หยวนเป่าก็เห็นแล้วเช่นกัน เขาชี้ไม้ชี้มือไปที่ชายชราที่ดื่มเหล้าจนหน้าแดงหูแดงอยู่ในโรงเตี๊ยม.....
“ท่านแม่ ๆ นั่นไม่ใช่ท่านตาทวดหรอกหรือ?!”
"แม่เห็นแล้วล่ะ"
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้วมุ่น ขณะที่มองไปที่กู้ป๋อจ้ง
คนที่อยู่ตรงข้ามเขา เป็นชายชราอีกคนหนึ่ง...แต่เพราะหันหลังให้หน้าต่าง ทำให้หยุนหว่านหนิงไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้ชัดเจนนัก ทำได้แค่มองจากด้านหลัง ก็เห็นได้ว่าเหมือนจะเป็นชายชราตัวเล็ก ๆ
แต่ที่แน่ ๆ คือผมหงอกเป็นสีดอกเลา
ดู ๆ ไปแล้ว เขาน่าจะอายุพอ ๆ กันกับกู้ป๋อจ้ง
"ที่แท้ ท่านตาบอกว่ามีธุระด่วนต้องรีบไป ก็คือการออกมาดื่มเหล้านี่เอง!"
หยวนเป่าแสดงท่าทางเหมือน "ได้เปิดหูเปิดตาเห็นโลกใบใหม่"จนเกินจริง
เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูตื่นตกใจของเขา หยุนหว่านหนิงก็ยิ้มอย่างจนใจ "บางทีพวกเขาอาจกำลังคุยธุระอะไรบางอย่างอยู่ก็ได้นะ!"
“แล้วถ้าดื่มจนเมาแล้วจะคุยกันอย่างไรต่อล่ะ?”
หยวนเป่าพูดอย่างจริงจังว่า "ถ้าเมาแล้วจะพูดภาษาคนไม่รู้เรื่องไม่ใช่รึ?"
"อ่า.....นี่ก็..."
หยุนหว่านหนิงถึงกับโดนลูกชายตัวเองดักจนพูดอะไรไม่ออกไปเลย!
นั่นสิ ถ้าเมาแล้วก็จะพูดภาษาคนไม่รู้เรื่องไม่ใช่เรอะ?
เมื่อเห็นท่าทางมีความสุขของกู้ป๋อจ้ง ก็คิดว่าอีกฝ่ายคงจะเป็นเพื่อนเก่าที่ได้มาพบหน้ากัน เขาจึงออกมาพบอย่างมีความสุขขนาดนี้ ว่ากันตามจริง หยุนหว่านหนิงก็พอจะเข้าใจได้ว่าอารมณ์ความรู้สึกของเขาเป็นอย่างไรในตอนนี้
พวกเขาต่างก็เป็นคนที่ขาข้างหนึ่งก้าวเข้าไปรอในโลงแล้ว
การที่อยู่มาจนอายุปูนนี้ ก็ยังมีเพื่อนที่รู้ใจอยู่ นับว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เลยทีเดียว
นางคิดไปคิดมา ก็คุกเข่าลงแล้วอธิบายให้หยวนเป่าฟังอย่างจริงจังว่า "ลูกรัก มีเรื่องบางอย่าง เพราะเจ้ายังเล็กอยู่ก็เลยยังไม่เข้าใจ"
"ข้าเข้าใจดี"
หยวนเป่ากระพริบตาปริบ ๆ พูดอย่างไร้เดียงสาว่า "เพราะวันนี้ท่านลุงทวดกับท่านตาทวดเถียงกัน!"
“ท่านตาทวดโกรธมากเลยหนีออกจากบ้านไปเลย”
หยุนหว่านหนิงตกตะลึงจนผงะ "เถียงกัน? ทำไมท่านลุงทวดกับท่านตาทวดถึงทะเลาะกันล่ะ?"
"ข้าก็ไม่รู้"
หยวนเป่าเพิ่งมารู้ตัวภายหลังว่าเกิดพลั้งปากไป จึงรีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเอง แต่เพียงไม่นานก็โบกมือทั้งสองเป็นพัลวันอีก "ข้าก็แค่เดาเอา! ท่านแม่ อย่าถามข้าเลยนะ ข้าไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง"
พูดจบก็หมุนตัวเดินจากไป
หยุนหว่านหนิงยืนขึ้น สองแขนกอดอก สายตามองตามเจ้าเด็กน้อยตัวแสบนี่เดินฝ่าผ่านฝูงชนไปอย่างครุ่นคิด
“พ่อเก๊ไอ้หนู เจ้าว่าลูกชายของเราเป็นอะไรไปน่ะ?”
