ฮองเฮาจ้าวรีบหันหน้าไปมอง
เห็นแค่หยุนหว่านหนิงสองมือค้ำประตู หัวเราะจนน้ำตาไหลออกมาแล้ว
"เจ้าหัวเราะทำไม?"
สีหน้าของฮองเฮาจ้าวน่าเกลียดจนแทบดูไม่ได้ "จะยืนก็ไม่ยืนให้ดี จะนั่งก็ไม่นั่งให้เหมาะ! สภาพเจ้าแบบนี้ มันใช่ภาพพจน์ที่พระชายาอ๋องควรมีเสียที่ไหนกัน?!"
หยุนหว่านหนิงหันไปมองโม่จงหรานแวบหนึ่ง
เห็นเขาแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า.....
ไม่มีสัจจะ!
เสด็จพ่อไม่มีสัจจะเอาเสียเลย!
เห็นว่านางถูกฮองเฮาจ้าวตำหนิแท้ ๆ ก็ไม่เห็นจะเข้ามาช่วยเลย!
โม่จงหรานพึ่งไม่ได้ นางจึงทำได้แค่ยืดตัวให้ตรง พูดว่า "เสด็จแม่ ต้องขออภัยด้วยจริงๆ"
“เมื่อครู่นี้มันตลกมาก ข้าหัวเราะจนปวดเอวไปหมด ดังนั้นเลยยืนตัวตรงไม่ได้”
นางลดมือทั้งคู่ลง "ลูกไม่ได้หัวเราะเยาะอะไรเลยนะเพคะ! แค่บังเอิญว่าเมื่อครู่นี้เห็นกบตัวใหญ่ยักษ์ตัวนึง กระโดดออกมาจากด้านหลังของหมอหลวงหยาง ลูกเลยรู้สึกว่ามันตลกดี"
กบตัวใหญ่ยักษ์?
กบตัวใหญ่ยักษ์มาจากไหน?
ฮองเฮาจ้าวขมวดคิ้วมุ่น "ท้องฟ้าสดใสแดดเจิดจ้าขนาดนี้ พูดจาเหลวไหลไร้สาระอะไรของเจ้า?"
“เสด็จแม่ไม่เห็น ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีอยู่จริงนะเพคะ!”
หยุนหว่านหนิงพูดด้วยท่าทางกล้าหาญวาจาหนักแน่น "ในเมื่อเสด็จแม่ไม่เชื่อ ลูกก็คงต้องขอตัวก่อนแล้ว"
นางเอาสองมือไพล่หลัง แล้วเดินเฉียดผ่านข้างตัวฮองเฮาจ้าวไป
กบตัวใหญ่ยักษ์อะไรล่ะ นางแค่อยากจะบอกว่าฮองเฮาจ้าวกลายเป็นคนโง่ที่ตามคนอื่นไม่ทัน โดนปั่นหัวได้ง่าย ๆ ไปแล้ว!
ภาพลักษณ์ของคนโง่ที่โดนปั่นหัวได้ง่าย ๆ มันก็เหมาะกับกบที่มีชีวิตอันน่าอนาถดีแล้วไม่ใช่หรือ?
หยุนหว่านหนิงรู้สึกขำแทบแย่
เมื่อครู่นี้โม่จงหรานปล่อยให้ฮองเฮาจ้าวตำหนินาง เดิมทีนางยังคิดอยู่ว่าจะเล่นลูกไม้อะไรสักนิดสักหน่อย เพื่อเป็นการเพิ่มระดับ "การโบกสะบัด" เขาให้สั่นระทึกขึ้นอีกหน่อย แต่พอลองคิด ๆ ดูอีกที สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าช่างมันดีกว่า!
เสด็จพ่อเองก็ลำบากเหมือนกัน!
ดังนั้น หยุนหว่านหนิงจึงไม่พูดอะไรให้มากความ
หลังจากเดินไปได้สามสี่ก้าว ก็พูดกับฮองเฮาจ้าวว่า "จริงสิเสด็จแม่ เรื่องเงินหนึ่งแสนตำลึงนั่น....."
