อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 324

เห็นนางประหลาดใจเช่นนี้ เสวียนซันเซียนเซิงยื่นมือไปสัมผัสใบหน้า “ทำไม? ไม่เจอกันพักหนึ่ง ข้าหล่อเหลาขึ้นใช่ไหมล่ะ เจ้าไม่รู้จักข้าแล้วหรือ?”

หมายความว่า เขาคือเสวียนซันเซียนเซิงจริงๆ!

แต่ว่าสีหน้าของหยุนหว่านหนิง กลับแปลกประหลาดมากยิ่งขึ้น “ท่านคือเสวียนซันเซียนเซิงจริงหรือ?”

“ข้าไม่ใช่ หรือว่าเป็นเจ้า?”

เสวียนซันเซียนเซิงพลิกตัวลุกขึ้นมานั่ง ขมวดคิ้วแล้วมองดูนาง “ดึกดื่นเที่ยงคืน เจ้ามาทำอะไร?”

“ไม่ใช่”

หยุนหว่านหนิงไม่ได้ตอบคำถามเขา

นางเข้าไปใกล้เล็กน้อย มองดูใบหน้าของเสวียนซันเซียนเซิงอย่างละเอียด......

เมื่อครู่ตอนที่มองแวบแรก ถึงแม้หน้าตาเขาค่อนข้างจะดูเหมือนกับเสวียนซันเซียนเซิงในอดีต แต่ก็ดูไม่เหมือนเท่าไหร่......สรุปแล้ว มองแวบแรกก็มองออกว่าดูเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

ไม่ว่าจะเป็นโครงหน้า หรือว่าหน้าตา

พอมองดูอย่างละเอียดเช่นนี้ ก็ดูเหมือนจะเป็นเสวียนซันเซียนเซิง

หยุนหว่านหนิงไม่แน่ใจ

จู่ๆนางก็นึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของซ่งจื่ออวี๋ ใบหน้าที่แท้จริงของเสวียนซันเซียนเซิง น้อยคนนักที่จะได้เห็น

รูปร่างหน้าตาของเสวียนซันเซียนเซิงในจินตนาการของผู้คนเป็นอย่างไร ก็จะเห็นเขาในรูปร่างหน้าตาแบบนั้น......

ไม่ได้เจอกันมาสักพัก ความรู้สึกที่ได้เห็นที่มีต่อเสวียนซันเซียนเซิงของหยุนหว่านหนิง ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปจากมุมมองเดิมเช่นกัน

ดังนั้นรูปร่างหน้าตาของเขา ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้เมื่อครู่หยุนหว่านหนิงจึงตกใจจนหน้าถอดสี!

หลังจากคลายความสงสัยในใจของนางแล้ว ถึงได้กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ได้ยินซ่งจื่ออวี๋บอกว่าท่านกำลังงดธัญพืชทั้งห้าอยู่ ดังนั้นข้าก็เลยมาดูโดยเฉพาะ ว่าท่านอาจารย์เป็นอะไรไป”

“เช่นนั้นเจ้ารู้หรือยัง?”

เสวียนซันเซียนเซิงนอนลงไปใหม่อีกครั้ง

“ยัง”

หยุนหว่านหนิงส่ายหน้า หยิบคอเป็ดรสชาติหนึ่งออกมาจากช่องว่างแล้วเริ่มแทะขึ้นมา

กลิ่นหอมเผ็ดนั่น ยั่วจนเสวียนซันเซียนเซิงอดกลืนน้ำลายไม่ได้

หยุนหว่านหนิงแคะอย่างเอร็ดอร่อย “ในเมื่อท่านอาจารย์กำลังงดธัญพืชทั้งห้าอยู่ เสียดายอาหารรสเลิศพวกนี้! คงต้องให้ท่านอาจารย์ลำบาก มองดูข้ากินแล้ว”

เสวียนซันเซียนเซิง: “......”

อีนังหนูคนนี้ ต้องจงใจแน่นอน!