นางใช้ไหล่ชนใส่ผู้ชายที่อยู่ข้าง ๆ ไปหนึ่งที
ในตอนที่หยวนเป่าหันหลังเดินจากไป หรูอวี้ก็รีบตามหลังไปแล้ว ดังนั้นหยุนหว่านหนิงจึงไม่รู้สึกกังวลใจเลย
โม่เยว่ขมวดคิ้ว ก่อนจะผลักนางออกไปด้วยสีหน้ารังเกียจ " หนิงเอ๋อร์ เจ้าก็จะต้องโรยเกลือบนบาดแผลของข้าด้วยให้ได้เลยใช่ไหม?"
หยวนเป่าเจ้าเด็กแสบคนนี้ วัน ๆ เอาแต่เรียกเขาว่า "พ่อเก๊" ก็นับว่าแล้วไปเถอะ เขาเป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่ถึงเจ็ดฉื่อ ยังจะต้องลดอายุสมองลงไปทะเลาะกับลูกชายของตัวเองอีกรึ?
"ท่านพ่อของไอ้หนู?"
หยุนหว่านหนิงมีไหวพริบ จึงรีบเปลี่ยนคำพูดของตัวเองทันที
โม่เยว่ก็เปลี่ยนสีหน้าทันที ยิ้มแย้มจนเต็มใบหน้า "ข้าก็รู้สึกเหมือนกัน ว่าลูกชายกำลังโกหก"
เขาเอาแขนโอบไหล่หยุนหว่านหนิง " ไปเถอะ กลับบ้านกัน 'ไปเค้นคำสารภาพ'!"
การเปลี่ยนสีหน้ารวดเร็วระดับนี้ หยุนหว่านหนิงเทียบแล้วยังถึงกับสู้ไม่ได้ ต้องยอมซูฮกให้จริง ๆ
นางกลอกตามองบนใส่
แต่ในใจกลับคาดเดาไปต่าง ๆ นานาว่า เพราะอะไรกันแน่ที่ทำให้กู้ป๋อจ้งโต้เถียงกับกู้หมิง..... นางเชื่อคำพูดของลูกชาย ที่ผ่านมาเจ้าเด็กคนนี้ไม่เคยโกหก
โดยเฉพาะเรื่องอะไรแบบนี้!
นางหันหน้าไปมองแวบหนึ่ง ดูกู้ป๋อจ้งที่ยังคงชนแก้วอยู่กับชายชราตัวเล็ก ๆ ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม จากนั้นก็ขมวดคิ้วน้อย ๆ
นางสั่งให้หรูโม่คอยเฝ้าอยู่ที่นี่ เพื่อป้องกันไม่ให้กู้ป๋อจ้งเกิดเรื่อง
ยังไม่ทันได้ตามหยวนเป่าไป ก็เห็นเงาร่างที่ดูคุ้นเคยสองร่าง
ปรากฏว่าเป็นโม่หุยเหยียนกับหนานกงเยว่!
สองสามีภรรยาคู่นี้ ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ถึงได้มีเวลาว่างสบาย ๆ จนออกมาเดินเที่ยวตลาดได้ บังเอิญประเหมาะเคราะห์ร้าย ที่เมื่อครู่หยวนเป่าไม่ทันระวัง จนเดินไปชนเข้ากับบั้นเอวของโม่หุยเหยียนจนเต็มรัก!
ทหารองครักษ์ข้างกายของโม่หุยเหยียน ทำท่าว่าจะเข้ามากระชากตัวเขาออกไป
หรูอวี้รีบเข้ามาคุ้มครอง ด้วยการคว้าตัวหยวนเป่าเข้ามา แล้วส่งเขาไปไว้ด้านหลังของตัวเองเพื่อคอยปกป้องทันที
โม่หุยเหยียนจำหรูอวี้ได้
เมื่อเห็นว่าเป็นเขา จึงยื่นมือออกไปเพื่อหยุดทหารองครักษ์ที่อยู่ข้างหลัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...