ผ่านไปไม่นาน โม่เยว่พูดก่อน “วิธีนี้ของหนิงเอ๋อร์ฟังดูไม่เข้าท่า แต่ข้าว่ามีประโยชน์นะ”
วิธีนี้ก็คือ ‘การเล่นแง่’!
ซีจวิ้นกลับกลอกตีสองหน้า หนานจวิ้นก็‘เล่นแง่’บ้าง จะทำไมล่ะ?
“เพราะถึงซีจวิ้นจะไม่อุดมสมบูรณ์เท่าหนานจวิ้น แต่จำนวนประชาชนไม่น้อย ถ้าบีบบังคับให้พวกเขารับปากเงื่อนไขนี้ ซีจวิ้นต้องยอมแพ้เลิกราไปแน่”
โม่เยว่วิเคราะห์บอก “ถ้าเป็นทรัพย์สินเงินทอง หรือแบ่งแยกดินแดนให้”
“สองเงื่อนไขนี้ทำได้ง่ายมาก ซีจวิ้นต้องรีบรับปากโดยไวแน่”
แต่ถ้าให้ซีจวิ้นพร้อมใจกันลดความอ้วนเพื่อความสวยงามทั้งแคว้น...
ลำบากละ!
“ข้าได้ยินมาว่า คนซีจวิ้นชอบกินเนื้อดิบ เลยทำให้แต่ละคนรูปร่างสูงใหญ่เหมือนวัวเหมือนม้า ขนาดสตรีซีจวิ้นยังมีเรี่ยวแรงมากล้น”
โม่จงหรานพยักหน้าอย่างครุ่นคิด “ถ้าให้พวกเขาทำการเปลี่ยนแปลง มันต้องไม่ง่ายแน่”
ครั้งนี้ ซีจวิ้นคิดเอาเองถึงวิธีที่จะหักหน้าหนานจวิ้นได้ออกมา
พวกเขารบแพ้ ในสี่แคว้นก็ไม่อาจเงยหน้าขึ้นได้แล้ว
กลับยังมาสู่ขอองค์หญิงหนานจวิ้น เพื่อมาเป็นตราประทับยืนยันว่าซีจวิ้น ยังมี “ความละโมบโลภมาก” ... ถ้ารับปากไป โม่จงหรานก็ขายหน้า โม่โยวโยวโดนพรากจากหนานจวิ้นไป หนานจวิ้นโดนซีจวิ้นเหยียบไว้ใต้ฝ่าเท้า
ถ้ารับปาก ซีจวิ้นก็จะมารุกรานตอแยเป็นระยะๆเหมือนตัวตลกอีก
สรุปคือน่ารำคาญนัก!
ดังนั้นวันนี้โม่จงหรานเลยอารมณ์เสียมาก
วิธีนี้ของหยุนหว่านหนิงไม่เลวเลยจริงๆ!
เธอยิ้มน้อยๆ “พวกเราทำอย่างนี้ได้อีก”
“ถ้าไม่กำหนดเวลาให้ซีจวิ้น เช่นภายในสามเดือน ทั้งหมดต้องน้ำหนักลดไปหนึ่งร้อยห้าสิบชั่ง จากนั้นพวกเราถึงจะเห็นด้วยกับการส่งองค์หญิงหนานจวิ้นไปแต่งงานเจริญสัมพันธไมตรีกับซีจวิ้น”
เธอลุกขึ้นเดินหลายก้าว “ถ้าภายในสามเดือนทำไม่ได้ ก็อย่าได้เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก”
“หรือไม่ ทำได้เมื่อไหร่ พวกเราค่อยส่งองค์หญิงหนานจวิ้นไปแต่งงานเจริญสัมพันธไมตรีเมื่อนั้น!”
ทั่วทั้งซีจวิ้นมีประชาชนหลายร้อยคน ถ้าบุรุษทั้งหมดพร้อมใจกันลดน้ำหนักไปหนึ่งร้อยห้าสิบชั่ง ฟังดูง่ายแต่ทำขึ้นมานั้นยาก
ยิ่งไปกว่านั้น สตรีซีจวิ้นก็คุ้นเคยกับชีวิตเรียบง่ายหยาบกร้าน
หากให้พวกนางกลายเป็นพริ้วไหวดุจสายลม...