เขากลืนน้ำลายลงคอ มองนางตาปริบๆ “ใครบอกว่าข้ากำลังงดธัญพืชทั้งห้าอยู่”

“เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้ ข้าใช้พลังวัตรมากไปหน่อย จำเป็นต้องงดธัญพืชทั้งห้าฟื้นฟูพลังวัตรเท่านั้นเอง”

ขณะที่พูด เขาก็ยื่นมือไปหยิบคอเป็ด “ให้ข้ากินชิ้นหนึ่ง”

“ไม่ให้”

หยุนหว่านหนิงตบมือของเขาออกไป รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนกับจิ้งจอกน้อยที่บรรลุผลสำเร็จ “หากท่านอาจารย์อยากกินจริงๆ เช่นนั้นก็ตอบคำถามของข้าสองสามข้อ”

ที่แท้ก็มาโดยที่เตรียมตัวมาอย่างดีแล้ว

เสวียนซันเซียนเซิงอยากจะใจสู้ ไม่ถูก “แผนอาหารรสเลิศ” ของนางล่อลวงสักครั้ง

ทำอย่างไรได้ กลิ่นนี้ช่างหอมมากจริงๆ!

หลังจากดิ้นรนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดก็ก้มหัวให้กับอาหารรสเลิศ

“เจ้าว่ามา”

เขามองดูคอเป็ดในมือของนางตาปริบๆ

ตอนนี้หยุนหว่านหนิงอยู่ต่อหน้าเขากับซ่งจื่ออวี๋ ไม่รู้สึกพะว้าพะวังเลยแม้แต่น้อย เพราะพวกเขาศิษย์อาจารย์ รู้ที่มาที่ไปของนาง และก็รู้ว่ามีช่องว่างสารพัดประโยชน์ที่มหัศจรรย์

“เกิดอะไรขึ้นกับซ่งจื่ออวี๋?”

หยุนหว่านหนิงเข้าสู่ประเด็นสำคัญทันที

ขณะที่นางถามก็แคะคอเป็ดไปด้วย

สายลมยามค่ำคืน ส่งกลิ่นของคอเป็ดโชยเข้าไปในจมูกเสวียนซันเซียนเซิง......

“เกิดอะไรขึ้นอะไร?”

เสวียนซันเซียนเซิงแสร้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจ

หยุนหว่านหนิงถือคอเป็ด ส่ายไปส่ายมาข้างจมูกเขา “ซ่งจื่ออวี๋บาดเจ็บสาหัสเพราะอะไร? ยังไม่สามารถรักษาให้หายได้? ท่านที่เป็นอาจารย์คนนี้รู้หรือไม่?”

นี่คือจะทรมานคนหรือ!

เสวียนซันเซียนเซิงกลืนน้ำลายอย่างบ้าคลั่ง “ข้ารู้”

“เช่นนั้นท่านไม่สนใจศิษย์ท่านหรือ?”

หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้ว “ท่านมาเป็นอาจารย์อย่างไร?”

“ข้าเคยเตือนเขาแล้ว ทำเรื่องเช่นนี้มีความเสี่ยง อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้! เขาไม่ฟังเอง ข้าจะทำอย่างไรได้?”

เสวียนซันเซียนเซิงถูกนางยั่วยุ ไม่พอใจแล้ว “หรือข้ายังสามารถเป็นปฏิปักษ์กับท่านพญายม?”

ท่านพญายม?

หยุนหว่านหนิงจำข้อมูลสำคัญเรื่องนี้เอาไว้

“เช่นนั้นเขาจะเป็นอะไรไหม?”

“ปล่อยไปตามชะตากรรม”

สายตาของเสวียนซันเซียนเซิง จ้องมองคอเป็ดอย่างไม่ละสายตา

ท่าทางนั่น ดูเหมือนสุนัขพันธุ์ปั๊กที่จ้องมองกระดูก......ใช้คำว่าสุนัขพันธุ์ปั๊กมาพรรณนาปรมาจารย์ผู้หลีกเร้นจากโลกียวิสัยอย่างเสวียนซันเซียนเซิง เห็นได้ชัดว่าไม่เหมาะสม

แต่เวลานี้นอกจากคำคุณศัพท์นี้แล้ว ในหัวของหยุนหว่านหนิงหาคำที่สองไม่เจอ

“เขาจะมีอันตรายหรือไม่?”

