ฮองเฮาจ้าวก็เป็นคนประเภทที่พูดแล้วทำทันทีคนหนึ่ง
นางบอกว่าจะไปพบโม่จงหราน จากนั้นก็รีบเก็บกวาดข้าวของ แล้วไปที่ห้องทรงพระอักษรทันที
แต่อันที่จริงเป็นเพราะ นางกลัวว่าจะโดนเว่ยกั๋วกงตามมารังควานอีก ..... ในระยะเวลานับจากนี้ไปชั่วหนึ่งก้านธูป เว่ยกั๋วกงจะต้องตรงดิ่งมาที่ตำหนักคุนหนิง เพื่อคิดบัญชีกับนางอีกแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ นางจึงไปที่ห้องทรงพระอักษรทันที
แผนการของฮ่องเต้ที่คิดจะใช้ "กลยุทธ์จักจั่นลอกคราบ" ด้วยการโยนเว่ยกั๋วกงมาลงบนหัวนาง
ดังนั้นวันนี้ ฮ่องเต้ก็อย่าได้คิดว่าตัวเองจะลอยตัวเหนือปัญหาไปได้เด็ดขาด!
ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องของเด็กคนนั้น....
ในใจของฮองเฮาจ้าว ก็รู้สึกร้อนรนกระวนกระวายมากเช่นกัน
เมื่อรู้ว่าฮองเฮาจ้าวมาที่ห้องทรงพระอักษร ความคิดแรกของโม่จงหรานก็คือ ตั้งใจว่าจะไปลี้ภัยที่ตำหนักหย่งโซ่ว
แต่ใครจะคิดว่านางจะมาถึงเร็วมาก ตรงดิ่งเข้ามาขวางเขาไว้ที่หน้าประตูห้องทรงพระอักษร!
“ฮองเฮามาทำไมรึ?”
เพื่อจะคลี่คลายบรรยากาศอันสุดแสนจะกระอักกระอ่วน โม่จงหรานจึงเป็นฝ่ายถามขึ้นก่อน "พอดีว่าข้ามีเรื่องที่จะปรึกษากับเต๋อเฟย ฮองเฮามีเรื่องอะไร ไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้เถอะ!"
พูดจบ เขาก็เตรียมจะเดินจากไป
คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันจะได้ยกเท้าขึ้น ก็ถูกฮองเฮาจ้าวเข้ามาขวางไว้
“ฝ่าบาท มีเรื่องอะไรไม่สู้บอกหม่อมฉันก็ได้ หรือไม่ก็พาหม่อมฉันไปที่ตำหนักหย่งโซ่วด้วยกันเลยดีหรือไม่เพคะ?”
นางยิ้มละไม "บังเอิญว่า หม่อมฉันเองก็มีเรื่องหนึ่งที่อยากจะหารือกับเต๋อเฟยอยู่พอดี!"
นางมีเรื่องอยากหารือกับเต๋อเฟยอย่างนั้นรึ?
น่าจะเป็นการไปหาเรื่องทะเลาะกับเต๋อเฟยเสียมากกว่ากระมัง!
โม่จงหรานขมวดคิ้ว "เจ้าจะไปคุยเรื่องอะไรกับเต๋อเฟย?"
ฮองเฮาจ้าวยังคงยิ้มไม่หุบ “อันที่จริง หม่อมฉันอยากหารือเรื่องนี้กับฝ่าบาทก่อน แต่หากฝ่าบาทคิดว่าหม่อมฉันสมควรบอกเต๋อเฟย หม่อมฉันค่อยไปหารือกับเต๋อเฟยทีหลังก็ได้นะเพคะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ในใจของโม่จงหรานก็ผุดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ทำไมเขาถึงเอาแต่รู้สึกว่า รอยยิ้มของฮองเฮาจ้าวดูแปลกประหลาดแบบนี้นะ?
ช่างเถอะ!
ฟังก่อนแล้วกันว่านางจะพูดอะไร!
