อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 443

สบกับสายตาโกรธโมโหของหยุนหว่านหนิง หยุนธิงหลานอ้าปากค้าง กลับไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร

นางอยู่ในใจหยุนหว่านหนิง ความน่าเชื่อถือมีเท่ากับศูนย์

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหยวนเป่า......

คราวนี้หยุนหว่านหนิงไม่ได้ลงมือฆ่านางทันที ถือว่ามีเมตตาอย่างมากแล้ว

“พี่สาว ข้าไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ”

นางมองดูหยุนหว่านหนิงอย่างตื่นเต้น

หยุนหว่านหนิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ยับยั้งความโกรธภายในใจไว้ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาดูอีกครั้ง สายตาก็สงบลงไม่น้อยแล้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “หยุนธิงหลาน”

“ข้าให้โอกาสเจ้าเพียงครั้งเดียว รีบหายสาบสูญไปต่อหน้าข้าเดี๋ยวนี้”

ในขณะที่ดวงตาของนางสงบลง ความเยือกเย็นก็มาปกคลุม พร้อมพูดขึ้นว่า “ช้าไปหนึ่งก้าว ข้าจะสับร่างของเจ้าเป็นพันหมื่นชิ้น”

นางพูดออกมาทีละคำ รัศมีความอาฆาตแผ่กระจายอย่างเงียบงัน

หยุนธิงหลานขนลุกไปหมด

รู้สึกเหมือนมีลูกศรแหลมคมนับไม่ถ้วน ยิ่งมาจากทั่วทิศ แทงถูกนางอย่างรุนแรง

นางขาอ่อน กลับไม่กล้าพูดอะไรอีก

ภายใต้สายตาน่ากลัวของหยุนหว่านหนิง นางคืบคลานวิ่งหนีไป

แม่เฒ่าหลานรีบถวายทำความเคารพหยุนหว่านหนิง ราวกับไฟลุกไหม้สะโพก รีบวิ่งไล่ตามหยุนธิงหลานไป

“พระชายา ท่านจะปล่อยนางไปแบบนี้หรือ?”

หรูอวี้เอามือกอดอกยืนอยู่ด้านข้าง พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าน้อยเห็นว่า พระชายารองหยุนพูดโกหก นางติดตามอยู่ข้างกายท่านอ๋องสาม จะไม่รู้แผนของท่านอ๋องสามได้อย่างไร?”

หยุนหว่านหนิงเงยขึ้นมามองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “นางไม่รู้เรื่อง”

นางเชื่อคำพูดของหยุนธิงหลาน

คนใกล้ตายจะพูดความจริงจากใจจริง

ปกติหยุนธิงหลานชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่าแต่กลัวคนที่แข็งแรงกว่า เมื่อกี้สำหรับนาง เป็นช่วงเวลาแห่ง “ความตาย"

หากนางกล้าที่จะโกหกในเวลาแบบนั้น นางก็จะไม่ใช่หยุนธิงหลานแล้ว

นางมีความใจแข็งขนาดนั้น ยังจะตกอยู่ในสภาพแบบนี้?

“ท่านเชื่อคำพูดของนางหรือ?”

หรูอวี้ขมวดคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “ผู้หญิงคนนี้พูดโกหกทั้งนั้น ไม่ควรที่จะปล่อยนางกลับไป ไม่แน่นี่อาจเป็นการปล่อยเสือเข้าป่า.....”

“ปล่อยเสือเข้าป่า?”

ได้ยินคำนี้ หยุนหว่านหนิงดีใจ

นางเงยหน้าหันไปมอง จนเงาร่างหยุนธิงหลานหายลับตาไป ค่อยหันกลับมา

“นางจะเป็นเสืออะไร? อย่างมากก็แค่ด้วงปีกแข็งตัวหนึ่ง”

หยุนหว่านหนิงหัวเราะเย้ย พร้อมพูดขึ้น

หยุนธิงหลานเป้นด้วงปีกแข็ง โม่หุยเฟิงเป็นก้อนขี้

พวกเขาสองคน ฟ้าดินสร้างมาคู่กันจริงๆ

หรูอวี้เกาหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายา อะไรคือด้วงปีกแข็ง?”

หยุนหว่านหนิงหยุดฝีเท้า พร้อมพูดขึ้นว่า “เคยได้ยินไหมว่า ตัวอะไรที่คืบคลานบนกองขี้?”

