อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 445

“โจว อ๋องโจว?”

หมอหลวงหยางตกตะลึง พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านมาได้อย่างไร?”

เคยชินกับการที่โม่เหว่ยนอนป่วยอยู่บนเตียง ช่วงเวลานี้จะเห็นโม่เหว่ยเข้าวังมาเป็นบางครั้ง สามารถเดินเหินได้อย่างสะดวก.....

หมอหลวงหยางยังคงไม่เคยชิน

“ข้ามาเยี่ยมเสด็จแม่เต๋อเฟย”

โม่เหว่ยพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย พร้อมพูดขึ้นว่า “นี่หมอหลวงหยาง?”

หมอหลวงหยางได้สติกลับมาพูดขึ้นว่า “อ้อ พระชายาหมิงกลับมาแล้ว กำลังตรวจรักษาเต๋อเฟยเหนียงเหนียง ข้าน้อยกีดขวางเกะกะ จึงจะกลับไปยังโรงหมอหลวง”

“หว่านหนิงกลับมาแล้ว?”

โม่เหว่ยตกตะลึงอย่างมาก

หยุนหว่านหนิงกลับมา แสดงว่าโม่เยว่ก็กลับมาแล้ว

เขารู้แต่แรกแล้วว่าพวกเขาสองคนตามหาหยวนเป่าเจอแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าจะกลับมาถึงเมืองหลวงไว้ขนาดนี้

“ใช่”

หมอหลวงหยางกำลังจะพูดขึ้นมา กลับเห็นโม่เหว่ยเดินเข้าประตูไปอย่างเร่งรีบ พร้อมพูดขึ้นว่า “หว่านหนิง?”

เขาพูดพึมพำขึ้นว่า “อ๋องโจวเป็นอะไร? เร่งรีบขนาดนี้.....”

หยุนหว่านหนิงตรวจอาการเต๋อเฟยอย่างละเอียด

เต๋อเฟยเป็นห่วงหยวนเป่า วิตกกังวลมากเกินไปจนส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ หากไม่ได้เจอหยวนเป่า อาการป่วยของนางก็จะไม่ดีขึ้น

ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าหมอหลวงหยางจะรักษายังไง....

ยาที่รักษาร่างกาย จะรักษาสภาพจิตใจได้ยังไง?

ทำให้อาการเต๋อเฟยไม่ดีขึ้นเลย

ตอนนี้หยวนเป่ากลับมาแล้ว เดี๋ยวถ้าได้เห็นหยวนเป่า อาการป่วยของนางก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ

นางพอรู้อาการแล้ว จึงชักมือกลับ แล้วก็ได้ยินเสียงดังขึ้นที่หน้าประตู

หลี่หมัวมัวยืนอยู่ด้านข้าง พร้อมถึงขึ้นทั้งน้ำตาว่า “พระชายา เมื่อไหร่เหนียงเหนียงจะฟื้นตื่นขึ้นมา? หลายวันมานี้อาการเหนียงเหนียงไม่ดีขึ้นเลย เดี๋ยวฟื้นเดี๋ยวหลับอยู่ตลอด”

นางยืนเช็ดน้ำตาอยู่ด้านข้าง

สำหรับนาง เต๋อเฟยเป็นเหมือนดั่งพี่น้องกัน

เมื่อ 20 ปีก่อน ทั้งสองคนมายังเมืองหลวงด้วยกัน

เต๋อเฟยเป็นญาติเพียงคนเดียวของหลี่หมัวมัว

หลายปีมานี้ นางเคยชินกับการที่เต๋อเฟยกระโดดโลดเต้น ร่าเริงสดใส จู่ๆก็เห็นนางนอนอยู่บนเตียงหายใจรวยริน หลี่หมัวมัวเป็นห่วงอย่างมาก

“หลี่หมัวมัวอย่าเป็นกังวล เสด็จแม่ไม่เป็นไร”

หยุนหว่านหนิงพูดปลอบด้วยเสียงเบาว่า “เดี๋ยวหยวนเป่ามา ข้าค่อยฝังเข็มให้เสด็จแม่”

กระตุ้นให้เต๋อเฟยฟื้นขึ้นมา เห็นหยวนเป่าก็ไม่เป็นไรแล้ว

“อมิตพุทธ พระเจ้าคุ้มครอง ในที่สุดก็สามารถพาคุณชายน้อยกลับมาได้ วันนั้นเหนียงเหนียงได้ยินว่าคุณชายน้อยหายตัวไป ก็กระอักออกมาเป็นเลือด....”