โม่จงหรานก้าวถอยหลัง "ฮองเฮา เข้ามาพูดกันข้างใน"
เมื่อเห็นว่าเขายอมถอย ฮองเฮาจ้าวก็ยิ้มด้วยความพึงพอใจ
ถึงแม้ว่า จะเป็นการใช้ชื่อของเต๋อเฟยมาบีบบังคับให้โม่จงหรานยอมจำนน แต่ฮองเฮาจ้าวก็ยังคงรู้สึกพอใจมากกับการได้เป็น "ผู้ชนะ" ในครั้งนี้
“เกรงว่าฝ่าบาทคงจะยังไม่ทรงทราบ เรื่องที่เจ้าเจ็ดมีลูกนอกสมรสสินะเพคะ?”
เพิ่งจะนั่งลงได้ ฮองเฮาจ้าวก็พูดโพล่งขึ้นมาทันทีอย่างไม่กลัวตาย
โม่จงหรานเพิ่งจะจิบชาเข้าไปคำหนึ่ง
เมื่อได้ยินคำว่า "ลูกนอกสมรส" ชาในปากของเขาก็ถูกพ่นออกมาทันที .....พ่นจนทั้งหน้าทั้งหัวของฮองเฮาจ้าวเปียกชุ่มไปด้วยน้ำชา จางหมัวมัวรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าผ้าออกมา ช่วยเช็ดหน้าให้นางทันที
ขณะที่เผชิญกับสายตาที่จ้องมองมาอย่างขุ่นเคืองของฮองเฮาจ้าว โม่จงหรานยังคงสำลักกระอักไอไม่หยุด
"ข้าอดไม่ไหวจริง ๆ"
ยิ่งเขาคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันน่าขำมากขึ้นเท่านั้น พอได้เห็นสภาพกระเซอะกระเซิงของฮองเฮาจ้าว ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันน่าขบขันขึ้นเรื่อย ๆ....
ในที่สุดโม่จงหรานก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา!
ฮองเฮาจ้าวยังนับว่าสงบสติอารมณ์ได้ดีทีเดียว "ฝ่าบาท เรื่องนี้เหมือนว่าจะไม่ได้น่าขบขันขนาดนั้นหรอกกระมัง?"
"ขอโทษ ๆ"
โม่จงหรานฝืนระงับเสียงหัวเราะ แต่สีหน้าของเขากลับยิ่งดูขบขันหนักขึ้นกว่าเดิม
ฮองเฮาจ้าวถึงกับพูดไม่ออก ไฟโทสะที่อัดแน่นเต็มปอดจึงทำได้แค่เอาไประบายลงกับจางหมัวมัว "นังหน้าโง่! รีบ ๆ เช็ดหน่อยได้หรือไม่? เจ้าจะเช็ดให้หนังหน้าชั้นนอกของข้ามันหลุดออกมาเลยหรืออย่างไร?!"
จางหมัวมัวเก็บผ้าเช็ดหน้ากลับไปด้วยอาการมือไม้สั่นเทา
ฮองเฮาจ้าวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง "ฝ่าบาท หม่อมฉันพูดความจริงนะเพคะ"
โม่จงหรานยังคงฝืนกลั้นหัวเราะไม่หยุด "เจ้าลองว่ามาซิ ว่าเขาจะไปเอาลูกนอกสมรสมาจากไหน? เจ้าเห็นกับตาตัวเองเลยหรือไม่?"
“แม้ว่าหม่อมฉันจะไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง แต่เหยียนเอ๋อร์ได้เห็นเพคะ”
ฮองเฮาจ้าวกัดฟันพลางพูดว่า "เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ดูท่าทางเจ้าเจ็ดจะรักใคร่เอ็นดูเด็กคนนั้นมาก! ถึงขั้นที่ว่าเพื่อเด็กคนนั้นแล้ว เขาไม่ลังเลเลยที่จะทำให้เหยียนเอ๋ออับอายขายหน้าบนท้องถนน!"
“เห็นได้ชัดว่า เขาใส่ใจลูกนอกสมรสคนนั้นจริง ๆ!”
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของโม่จงหรานก็ค่อย ๆ เคร่งเครียดจริงจังขึ้น
จะเป็นไปได้หรือไม่ว่า โม่จงหรานได้เจอหยวนเป่าแล้ว? !
เรื่องนี้เห็นท่าจะไม่ดีแล้ว!
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นลูกนอกสมรสของเจ้าเจ็ด?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...