หรูอวี้ขมวดคิ้ว ส่ายหัวอย่างตรงไปตรงมา

แต่ละชื่อฟังดูแล้วแปลกกว่ากันอย่างมาก ด้วงปีกแข็งอะไร ตัวอะไรคืบคลานบนกองขี้....เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย พระชายาตนเองฟังชื่อแปลกประหลาดพวกนี้มาจากไหน?

“ช่างเถอะ เจ้าไม่มีความรู้ในสิ่งที่ข้าพูดถึงหรอก”

หยุนหว่านหนิงพูดพึมพำพร้อมเดินขึ้นไปชั้นบน

หรูอวี้ยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้สติอยู่นานสักพัก

เมื่อกี้ เขาโดนพระชายาดูถูกหรือ?

พูดว่าเขาไม่มีความรู้?

“พระชายา ข้าน้อยไปมาทั่วทั้งสี่แคว้น เป็นครั้งแรกที่มีคนพูดว่าไม่มีความรู้”

หรูอวี้หน้าบูดพร้อมเดินตามเข้าไป

“หากเจ้ามีความรู้ ยังไม่รู้จักด้วงปีกแข็ง แมลงกองขี้?”

หยุนหว่านหนิงหันมามองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นข้าถามเจ้าอีก หากเจ้าล้วนสามารถตอบได้ ข้าก็จะเอาคำพูดเมื่อกี้กลับคืนมา”

“คำพูดที่พูดออกไปก็น้ำที่ราดออกไป เอากลับคืนมาได้ด้วยหรอ?”

หรูอวี้เบ้ปาก

แต่เมื่อเผชิญกับสายตาฉายแววอันตรายของพระชายา.....

เขารีบหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายาเชิญถาม”

“เจ้ารู้จักไหมว่าแมลงผายลมคืออะไร? หนอนผีเสื้อต่างดาวคืออะไรไหม?”

ได้ยินชื่อ “หนอน” พวกนี้ หรูอวี้อดไม่ได้ที่จะขนลุก

เขาไม่เกรงกลัวอะไร เอาชนะการต่อสู้จนไร้คู่ต่อสู้ สิ่งที่กลัวที่สุดก็คือหนอนขนปุยพวกนี้....ได้ยินชื่อนี้ ก็รู้สึกไม่ดีไปทั้งตัว

“ข้าน้อยไม่รู้”

เขายิ้มหัวเราะ

หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นเจ้ารู้ไหมว่า อะไรคือเดินตามตูด?”

“ยังมีหนอนแบบนี้ด้วย?”

ถึงหรูอวี้จะไม่รู้ แต่ความหมายตรงตัว นั่นก็คือหนอนที่คอยติดตามอยู่ด้านหลัง?

“ใช่ เหมือนอย่างเจ้าในตอนนี้”

หยุนหว่านหนิงชักหน้ากลับ

หรูอวี้หน้าแดง ค่อยรู้ตัวขึ้นมาว่า ตนเองตามหยุนหว่านหนิงขึ้นมาถึงชั้นบนแล้ว เขายกมือเกาหัวอย่างเก้อเขิน พร้อมหันหน้าเดินลงไป

หยุนหว่านหนิงเปิดประตู โม่เยว่กำลังอุ้มหยวนเป่าอยู่ในมือ

สองพ่อลูกไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน หยวนเป่ากำลังหัวเราะร่าเริง

ภาพบรรยากาศแบบนี้ หยุนหว่านหนิงเห็นเป็นครั้งแรก

สองพ่อลูกนี้ ไม่ง่ายที่จะเข้ากันได้ดี

โดยเฉพาะอย่างภาพตรงหน้าแบบนี้ โม่เยว่สามารถหลอกล้อหยวนเป่า.....

“กำลังคุยอะไรกันอยู่?”

เห็นหยวนเป่าหัวเราะ หยุนหว่านหนิงค่อยสบายใจขึ้นไม่น้อย นางเดินเข้าไปใกล้ ยกเท้าหยวนเป่าขึ้นมาดู ตรงที่ผิดถลอกบวมแดง หายดีขึ้นมากแล้ว

ยาของนาง ล้วนเป็นของที่ดีที่สุด

แต่ก็ยังรู้สึกว่าแผลเป็นหายช้า ทนเห็นลูกบาดเจ็บไม่ได้

“ท่านพ่อพูดว่า หลังจากกลับเมืองหลวงก็จะเอาข้ามัดติดเอวไว้”

หยวนเป่าเอียงหัว ยิ้มหัวเราะมองดูหยุนหว่านหนิง พร้อมพูดขึ้นว่า “คนอื่นจะได้ไม่วางแผนคิดร้ายกับข้าอีก”

