เมื่อเห็นว่าฮองเฮาจ้าวเป็นลมไปแล้ว โม่จงหรานก็หันหลังเดินจากไป "หว่านหนิง อีกครู่เจ้ามาที่ห้องทรงพระอักษรด้วย! ข้ามีเรื่องจะถามเจ้าเกี่ยวกับอาการป่วยของฮองเฮา"
"เพคะ เสด็จพ่อ"
หยุนหว่านหนิงรับคำอย่างเชื่อฟัง
หลังจากที่ทุกคนน้อมส่งโม่จงหรานจากไปแล้ว หยุนหว่านหนิงก็ลุกขึ้นยืน
เมื่อสัมผัสได้ว่ามีสายตาที่แข็งกร้าวจ้องมองตัวเองมาจากด้านหลัง..... หยุนหว่านหนิงก็หันหน้ากลับไปมองทันที จึงได้ประสานสายตาเข้ากับหนานกงเยว่อย่างพอดิบพอดี
คิดไม่ถึงว่าจู่ ๆ นางจะหันหน้ากลับมาอย่างกะทันหัน ดวงตาของหนานกงเยว่พลันหดเกร็ง
นางรีบเบนสายตาออกไปที่อื่นอย่างลุกลี้ลุกลน
หยุนหว่านหนิงแค่นยิ้มเย้ยหยันในใจ
หนานกงเยว่คนนี้ เมื่อก่อนดูแล้วทั้งอ่อนโยนใจกว้าง ทั้งมีความรู้มีเหตุผล เดิมทีคิดว่านางเป็นคนที่ดีมาก ๆ คนหนึ่ง ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วที่นางเข้ามาสนิทชิดใกล้ตน ก็เพราะมีจุดประสงค์แอบแฝงตั้งแต่แรกแล้ว!
แต่คิด ๆ แล้วมันก็จริงอยู่
หนานกงเยว่เป็นองค์หญิงตงจวิ้น
นางต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง แต่งงานมาอยู่หนานจวิ้น ถ้านางไม่มีกลเม็ดเด็ดพรายอะไรบ้าง จะมีหนทางหยั่งรากสร้างฐานให้ตัวเองในหนานจวิ้นอย่างมั่นคงได้ยังไงล่ะ?
หนานกงเยว่คนนี้นี่แหล่ะ ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ไม่อาจตัดสินได้จากรูปร่างหน้าตาของจริง!
ริมฝีปากของหยุนหว่านหนิงวาดโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม "พี่สะใภ้ใหญ่ เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าเพิ่งได้งานผ้าปักสองด้านดี ๆ มาหลายชิ้น ไม่สู้วันพรุ่งนี้พี่สะใภ้ใหญ่ลองแวะมาดูสักหน่อย พวกเราจะได้ช่วยกันร่วมศึกษาวิจัย ดีหรือไม่?"
หนานกงเยว่ร้อนตัว พยายามฝืนยิ้ม "เกรงว่าช่วงนี้ข้าจะไม่ว่างน่ะสิ....."
รอยยิ้มของนางดูซีดเซียวเล็กน้อย
“อย่างนั้นรึ? หรือไม่วันพรุ่งนี้ข้าเอางานผ้าปักสองด้านไปที่จวนอ๋องฉู่ ให้พี่สะใภ้ใหญ่ได้ดูเองเลยดีกว่าหรือไม่?”
หยุนหว่านหนิงถามอีกครั้ง
"ข้า... ข้า……"
ภายใต้ความวิตกเคร่งเครียด หนานกงเยว่ถึงกับตาเหลือก แล้วสลบไปอีกคน!
ยังดีที่โจวหยิงหยิงตาดีมือไว รีบยื่นมือออกไปประคองนางไว้ได้ทันท่วงที จึงช่วยป้องกันไม่ให้หนานกงเยว่ล้มลงไปฟาดกับพื้นตรง ๆ ได้
เมื่อรู้สึกได้ถึงบรรยากาศอันแปลกประหลาดระหว่างพวกนางทั้งสอง โจวหยิงหยิงก็เหลือบมองนางอย่างสงสัย "หนิงเอ๋อร์ พี่สะใภ้ใหญ่อยู่ดี ๆ ทำไมถึงเป็นลมไปได้ล่ะ?"
ไม่ว่าปฏิกิริยาของนางจะช้าแค่ไหน เมื่อครู่นี้นางก็สังเกตเห็นแล้วว่า ท่าทีของหยุนว่านหนิงที่มีต่อหนานกงเยว่ดูก้าวร้าวกดดันมากขนาดไหน
ในความทรงจำของนาง หยุนหว่านหนิงไม่ใช่คนแบบนั้นนี่!
พวกนางสามศรีพี่น้องสะใภ้ ถือได้ว่ามีความสัมพันธ์ต่อกันไม่เลวเลยไม่ใช่รึ?
