำลึงที่อายัดไปจากเขา แบ่งให้กับหยุนหว่านหนิงหนึ่งล้านตำลึง
แต่ผู้หญิงคนนี้ จะโหดเกินไปแล้วไหม!
เอาเงินจากเขาไปหนึ่งล้านตำลึง ยังจะมีหน้าไปขอเงินกับเสด็จแม่อีก? !
ดูท่าเสด็จแม่เอาเงินจากนางไปหนึ่งล้านตำลึงในตอนนั้น ผู้หญิงคนนี้ก็จะเอาคืนกลับไปทีละก้อนทีละก้อนเช่นกัน!
ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไร หนึ่งล้านตำลึงนั่นก็แค่เก็บเอาไว้ในมือของฮองเฮาจ้าวช่วงหนึ่งเท่านั้นแหละ!
ท้านที่สุด ก็ยังต้อง “คืนให้กับเจ้าของ” คืนให้กับหยุนหว่านหนิง!
โหด โหดเกินไปแล้วชัดๆ!
ต่อหน้าบรรดาแขกเหรื่อทั้งหลาย โม่หุยเฟิงย่อมไม่สามารถพูดออกมาได้อยู่แล้ว เขาได้แต่มองดูหยุนหว่านหนิงด้วยใบหน้าเหมือนคนท้องผูก “หยุนหว่านหนิง เจ้าอย่าให้มันเกินไปนะ!”
“เกินไป?”
หยุนหว่านหนิงส่ายหน้า “หนึ่งแสนตำลึงพวกท่านรู้สึกว่ามันเกินไป เช่นนั้นก็สองแสนตำลึงแล้วกัน”
โม่หุยเฟิงหายใจไม่ออกกะทันหัน เกือบจะถูกคำพูดของนางทำให้หมดลมไปโดยตรง
บางทีฮองเฮาจ้าวอาจจะทำเพื่อให้ได้อยู่กับโม่หุยเฟิงและคนอื่นๆนานขึ้นอีกหน่อย เวลาอิสระที่กว่าจะขอมาได้ ไม่อยากเสียเวลาไปกับหยุนหว่านหนิง
ดังนั้น นางโบกไม้โบกมือเหมือนกับไล่แมลงวัน
“ได้ๆๆ หนึ่งแสนตำลึงใช่ไหม? ข้าให้เจ้า!”
ฮองเฮาจ้าวกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้ารีบไปเถอะ”
ท่าทางรังเกียจนั้น ทำให้คนกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่ได้
หยุนหว่านหนิงก็ไม่ใช่คนที่ “ไม่รู้อะไรควรไม่ควร” เช่นกัน
นางมองไปที่หยุนธิงหลานอย่างลึกซึ้งครู่หนึ่ง หันหลังลงจากแท่นไปพร้อมกับโม่เยว่ หยุนธิงธิงก็รีบร้อนลุกขึ้นมาแล้วตามพวกเขาจากไป
เหตุการณ์ในวันนี้ จบลงไปชั่วคราว
หลังจากที่ส่งหยุนธิงธิงกลับไปที่จวนยิ่งกั๋วกงแล้ว โม่เยว่มองดูท่าทางที่หนักอกหนักใจของหยุนหว่านหนิง สอบถามด้วยความห่วงใย “หนิงเอ๋อร์ กำลังคิดอะไรอยู่?”
“ไม่มีอะไร”
ถึงจะพูดเช่นนี้ แต่นางกลับขมวดคิ้วแน่น
ดูแล้วมีเรื่องในใจจริงๆ
โม่เยว่ไปจูงมือของนาง “แม้แต่ข้าก็ไม่ยินดีจะบอกหรือ?”
หยุนหว่านหนิงสะบัดมือของเขาออกอย่างรังเกียจ “ทำอะไรน่ะ?”
“จะพูดก็พูด จะเดินก็เดิน จับไม้จับมือทำไม? ที่นี่คือถนน ไม่กลัวว่าจะถูกคนที่เดินผ่านไปมาหัวเราะเยาะท่านหรือ?”
นางกลอกตามองเขาครู่หนึ่ง “โอบกอดกันไปมากลางถนน ถือเป็นอะไรกัน? !”
“ข้ากลัวอะไร?”
โม่เยว่เกี่ยวริมฝีปากขึ้นอย่างอารมณ์ดี “เจ้าเป็นพระชายาที่ข้าแต่งงานด้วยอย่างเปิดเผย”
“ถึงแม้จะโอบกอดกันไปมากลางถนน คนอื่นจะกล้าหัวเราะเยาะได้อย่างไร? !”
หยุนหว่านหนิง: “……ท่านกลายเป็นคนหน้าด้านไร้ยางอายเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ข้าเรียนรู้จากเจ้าไง”
โม่เยว่กล่าวโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
หยุนหว่านหนิงเลือกที่ปิดปาก ไม่คุยกับเขาจะดีกว่า
นางไม่เข้าใจเลยว่า อ๋องหมิงที่เย่อหยิ่งเย็นชา เข้าถึงได้ยาก ทำไมอยู่ต่อหน้านางถึงทำตัวเหมือนกับเด็กสาวขวบ? !
ไม่!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...