"นี่มันเป็นไปไม่ได้!"
ไม่รอให้โม่หุยเหยียนพูดจบ ฮองเฮาจ้าวก็ยืดหลังขึ้นนั่งตัวตรง แล้วจ้องเขม็งมาที่เขาแบบตาไม่กระพริบ "นี่มันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!"
“เสด็จแม่ สิ่งที่ลูกพูดมาล้วนเป็นความจริงนะพ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อเห็นว่าฮองเฮาจ้าวไม่เชื่อ โม่หุยเหยียนก็พูดขึ้นอย่างร้อนใจ
“แต่เจ้าก็ไม่ได้เห็นหน้าตาของเด็กคนนั้น ไม่ใช่รึ?”
แววตาของฮองเฮาจ้าวพลันมืดทะมึน
นางลุกขึ้นยืนช้า ๆ แล้วเดินตรงไปยังหน้าต่างที่เปิดระบายอากาศอยู่
เมื่อมองไปที่สภาพอากาศที่มืดครึ้มข้างนอก สีหน้าของนางดูมืดมนยิ่งกว่าท้องฟ้าเสียอีก
"หยุนหว่านหนิงกับเจ้าเจ็ดแต่งงานกันมาห้าปีกว่าได้ ระหว่างนั้นนางถูกเจ้าเจ็ดกักบริเวณให้อยู่แต่ในจวนราวสี่ปีกว่า เจ้าเจ็ดเกลียดนางเข้ากระดูกดำ สองคนนั้นจะมีลูกด้วยกันได้อย่างไร?!"
เรื่องที่ว่าโม่เยว่เกลียดหยุนหว่านหนิงมากขนาดไหน ฮองเฮาจ้าวเองก็รู้ดี
“เสด็จแม่ เด็กคนนั้นไม่แน่หรอกว่าจะต้องเป็นลูกของหยุนหว่านหนิงกับเจ้าเจ็ด”
โม่หุยเหยียนแทบจะอดรนทนรอไม่ไหว อยากพูดสิ่งที่ตัวเองวิเคราะห์ไว้ออกมาจะแย่ "ลูกคิดว่า มีความเป็นไปได้มากที่เด็กคนนั้น จะเป็นลูกนอกสมรสของเจ้าเจ็ด!"
"ลูกนอกสมรส?"
ฮองเฮาจ้าวขมวดคิ้วนิ่วหน้า
นางเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจู่ ๆ ก็แค่นเสียงหัวเราะเย้ยหยันขึ้นมา "ลูกนอกสมรสแล้วอย่างไรล่ะ? ต่อให้เป็นลูกนอกสมรสของเจ้าเจ็ดจริง ถึงอย่างไรก็ไม่มีเกียรติ ไม่มีศักดิ์ศรีพอจะยกขึ้นมาเชิดหน้าชูตาได้อยู่ดี!"
ในราชวงศ์นั้น มีความแตกต่างในเรื่องของการนับยศถาบรรดาศักดิ์ ซึ่งต้องให้ความเคารพว่าใครสูงกว่าหรือด้อยกว่า ขอบเขตนี้มีความชัดเจนกว่าครอบครัวของคนธรรมดาทั่วไปมาก
ยกตัวอย่างเช่น ในหมู่พี่น้องของโม่หุยเหยียน คนแรกที่ได้รับพระราชทานชั้นยศคือโม่หุยเหยียนและโม่หุยเฟิง
ส่วนพวกพี่น้องของโม่เยว่ จะได้รับพระราชทานชั้นยศหลังจากผ่านพิธีสวมกวาน(ถึงวัยสวมมงกุฎ ในสมัยโบราณจีน ชายอายุครบ 20 ปี จะมีพิธีสวมมงกุฎ เป็นสัญลักษณ์เติบโตเป็นผู้ใหญ่)แล้ว
สีหน้าของฮองเฮาจ้าวแฝงแววเหยียดหยาม “ในแง่ของครอบครัวคนธรรมดา เจ้าเจ็ดก็เป็นแค่ลูกเมียน้อยคนหนึ่งเท่านั้นแหล่ะ”
“ตอนนี้เขามีลูกนอกสมรส.....”
นางหัวเราะหยามหยัน "ฝ่าบาทไม่มีทางเห็นเด็กนั่นในสายตาแน่"
แม้จะพูดอย่างนั้น แต่สีหน้าของโม่หุยเหยียนก็ยังดูกระสับกระส่ายไม่สบายใจนัก "แต่เสด็จแม่ ข้ากับน้องสามต่างก็มีแค่ลูกสาวกันทั้งนั้น ไม่ว่าเด็กคนนี้จะเป็นลูกนอกสมรส หรือว่าเป็นลูกบุญธรรมของหยุนหว่านหนิงจริง ๆ"
"เจ้าเจ็ดก็รักใคร่เอ็นดูเด็กคนนั้นมาก!"