คำพูดประโยคนี้โม่เยว่เป็นคนพูดออกมา

หยุนหว่านหนิงมองดูเขาอย่างแปลกประหลาดใจ แต่ก็ยิ้มหัวเราะตาม พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าว่าวิธีนี้ไม่เลว”

โม่เยว่กับหยวนเป่า ต่างไม่ถามว่าหยุนธิงหลานมาทำอะไร

ค่ำคืนนี้ ทั้งสามได้นอนหลับอย่างสงบเสียที

เช้าวันรุ่งขึ้น ก็เดินทางกลับ

โม่จงหรานสั่งคนส่งข่าว เร่งเร้าแล้วหลายครั้ง ถามว่าเมื่อไหร่พวกเขาจะเมืองหลวง เขารอไม่ไหว คิดถึงหลานสุดที่รักของเขาจะแย่แล้ว

……

ระหว่างทางกลับเมืองหลวง หยวนเป่านอนอยู่ตลอดเวลา

โม่เยว่มองดูลูกที่นอนหลับไปอีกครั้ง พร้อมขมวดคิ้วถามหยุนหว่านหนิงว่า “หนิงเอ๋อร์ หยวนเป่านอนอยู่ตลอดแบบนี้ ไม่เป็นไรจริงๆหรือ?”

เขาเป็นกังวลมาก

เมื่อก่อนหยวนเป่า มีชีวิตชีวาและกระฉับกระเฉงกระโดดโลดเต้นตลอดทั้งวัน

แต่หลังจากครั้งนี้ ในสิบสองชั่วโมงต่อวัน เขาแทบนอนอยู่เจ็ดถึงแปดชั่วโมง

หยุนหว่านหนิงตรวจดูหยวนเป่าแล้ว ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ คงเพราะสภาพจิตใจได้รับผลกระทบสะเทือนจิตใจ จนเกิดความรู้สึกหลอน

จึงทำให้รู้สึกง่วงอยู่ตลอดเวลา

นี่เป็นการป้องกันการสะท้อนกลับของสัญชาตญาณของมนุษย์

ต่อให้หยวนเป่าเข้มแข็งแค่ไหน แต่ยังไงก็เป็นเพียงเด็กอายุสี่ขวบ

เจอกับเรื่องแบบนี้ ถือว่าเขาเข้มแข็งอย่างมากแล้ว

หยุนหว่านหนิงมองดูหยวนเป่าที่นอนหลับอยู่ในอ้อมอก ด้วยสายตาอ่อนโยนอย่างมาก

นางเอื้อมมือมา ปัดไรผมบนหน้าผากให้เขาอย่างแผ่วเบา แล้วค่อยพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่เป็นไร ให้เขาหลับพักผ่อนให้เพียงพอ”

ร่างกายได้รับบาดเจ็บ สามารถใช้ยารักษาได้

แต่บาดแผลในใจ ต้องใช้เวลาในการรักษา

ถึงจะพูดแบบนี้ โม่เยว่ก็ยังคงไม่วางใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “เห็นเขาเอาแต่นอนอยู่แบบนี้ ข้าไม่สบายใจ”

“ครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจลูก ถือว่าเป็นผลกระทบที่ตามมา แต่เขาสามารถตอบสนองถือว่าดีมากแล้ว หากทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แบบนั้นจะยิ่งน่าเป็นห่วง”

หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “ถึงไหนแล้ว?”

โม่เยว่เปิดม่านออกไปดู แล้วพูดขึ้นว่า “ใกล้ถึงเมืองอี้แล้ว”

หยุนหว่านหนิงค่อยโล่งอก

จากเมืองเซียงถึงเมืองหลวง สามารถเดินทางอ้อมเมืองอี้ ยังมีเส้นทางที่ใกล้กว่า แต่ตอนนั้นหยวนเป่าถูกลักพาตัวไปตอนกลางคืน จึงเดินวนเวียนอยู่อย่างนั้น จึงเดินทางผ่านเมืองอี้ มาถึงเมืองเซียง

เดิมโม่เยว่คิดว่า พวกเขาควรกลับเมืองหลวงโดยเร็ว จะเดินทางอ้อมเมืองอี้ ใช้เส้นทางที่ใกล้กว่า

แต่หยุนหว่านหนิงปฏิเสธ

นางมาเมืองอี้ ยังมีธุระอีกเรื่องหนึ่ง....

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์