อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 351

“เหตุใดข้าต้องขอเงินกับเจ้าด้วย?”

โม่เยว่ไม่เข้าใจ

“หนึ่งแสนตำลึงของเสด็จแม่ในครั้งนี้ ท่านเป็นคนช่วยข้ารีดไถมาไม่ใช่หรือ?”

หยุนหว่านหนิงเดินไปถึงหน้าเขา “ก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่ท่านช่วยข้ารีดไถเงิน มักจะเรียกข้อเสนอเยอะแยะ ขอให้ข้าแบ่งกับท่านห้าสิบห้าสิบ วันนี้ข้าเอ่ยขึ้นมาด้วยตัวเอง ท่านกลับไม่เอา?”

นางยื่นมือออกไป แตะหน้าผากของโม่เยว่

หน้าผากก็ไม่ได้ร้อน

“ไม่มีไข้นี่นา”

นางพึมพำกับตัวเอง “วันนี้ทำไมถึงผิดปกติขนาดนี้?”

โม่เยว่เข้าใจว่านางกำลังพูดถึงอะไรแล้ว

เขาจับมือของนางเอาไว้อย่างจนใจ เข้าไปนั่งลงในเรือน “วันนี้ข้ายุ่งอยู่กับงานราชการ ได้ยินว่าเสด็จแม่เสียงหาย เสด็จพ่อสั่งให้เจ้าไปรักษาที่ตำหนักคุนหนิง”

“ข้ากลัวว่าเสด็จแม่จะทำให้เจ้าลำบากใจ เสร็จงานแล้วจึงรีบกลับมาดูเจ้าทันที”

ขณะที่พูดไป เขาก็สอบถามอย่างห่วงใย “เสด็จแม่ทำให้เจ้าลำบากใจหรือไม่?”

หยุนหว่านหนิงถึงได้ชักมือกลับมาด้วยรอยยิ้ม “สิ่งที่น่าโมโหที่สุดของเสด็จแม่ในเวลาปกติก็คือปาก ตอนนี้เสด็จแม่ไม่สามารถพูดออกมาได้แล้ว ยังจะสามารถทำให้ข้าลำบากใจได้อย่างไร?”

จางหมัวมัวผู้ซึ่งยกกล่องอย่างยากลำบาก ตะโกนโห่ร้องไปยังท้องฟ้าในใจ

ใครน่าโมโหกันแน่เนี่ย? !

วันนี้เหนียงเหนียงเสียงหาย พระชายาหมิงยังไม่ยอมปล่อยเหนียงเหนียงไป ทำให้เหนียงเหนียงโมโหจนหมดสติไปโดยตรง......

ตอนนี้ยังจะฟ้องอ๋องหมิง ว่าเหนียงเหนียงน่าโมโห? !

ไร้หลักการแห่งสวรรค์!

“วันนั้นเดิมทีข้าตั้งใจจะขอเงินกับเสด็จแม่หนึ่งหมื่นตำลึง ใครจะรู้ว่าท่านเอ่ยปากก็ขอหนึ่งแสนเลย”

สองมือของหยุนหว่านหนิงเท้าคางเอาไว้ “ตอนนี้ค่ายเสินจีกำลังต้องการเงินใช่ไหม? ข้าแบ่งให้ท่านห้าหมื่น เป็นเช่นไร?”

หาได้ยากที่นางจะใจกว้างสักครั้ง โม่เยว่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ สั่งการให้จางหมัวมัวย้ายกล่องเงินออกไปอีกห้ากล่อง

จางหมัวมัวอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา

นางกัดฟันย้ายกล่องเงินเสร็จ ก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว

นางกลับเข้าวังไปฟ้องอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ ยังพูดถึงเรื่องที่หยุนหว่านหนิงกับโม่เยว่ “แบ่งทรัพย์ที่ริบมา” ต่อหน้านางด้วย

ทำอย่างไรได้ตอนนี้ฮองเฮาจ้าวเสียเปรียบครั้งใหญ่ แล้วก็ดีใจมากเพราะว่าหนานกงเยว่ตั้งครรภ์ นางไม่กล้าก่อเรื่องอะไรตามอำเภอใจอีก หวังเพียงแต่ว่าหนานกงเยว่จะสามารถให้กำเนิด “พระนัดดาองค์โต” อย่างราบรื่น

......