หยุนหว่านหนิงถามขึ้นมาอีก

เสวียนซันเซียนเซิงขมวดคิ้ว มองดูนางอย่างเหตุผลสมควรถ้อยคำจริงจัง “เจ้าไม่เป็นห่วงชีวิตของตัวเอง แต่กลับเป็นห่วงจื่ออวี๋เช่นนี้”

“ทำไม? นึกออกแล้วหรือว่าเขาเป็นใคร?”

สายตาของหยุนหว่านหนิงเป็นประกาย “ท่านหมายความว่าอย่างไร? หรือว่าก่อนหน้านี้ข้ารู้จักเขามาก่อน?”

นึกได้ว่าก่อนหน้านี้ซ่งจื่ออวี๋เรียกนางว่า “หนิงหนิง” ......

หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้วแน่น

นางเคยระลึกความทรงจำอย่างละเอียด ร่างเดิมหยุนหว่านหนิงไม่ได้รู้จักซ่งจื่ออวี๋

นางมาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้จักซ่งจื่ออวี๋เช่นกัน

พวกเขาพบกันครั้งแรก คือตอนที่เสวียนซันเซียนเซิงลักพาตัวซ่งจื่ออวี๋มาจากเป่ยจวิ้น แล้ว “ขาย” เขาให้กับนาง

ก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน ไหนเลยจะสามารถพูดได้ว่านางนึกออกว่าเขาเป็นใคร?

“เจ้าจำไม่ได้ก็ถือว่าข้าไม่ได้พูดแล้วกัน”

เสวียนซันเซียนเซิงรีบร้อนโบกมือ “เรื่องนี้เจ้านึกขึ้นมาเองไม่ได้ จื่ออวี๋ก็ไม่ได้บอกเจ้า เช่นนั้นตาเฒ่าอย่างข้าคนนี้ จะไม่เอ่ยปากตามอำเภอใจหรอก”

“ท่านไม่พูดจริงหรือ?”

หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้วแน่นมากขึ้น

กลัวว่าจู่ๆนางจะเปลี่ยนใจเก็บคอเป็ดกลับไปอีก......

เสวียนซันเซียนเซิงมองหาโอกาสอย่างแม่นยำ คว้าคอเป็ดไปทันที “ความลับสวรรค์ไม่สามารถเปิดเผยได้!”

“เจ้าแค่ปล่อยไปตามธรรมชาติก็พอ อย่างอื่นไม่ต้องถามให้มากความ! เรื่องของเจ้าจื่ออวี๋คิดวิธีแก้ไขได้แล้ว เจ้าก็เป็นพระชายาหมิงของเจ้าอย่างสบายใจก็พอ”

คำพูดนี้ ไม่ว่าจะฟังอย่างไรก็มีความแปลกประหลาดเล็กน้อย

หยุนหว่านหนิงมองดูท่าทางที่กินเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยของเขา แน่ใจว่าไม่สามารถแงะปากของเขาได้ จึงได้แต่ลุกขึ้นจากไปอย่างท้อใจ

“ลงเขาระวังตัวด้วย!”

เสียงของเสวียนซันเซียนเซิงดังมาจากด้านหลัง

หยุนหว่านหนิงโบกมือโดยไม่หันกลับมามอง หายลับไปในความมืดมิด

......

ตอนที่นางกลับมาถึงเมืองหลวง เป็นเวลารุ่งสาง ตะวันเริ่มฉายแสงอ่อนๆ

โม่เยว่เหมือนกับสติแตก ตามหานางไปทั่ว

เห็นนางกลับเข้ามาในจวนอ๋องอย่างหมดอาลัยตายอยาก โม่เยว่ถอนหายใจยาวๆเฮือกหนึ่ง เขาพุ่งเข้ามาจากระยะสิบเมตรทันที “หนิงเอ๋อร์ เจ้าไปไหนมา? ! เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม? !”