เมื่อคิดถึงตอนที่โม่เยว่ออกหน้าปกป้องเด็กคนนั้นเมื่อวาน.....
โม่หุยเหยียนพลันรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาในภายหลังไม่หาย "เพราะท่านไม่ได้เห็นน่ะสิ ว่าเจ้าเจ็ดปกป้องเด็กคนนั้นมากแค่ไหน!"
แววตาของฮองเฮาจ้าวกะพริบน้อย ๆ "เรื่องนี้อย่าได้รีบร้อน อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น"
แต่นางไม่รู้ว่า เมื่อวานนี้โม่หุยเหยียนส่งคนไปสะกดรอยตามพวกหยวนเป่า แล้ววันนี้หนานกงเยว่ก็พาโม่จือหยุนไปที่จวนอ๋องหมิง เพื่อตั้งใจจะหยั่งเชิงหยุนหว่านหนิง.....
เรียกได้ว่าแหวกหญ้าจนงูตื่นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว!
ในวันปกติ หยุนหว่านหนิงจะดูเป็นคนเรื่อย ๆ เฉื่อย ๆ
แต่ถ้ามีเรื่องอะไรที่เกี่ยวข้องกับหยวนเป่า นางจะระแวดระวังยิ่งเหนือสิ่งอื่นใด!
โม่หุยเหยียนเหงื่อแตกเต็มหน้า เขาไม่กล้าพูดออกมาหรอก ว่าเขาไปหยั่งเชิงหยุนหว่านหนิงมาแล้วเรียบร้อย จึงทำได้แค่พยักหน้ารับ "แต่เสด็จแม่ เรื่องนี้ไม่ว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นอย่างไร เราก็ต้องคิดหามาตรการรับมือเอาไว้ก่อน!"
ตอนนี้คนที่เสด็จพ่อโปรดปรานที่สุด ก็คือเจ้าเจ็ดกับหยุนหว่านหนิง
เขากับโม่หุยเฟิงต่างก็ไม่ได้เรื่อง ให้กำเนิดได้แค่ลูกสาว
ถ้าเกิดว่าเด็กคนนั้น เป็นลูกของโม่เยว่กับหยุนหว่านหนิงจริง ๆ ล่ะก็.....
โม่หุยเหยียนไม่กล้าแม้แต่จะคิดต่อด้วยซ้ำ
"ข้ารู้แล้ว"
ฮองเฮาจ้าวชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง "ข้าจะรีบไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท ระยะนี้ เจ้าก็คอยจับตาดูทางจวนอ๋องหมิงให้ดีด้วยล่ะ"
“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่”
โม่หุยเหยียนรีบพยักหน้ารับ
"นอกจากนี้……"
ฮองเฮาจ้าวหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้กุ้ยเฟย
หลังจากครุ่นคิดไปมา สุดท้ายก็ผ่อนคลายน้ำเสียงที่พูดให้อ่อนโยนลง "เหยียนเอ๋อร์ ไม่ใช่ว่าข้าเย็นชาต่อเจ้าหรอกนะ เจ้ามีฐานะเป็นถึงองค์ชายใหญ่ ข้าจึงต้องเข้มงวดกับเจ้าให้มากกว่าคนอื่น!"
“ตอนนี้สถานการณ์ของพวกเราแม่ลูก เจ้าเองก็คงเข้าใจดีแล้ว”
“เสด็จพ่อของเจ้าไม่เห็นความสำคัญในตัวเจ้า ทางตงจวิ้นก็ไม่มีการติดต่อไปมาหาสู่ ข้าเสียอำนาจในการปกครองหกตำหนักไปแล้ว เฟิงเอ๋อร์ไม่เพียงถูกลิดรอนฐานันดรศักดิ์เท่านั้น แต่ยังถูกสั่งกักบริเวณให้อยู่แต่ในจวนอีกด้วย ตอนนี้เขาสูญเสียทั้งค่ายห้ากองพล ทั้งความไว้วางใจจากเสด็จพ่อของเจ้าไปจนหมดสิ้นแล้ว"
พอพูดถึงเรื่องพวกนี้ขึ้นมา ฮองเฮาจ้าวก็ได้แต่รู้สึกทดท้อห่อเหี่ยวใจ
นางถอนหายใจแผ่ว ๆ "ตอนนี้พวกเราแม่ลูก ถ้าคิดจะหาทางพลิกตัวกลับมาผงาดอีกครั้ง ก็เหลือแค่ต้องพึ่งพาเจ้าเท่านั้นแล้วล่ะนะ!"