ทำไมจู่ ๆ นางถึงแสดงท่าทีแบบนี้กับหนานกงเยว่ล่ะ.....
ฉินซื่อเสวียรีบแค่นยิ้มเย้ยหยันทันที "พระชายาหมิงช่างน่าทึ่งเสียจริงนะ! อึดใจก่อนหน้าทำให้เสด็จแม่โกรธจนเป็นลม อึดใจต่อมาก็ทำให้พี่สะใภ้ใหญ่โกรธจนเป็นลมไปอีกคน"
“ช่างเป็นยอดฝีมือเสียจริง!”
"แล้วมันทำไมรึ?"
หยุนหว่านหนิงมองนางอย่างขบขัน
โม่จงหรานไม่อยู่ ฮองเฮาจ้าวหมดสติไปยังไม่ฟื้น
ตอนนี้ มีแค่พวกนางพี่น้องสะใภ้สามสี่คนที่ยังยืนอยู่ในตำหนัก
"เพราะฉะนั้นเจ้าถึงได้ทำตัวยโสโอหัง! เที่ยววางอำนาจบาตรใหญ่ในวัง ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาแม้แต่คนเดียว"
ใบหน้าของฉินซื่อเสวียหดเกร็ง "คนที่เจ้าคิดจะจัดการเป็นรายต่อไปคือใครล่ะ? ข้ารึ?!"
“พระชายาอ๋องสามช่างรู้ตัวเองดีจริง ๆ นะ! รู้เสียด้วยว่าคนต่อไปที่ข้าคิดจะจัดการก็คือเจ้า เพราะฉะนั้นข้าจะเตือนเจ้าไว้สักประโยคก็แล้วกัน ว่าให้ระวังตัวไว้ให้ดี ๆ ล่ะ! ข้าคนนี้น่ะ เป็นพวกจดจำความแค้นแบบขั้นสุดยอดเลยล่ะ ดังนั้นถ้าข้าลงมือเมื่อไหร่ ย่อมไม่ไว้ไมตรีแน่ "
หยุนหว่านหนิงโน้มตัวเข้ามาใกล้ ยกยิ้มเล็กน้อย
ฉินซื่อเสวียถูกทำให้ตกใจจนถึงกับก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว รีบถอนสายตากลับ "หยุนหว่านหนิง เจ้าอย่าบังอาจให้มากเกินไปนัก!"
“ข้าบังอาจแล้วจะทำไมล่ะ? เจ้าจะกัดข้ารึ?”
เมื่อเห็นว่าหยุนหว่านหนิงดื้อด้าน ไม่ว่าจะใช้ไม้อ่อนหรือไม้แข็งก็ไม่ได้ผล ฉินซื่อเสวียก็นึกโกรธเกลียดเคียดแค้นแทบตาย
นางยื่นมือไปคว้าตัวหยุนธิงหลานมายืนตรงหน้า "ชายารองหยุน เจ้ากับข้าถือว่าอยู่บ้านเดียวกัน! ข้าถูกทำให้อับอายขายหน้าถึงขนาดนี้ ทำไมเจ้ายังไม่รีบออกหน้ามาช่วยอีก?!"
“ทำไมรึ? เจ้าอยากให้ชายารองหยุนได้รับความอับอายขายหน้าไปพร้อม ๆ กับเจ้าอย่างนั้นสินะ?”
หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้วขึ้น "ทำไมเจ้าไม่ส่งคนไปเชิญท่านอ๋องของเจ้าเข้าวังมา พวกเจ้าสามคนผัวเมียจะได้รับความอับอายขายหน้าไปพร้อม ๆ กันเสียเลยล่ะ?"
ฉินซื่อเสวียถูกทำให้โกรธจนแผดร้องเสียงแหลมขึ้นมา "หยุนหว่านหนิง เจ้าจะรังแกกันมากเกินไปแล้วนะ!"
หยุนธิงหลานแอบย่นคอเงียบ ๆ ถอยหลังไปหนึ่งก้าวไม่กล้าเดินขึ้นไปข้างหน้า "พระชายา ถ้าท่านอยากปะทะก็ขึ้นไปปะทะเองเถอะ ข้าไม่กล้าหรอก"
นางรู้มานานแล้วว่าหยุนหว่านหนิงร้ายกาจขนาดไหน แล้วจะหาเรื่องใส่ตัวไปทำไมล่ะ!
ไม่เหมือนกับฉินซื่อเสวีย นางก็แค่แมลงสาบที่ตีเท่าไหร่ก็ไม่ตายเท่านั้นแหล่ะ
รู้ ๆ อยู่ว่าทำอะไรหยุนหว่านหนิงไม่ได้ ก็ยังเฝ้ายั่วยุนางทุกที่ที่เจอตลอด
หยุนหว่านหนิงยักไหล่ เหลือบมองพวกนางสองคนด้วยสายตาดูถูก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...