“เป็นอะไรไป? เจอเรื่องอะไรเข้าหรือ?”

“ทำไมถึงหายไปโดยไม่บอกสักคำ? ให้ข้าหาอย่างยากลำบาก! เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นห่วงแค่ไหน? !”

เขากอดนางเอาไว้แน่น

นาทีนี้ ไหนเลยจะยังคิดถึงเรื่องความรักความปรารถนาของหนุ่มสาว และการให้กำเนิดลูกคนที่สองอะไรพวกนั้นอีก

ในที่สุดเขาก็ตระหนักแล้วว่า สำหรับเขาแล้วหยุนหว่านหนิงมีความสำคัญมากแค่ไหน

หากนางหายตัวไป เขาก็ไม่สามารถมีชีวิตต่อไปได้เช่นกัน!

“เป็นอะไรไป?”

หยุนหว่านหนิงถูกเขารัดจนหายใจไม่ออก หลังจากที่ผลักเขาออกไป มองดูความยุ่งเหยิงในจวนอ๋อง บ่าวรับใช้คุกเข่ากันอยู่เต็มพื้น ทุกคนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง......

นางได้สติกลับมาอย่างรู้ตัวภายหลัง

นางหัวเราะเบาๆ “ข้ารู้สึกเบื่อนิดหน่อย ก็เลยออกไปเดินเล่น”

“เจ้าหายไปหลายชั่วยามเลยนะ!”

โม่เยว่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง “ไม่บอกกันเลยสักคำ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นห่วงแค่ไหน?”

“ลูกชายล่ะ?”

จู่ๆหยุนหว่านหนิงก็กล่าวถามขึ้นมากะทันหัน

หยวนเป่าคงจะไม่ได้เป็นห่วงแย่เหมือนกันหรอกใช่ไหม?

โม่เยว่: “......”

พูดกันจนถึงแก่น ครอบครัวพวกเขาสามคน ฐานะของเขาคือคนที่ต่ำต้อยที่สุดคนนั้นจริงๆ!

น้ำเสียงของเขาขุ่นเคือง “อยู่ที่ตระกูลกู้! ข้าไม่กล้าบอกเขา ว่าเจ้าหายตัวไป! เพียงแต่บอกว่าเจ้ามีธุระนิดหน่อย พรุ่งนี้ค่อยไปรับเขากลับมา”

“เช่นนั้นก็ดีแล้ว”

หยุนหว่านหนิงโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง

นางกลัวว่าโม่เยว่ยังต้องการจะ “หารือ” เรื่องให้กำเนิดลูกคนที่สองกับนางอีก หันหน้าเข้าวังโดยสัญชาตญาณ “เจ้าจะไปประชุมเช้าไหม? ข้ายังต้องไปให้คำตอบเสด็จพ่ออีก!”

“เราเข้าวังไปพร้อมกันเถอะ!”

โม่เยว่รู้สึกเพียงแปลกประหลาดเท่านั้น

จุดประสงค์ที่จะหลบเขาของผู้หญิงคนนี้ มันจะชัดเจนเกินไปหน่อยไหม?

แต่บ่าวรับใช้ล้วนอยู่ที่นี่กันหมด โม่เยว่ก็ไม่สามารถเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาได้

ดังนั้น ทั้งสองจึงเข้าวังไปพร้อมกัน

เดิมทีหยุนหว่านหนิงอยากจะบอกกับโม่จงหราน ว่าหาซ่งจื่ออวี๋ไม่พบ......ซ่งจื่ออวี๋กำลังฟักพื้นอยู่ที่จวนซ่ง เวลานี้ นางย่อมจะไม่ให้เขาเข้าวังมาพบโม่จงหรานอยู่แล้ว

แต่ใครจะรู้ว่าเพิ่งจะเข้ามาในห้องทรงพระอักษร ภาพที่อยู่ตรงหน้าทำให้นางตกตะลึงจนอ้าปากค้าง!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์