เงิน ๆ ๆ เจ้ามันก็รู้จักแต่เรื่องเงิน!
เพราะอยู่ต่อหน้าโม่จงหราน ฮองเฮาจ้าวจึงไม่สามารถโกรธได้ นางทำได้แค่เค้นเสียงพูดลอดไรฟันออกมาสี่ห้าคำว่า "ข้าจะสั่งคนส่งไปให้เจ้าเอง!"
เมื่อเห็นว่าหยุนหว่านหนิงจากไปอย่างพอใจแล้ว โม่จงหรานก็ขมวดคิ้ว ถามว่า "เงินอะไร?"
“มีบางอย่างที่เสด็จพ่อยังไม่ทรงทราบ”
ฮองเฮาจ้าวฝืนยิ้ม “เมื่อวานนี้ เพื่อที่หม่อมฉันจะให้หยุนธิงหลานเข้าห้องหอกับเฟิงเอ๋อร์ได้โดยราบรื่น ”
"ต้องยอมจ่ายเงินไปถึงหนึ่งแสนตำลึง เพื่อส่งสะใภ้เจ็ดออกไปเพคะ!"
นางพูดด้วยท่าทางน้อยอกน้อยใจมาก
นางล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา แล้วเช็ดน้ำตาป้อย ๆ “ฝ่าบาท สะใภ้เจ็ดอาศัยความเอ็นดูของพระองค์ มาแสดงอำนาจบาตรใหญ่ในวัง แม้แต่หม่อมฉันนางก็ยังไม่เห็นอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ”
“แม้แต่จางหมัวมัวก็ยัง.....”
นางมองไปที่จางหมัวมัวซึ่งหมดสติอยู่บนพื้นแวบหนึ่ง แล้วอึกอักพูดอะไรไม่ออก
ในเวลานี้เอง โม่เยว่ก็ก้าวออกมาเช่นกัน
เขามองไปที่ฮองเฮาจ้าวอย่างเย็นชา ก่อนกลับยังทิ้งคำพูดที่เหมือนกับหยุนหว่านหนิงพูดไว้ทุกประการว่า "เสด็จแม่ อย่าลืมส่งเงินไปที่จวนของข้าด้วย"
ฮองเฮาจ้าวถึงกับสะอึก: "....."
ไอ้พวกตัวชั่วช้าสารเลวเอ๊ย !
แต่ก็จนใจที่เต๋อเฟยเป็นพวกให้ท้ายลูกแบบสุดโต่ง
อย่างไรก็ไม่สามารถฟ้องโม่เยว่ในตำหนักหย่งโซ่วได้!
นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ ฝืนระงับความขุ่นในใจ "ฝ่าบาท ท่านต้องให้ความเป็นธรรมแกจางหมัวมัวด้วยนะเพคะ!"
เมื่อเห็นนางร้องไห้ โม่จงหรานก็เริ่มหมดความอดทน
เขาโบกมือ "ในเมื่อจางหมัวมัวได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้ ก็ลากตัวนางออกไปทุบตีให้ตายเสียเถอะ!"
เสียงร้องไห้ของฮองเฮาจ้าวถึงกับสะดุด: "? ? ? ฝ่าบาท"
“ให้นางได้ตายเร็ว ๆ แล้วจะได้ไปเกิดใหม่เร็ว ๆ! ชาติหน้าให้นางไปเกิดในตระกูลดี ๆ สักตระกูล จะได้ไม่ต้องทำอาชีพเป็นแม่นมเฒ่าแล้ว ทำเช่นนี้ ก็ไม่เท่ากับว่าข้าช่วยคืนความเป็นธรรมให้นางแล้วหรอกรึ?”
โม่จงหรานพูดเหมือนว่าตัวเองมีเหตุผลอันชอบธรรมเต็มเปี่ยม
ฮองเฮาจ้าวโกรธจนลมแทบจับเกือบหงายหลัง
“ฝ่าบาท ทรง... ทรงช่างมีอารมณ์ขันยิ่งนัก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...