คำพูดเหล่านี้ โม่หุยเหยียนได้ยินจนหูของเขาด้านชาไปหมดแล้ว
เข้าฟังแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา แต่ท่าทางกลับดูอ่อนน้อมเชื่อฟังดีมาก "ลูกเข้าใจแล้ว เสด็จแม่โปรดวางใจได้"
“เหยียนเอ๋อร์ เจ้าเป็นคนที่ขี้ใจอ่อนเกินไป ไม่เหมาะกับการขึ้นเป็นฮ่องเต้! ตอนนี้ค่ายห้ากองพลอยู่ในความดูแลของเจ้ากับเจ้ารอง เท่าที่ข้ารู้มา เจ้ารองก็ถูกสั่งกักบริเวณให้อยู่แต่ในจวนอ๋องฮั่นแล้วเช่นกัน เรื่องค่ายห้ากองพลนี้......เจ้าต้องคว้าเอาไว้ให้มั่นนะ!”
ประกายความโหดเหี้ยมอำมหิตฉายวาบขึ้นในดวงตาของฮองเฮาจ้าว "ในเวลาที่จำเป็น ควรต้องสร้างบารมีเช่นไร คงไม่ต้องให้ข้าสอนเจ้าอีกหรอกนะ!"
สีหน้าของโม่หุยเหยียนพลันตื่นตระหนก แต่สุดท้ายเขาก็ตอบรับ
เขาทำความเคารพก่อนจะถอยออกไป
เพิ่งจะออกจากตำหนักคุนหนิง ก็ได้เจอกับคนที่เขาไม่อยากเจอที่สุดเข้าจนได้ —— หยุนหว่านหนิง
เมื่อครู่โม่หุยเหยียนเพิ่งจะไปที่ตำหนักคุนหนิง เดิมก็เพื่อจะไปฟ้องฮองเฮาจ้าว รวมถึงหารือเรื่องของหยวนเป่าพอดี
ใครจะไปคิดล่ะว่าเพิ่งจะออกมา ก็จะได้เจอหยุนหว่านหนิงเข้า? !
นี่มันจริง ๆ เลย....
โลกมันช่างกลมเสียจริง ศัตรูคู่อาฆาตที่ไม่ปรารถนาจะพบ ก็มีอันต้องได้มาพบกันจนได้สิน่า!
เขาหันหลังแล้วเดินจากไป
ใครจะรู้ว่าเพิ่งจะหันหลัง เสียงของหยุนหว่านหนิงก็ดังแว่วมาจากด้านหลังแล้ว "โย่ว! นี่ไม่ใช่อ๋องฉู่หรอกรึ? ช่างบังเอิญเสียจริง เมื่อวานนี้ก็เพิ่งจะบังเอิญได้พบกัน พอวันนี้ก็ได้พบกันอีกแล้ว"
โม่หุยเหยียนถึงกับต้องชะงักฝีเท้า คิ้วขมวดแน่นขึ้นมาจนเป็นปม
จนใจแล้ว นางถึงกับเป็นฝ่ายเริ่มทักทายก่อนเลยด้วย.....
เขาจึงทำได้แค่ปรับสีหน้าอารมณ์ตัวเองให้ดูดี แล้วหันหน้ากลับมาพร้อมยกยิ้มน้อย ๆ "ที่แท้ก็คือหว่านหนิงนี่เอง"
"นี่เจ้าไปไหนมาหรือ?"
“ข้ามาส่งพี่หญิงห้ากลับตำหนักฉางเล่อ”
หยุนหว่านหนิงเดินเข้าไปหาด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า "แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะบังเอิญได้เจออ๋องฉู่ที่นี่ นี่อ๋องฉู่ไม่ได้ไปพบเสด็จพ่อหรอกหรือ? ไปพบเสด็จแม่สินะ?"
นางหันไปมองตำหนักคุนหนิงซึ่งอยู่ไม่ไกล ในรอยยิ้มแฝงความลึกซึ้งขึ้นมาหลายส่วน
เคยได้ยินมานานแล้วว่า โม่หุยเหยียนเป็นคนขี้ขลาด
ซึ่งแตกต่างจากคนโหดเหี้ยมอย่างโม่หุยเฟิง โม่หุยเหยียนน่ะรึ.....
ก็แค่ลูกแหง่ติดแม่คนนึงเท่านั้นแหล่ะ!
ไม่ว่าฮองเฮาจ้าวพูดอะไร เขาก็จะเชื่อฟังและทำตามทุกอย่าง
"ใช่"
หน้าผากของโม่หุยเหยียนเริ่มมีเหงื่อไหลหยดลงมาแล้ว แต่ยังพยายามฝืนคงรอยยิ้มบนใบหน้า "พอดีมีเรื่องบางอย่างต้องปรึกษากับเสด็จแม่ ดังนั้นจึงไปตำหนักคุนหนิง"
"อ๋อ ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง!"