หลังจากที่จางหมัวมัวจากไปแล้ว โม่เยว่กับหยุนหว่านหนิงก็กลับไปที่ตระกูลกู้ทันที

ช่วงที่ผ่านมานี้ เพื่อหลบเลี่ยงการแอบติดตามสอดส่องอย่างลับๆของคนของโม่หุยเหยียน ได้แต่ให้หยวนเป่าอยู่ที่ตระกูลกู้ชั่วคราว

ไม่พบกับวันเดียว หยุนหว่านหนิงคิดถึงลูกชายแล้ว

อาศัยความมืดมิด โม่เยว่พานางไปพบหยวนเป่าที่บ้านตระกูลกู้

ไหนเลยจะรู้ว่ามันดึกเกินไป หยวนเป่าได้เข้านอนไปแล้ว และกู้ป๋อจ้งกับกู้หมิง กำลังโต้เถียงกันไม่หยุดหย่อน......

ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

ภายใต้การรักษาของหยุนหว่านหนิง ร่างกายของกู้หมิงก็เริ่มค่อยๆดีขึ้นมาทุกวันแล้ว ในอดีตเป็นเพราะเขาร่างกายอ่อนแอ ไม่อยากแต่งงาน จะได้ไม่ไปทำให้ผู้หญิงเขาเสียเวลา

ในเมื่อตอนนี้สุขภาพดีขึ้นมาแล้ว กู้ป๋อจ้งเองก็อายุมากแล้ว อยากจะอุ้มหลานแล้ว

ดังนั้นจึงบีบบังคับกู้หมิง ให้แต่งงานในเร็ววัน

เห็นท่านตากับท่านลุงทะเลาะกัน สีหน้าของหยุนหว่านหนิงกับโม่เยว่กระดากอายเล็กน้อย

ไม่เป็นการเสียเวลาทะเลาะกันของพวกเขา หลังจากที่ทั้งคู่เยี่ยมหยวนเป่าแล้ว ก็จากไปอย่างอาลัยอาวรณ์

ออกจากตระกูลกู้แล้ว ก็เป็นช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันสองต่อสองที่หาได้ยาก

แสงจันทร์สาดส่อง ค่ำคืนเคี้ยวคด

โม่เยว่หันหน้าเล็กน้อย มองดูหยุนหว่านหนิงที่กอดอก สีหน้าครุ่นคิด อดที่จะกล่าวถามขึ้นมาไม่ได้ “หนิงเอ๋อร์ เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?”

เขาอยากจะจับมือของนาง ทำอย่างไรได้ผู้หญิงตัวเล็กคนนี้กอดอกเอาไว้ตลอด……

“ข้ากำลังคิดว่าในเมืองหลวงแห่งนี้ มีกุลสตรีจากตระกูลใหญ่มีฐานะตระกูลไหนคู่ควรกับท่านลุงข้า”

หยุนหว่านหนิงเงยหน้ามองดูเขาด้วยรอยยิ้มครู่หนึ่ง “ประเด็นคือในใจของข้าไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่”

“ท่านลุงอายุมากกว่าข้าแค่ไม่กี่ปี หากแต่งงานรับคุณหนูตระกูลไหนมาเป็นภรรยา ข้ายังต้องเรียกนางว่าน้าสะใภ้อีก”

นางส่ายหน้าเล็กน้อย “เราอายุเท่ากัน กระอักกระอ่วนใจขนาดไหนเนี่ย!”

คิดไม่ถึงว่านางกำลังคิดเรื่องนี้อยู่ โม่เยว่หัวเราะเบาๆ “เวลาแบบนี้ เจ้าไม่ควรจะคิดถึงปัญหาข้อนี้”

“เช่นนั้นข้าควรจะคิดเรื่องอะไร?”

“คิดว่าเราจะให้กำเนิดเจ้ารองเมื่อไหร่จะเหมาะสมกว่า”

โม่เยว่กล่าวอย่างเอาจริงเอาจัง ยื่นมื่อไปจับไหล่ของนางเอาไว้ ลดเสียงลงมาต่ำมาก “ตอนนี้พี่สะใภ้คนโตตั้งครรภ์อีกแล้ว เราเองก็จะถูกทิ้งห่างอยู่ข้างหลังไม่ได้ใช่ไหม?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์