เรียกได้ว่าฝันไปเถอะ!
เพราะอย่างนั้น ไม่ว่าจะเลือกอย่างไหน ซีจวิ้นก็ไม่มีทางทำได้!
ต่อให้ผ่านไปกี่ปี สิบกว่าปีทำได้ ถึงเวลานั้นโม่โยวโยวก็อายุสามสิบสี่สิบปีแล้ว องค์หญิงชราเยี่ยงนั้น ซีจวิ้นของพวกเขายังต้องการรึ?
โม่จงหรานมองหยุนหว่านหนิงอย่างชื่นชม
เขาปรบมือ “สมองของหว่านหนิงฉับไวดีจริงๆ”
“เจ้าเจ็ด เจ้าเขย่านางหน่อยสิ”
“เสด็จพ่อ เพราะเหตุใดรึ?”
โม่เยว่ไม่เข้าใจ
เผชิญสายตางุนงงสงสัยของทุกคน โม่จงหรานยิ้มน้อยๆ “ฟังๆดูว่าน้ำหมึกในท้องนังหนูนั่นกำลังผุดฟอง‘บุ๋งบุ๋ง’หรือไม่?”
หยุนหว่านหนิง “...เสด็จพ่อท่านช่างอารมณ์ขันนัก”
โม่เยว่ก็ทนไม่ไหวหัวเราะออกมา
เต๋อเฟยนั่งเท้าคางทำหน้าครุ่นคิด “คำพูดนี้ของฝ่าบาท หม่อมฉันเข้าใจ”
“ท่านกำลังบอกว่า หนิงเอ๋อร์เป็นเด็กไม่ดี?”
โม่จงหรานพูดไม่ออก “เอ่อ คล้ายคลึงล่ะ!”
“ยังไงซะ วันนี้ทั่วทั้งท้องพระโรงราชการเช้า ไม่มีใครคิดวิธีแก้ปัญหาที่สมเหตุสมผลให้แก่ข้าได้เลย!”
ขุนนางเหล่านั้น หากมิใช่เห็นด้วยกับการแต่งงานเจริญสัมพันธไมตรี บอกว่า สงครามทำให้เกิดการเรียกรวมพลชาวบ้านและเงินทอง ประชาชนบ้านแตกสาแหรกขาด พึ่งจะผ่านศึกสงครามมา บัดนี้ท้องพระคลังหนานจวิ้นว่างเปล่า
ดังนั้นอย่าปะทะกับซีจวิ้นจะดีที่สุด
ไม่เช่นนั้นก็ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานเจริญสัมพันธไมตรี บอกให้เปิดศึกเลย และขับไล่ซีจวิ้นวิ่งหนีหางจุกตูดไปซะ
นอกจากสองวิธีนี้แล้ว ไม่มีใครคิดวิธีที่ทำให้เขาพอใจได้ออกมาเลย!
ช่างเป็นคนแก่หัวแข็งที่เน่าเฟะและดื้อรั้น กลุ่มหนึ่งจริงๆ!
โม่จงหรานมองหยุนหว่านหนิงอย่างอารมณ์ดี “วิธีนี้ของหนิงเอ๋อร์ดียิ่งนัก! ไม่เพียงไม่เปิดศึกสงครามกับซีจวิ้นอีก และยิ่งไม่ต้องส่งโยวโยวไปแต่งงานเจริญสัมพันธไมตรี”
“ข้าดีใจยิ่งนัก!”
เขายิ้มอย่างพอใจ
เต๋อเฟยยิ้มตามไปด้วย
ลูกสะใภ้ตนโดนชมเชย นางดีใจเสียยิ่งกว่าตนเองโดนชมเชยเสียอีก เต๋อเฟยยิ้มหวานราวกับน้ำผึ้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
นิยายสนุก แต่ช่วยมาลงต่อให้จบได้ไหมคะ...
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...