หยุนหว่านหนิงไม่มีอะไรจะพูดกับเขา
นางแค่เหลือบตามองไปทางตำหนักคุนหนิงแวบหนึ่ง พยักหน้าอย่างสุภาพ "ไม่รบกวนอ๋องฉู่แล้ว ขอตัวล่ะ"
เมื่อเห็นว่านางยอมจากไปง่าย ๆ แบบนี้ โม่หุยเหยียนก็ยังไม่อยากจะเชื่อ
ผู้หญิงคนนี้ ยอมจากไปง่าย ๆ อย่างนี้เลยรึ?!
ระหว่างที่กำลังคิด หยุนหว่านหนิงที่เพิ่งเดินจากไปเมื่อครู่ ก็ย้อนกลับมาอีก!
เขารู้อยู่แล้วล่ะ ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีทางยอมจากไปง่าย ๆ แน่!
เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ได้ยินนางพูดขึ้นอีกครั้งว่า "จริงสิอ๋องฉู่ ตอนนี้อ๋องฮั่นก็ถูกเสด็จพ่อสั่งกักบริเวณแล้วเช่นกัน ตอนนี้ทางค่ายห้ากองพล คงมีเพียงเจ้าคนเดียวที่ดูแลอยู่สินะ?"
"วังหลังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง"
โม่หุยเหยียนพยายามหลับหูหลับตาสรุปตามความเข้าใจของตน เพื่อให้เรื่องมันผ่านพ้นไป
“ข้าก็ไม่ใช่คนในวังหลังเสียหน่อย”
หยุนหว่านหนิงมองเขาอย่างขบขัน "ข้าก็แค่อยากจะเตือนอ๋องฉู่ไว้สักเรื่องหนึ่ง"
“แม้ว่าอ๋องฮั่นจะถูกสั่งกักบริเวณก็จริง แต่เสด็จพ่อก็ไม่ได้ริบอำนาจในมือของเขาคืนไป หากอ๋องฉู่คิดจะฉวยโอกาสนี้เพื่อทำเรื่องอะไรสักอย่าง ข้าเกรงว่ามันอาจจะได้ไม่คุ้มเสียนะ!”
ผู้หญิงคนนี้รู้อวิชาหรืออย่างไรกัน?
ทำไมนางถึงเดาได้ว่าเขาคิดจะทำอะไร? !
"นอกจากนี้ ไม่ใช่ว่าข้าคิดจะหว่านความบาดหมางระหว่างพวกเจ้าพี่น้องหรอกนะ"
หยุนหว่านหนิงยกสองแขนขึ้นกอดอก "ค่ายห้ากองพลนี้ เดิมทีก็เป็นของอ๋องสาม!"
"หากว่าอ๋องฉู่ได้ค่ายห้ากองพลมาไว้ในมือ น่ากลัวว่าสุดท้ายคงจะเป็นได้แค่การทำชุดแต่งงานให้คนอื่นแล้วล่ะ*!" (เป็นคำอุปมาว่าตัวเองทุ่มเททำงานแทบตาย แต่ผลสำเร็จกลับเป็นของคนอื่น)
"ที่ข้าจะพูดก็มีแค่นี้แหล่ะ ขอตัวล่ะ"
ครั้งนี้ นางเดินจากไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมามองอีกเลย
แต่สิ่งที่นางพูดเมื่อครู่ กลับเป็นเหมือนรอยประทับรอยหนึ่ง ที่ประทับแน่นติดตรึงอยู่ภายในใจของโม่หุยเหยียน!
ทำชุดแต่งงานให้คนอื่น?
คนอื่นที่ว่านี้คือใคร ส่วนชุดแต่งงานที่ว่าคืออะไร..... ทำไมโม่หุยเหยียนจะคิดไม่ออก?!
เมื่อนึกถึงความรักใคร่เอ็นดูที่ฮองเฮาจ้าวมีต่อโม่หุยเฟิงมาตลอดหลายปี โม่หุยเหยียนก็กัดริมฝีปากตัวเอง สองมือกำแน่น จนเส้นเลือดที่หลังมือปูดโปนขึ้นมา!
เขาคือโม่หุยเหยียน องค์ชายใหญ่ที่เกิดจากฮองเฮาอย่างถูกต้อง!
ต่อให้เสด็จพ่อคิดจะสถาปนารัชทายาท ก็สมควรเป็นเขาคนนี้ โม่หุยเหยียน!
ทุกสิ่งที่อยู่ในมือของเขา ไม่ว่าใครก็อย่าได้คิดจะมาแย่งชิงไปเด็ดขาด!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...