หลี่หมัวมัวยกมือพนม

แล้วก็ค่อยๆลูบอก สีหน้าหวาดกลัว

หยุนหว่านหนิงแทบใจสลาย

เดิมนางคิดว่า ด้วยนิสัยของเต๋อเฟย คงไม่มีทางเป็นย่าที่ดีได้

แต่ความรักที่นางมีต่อหยวนเป่า หยุนหว่านหนิงยังรู้สึกตื้นตัน

“ไม่เป็นไรแล้ว วางใจเถอะ”

นางเพิ่งพูดเสร็จ ก็เห็นโม่เหว่ยเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ พร้อมพูดขึ้นว่า “หว่านหนิง หยวนเป่าล่ะ? เจ้าเจ็ดล่ะ?”

หลี่หมัวมัวที่ยืนอยู่ด้านข้างพูดอธิบายว่า “สองวันมานี้อ๋องโจวจะเข้าวังมาเยี่ยมเหนียงเหนียงบ่อยๆ”

หยุนหว่านหนิงพยักหัว หันไปยิ้มให้กับโม่เหว่ย พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋องกำลังพาหยวนเป่าคุยอยู่กับเสด็จพ่อ คิดว่าไม่นานก็มาแล้ว”

“พวกเจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม? หยวนเป่าไม่เป็นไรใช่ไหม?”

โม่เหว่ยถามขึ้น

“ล้วนสบายดี”

หยุนหว่านหนิงพยักหัว เห็นสีหน้าโม่เหว่ยไม่สู้ดี จึงถามขึ้นว่า “ช่วงนี้อ๋องโจวสบายดีไหม?”

“ขอบคุณเข้ามาก ข้าหายดีแล้ว”

โม่เหว่ยก็พยักหัวอย่างโล่งอก พร้อมพูดขึ้นว่า “พวกเจ้ากลับมาก็ดีแล้ว ขอเพียงมีพวกเจ้าอยู่ อาการป่วยของเสด็จแม่เต๋อเฟยต้องดีขึ้นแน่”

ทุกคนล้วนฝากความหวังไว้ที่หยุนหว่านหนิง

ในขณะที่พูด โม่จงหราน โม่เยว่ก็พาหยวนเป่าเข้ามาแล้ว

หลังจากโม่เหว่ยทำความเคารพ หยวนเป่าก็ร้องเรียกขึ้นว่า “ท่านลุงสี่”

“เอ้”

โม่เหว่ยรีบรับหยวนเป่ามาจากโม่เยว่ มองดูเขาอย่างเป็นห่วง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าเด็กฉลาดเจ้าเล่ห์ เจ้าทำให้ลุงสี่เป็นห่วงอย่างมาก”

หลี่หมัวมัวก็เช็ดน้ำตา

“ข้าฝังเข็มให้กับเสด็จแม่”

เมื่อกี้หลี่หมัวมัวก็บอกแล้ว เต๋อเฟยสลบไปสองชั่วโมงแล้ว

หยุนหว่านหนิงเตรียมที่จะทำให้นางฟื้นขึ้นมาโดยเร็ว เห็นหยวนเป่าแล้วค่อยว่ากัน

โม่เหว่ยถูกนางฝังเข็มจนกลัวแล้ว เห็นนางเอาเข็มออกมาก็ไปหลบอยู่ข้างหลัง

หยุนหว่านหนิงเลือกเข็มที่บางที่สุด หลังจากฝังเข็มให้เต๋อเฟย ก็ได้ยินเพียงเสียงถอนหายใจอย่างรวยริน จากนั้นเต๋อเฟยก็ค่อยๆลืมตาขึ้น

“สนมรัก”

โม่จงหรานจับมือของนางไว้แน่น พร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าฟื้นแล้วหรือ”

“ข้ามีข่าวดีจะบอกเจ้า”

เต๋อเฟยยังไม่ทันพูดว่าอะไร หยวนเป่าก็กระโดดลงมาจากอ้อมกอดของโม่เหว่ย ปีนขึ้นเตียงไป พร้อมร้องเรียกว่า “เสด็จย่าเต๋อเฟย”

ได้ยินเสียงเรียกนี้.....เต๋อเฟยเบิกตาโต

นางมองใบหน้าเล็ก ๆ ตรงหน้าของนางอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง ยื่นมือออกมาอย่างสั่นเทา ตั้งใจจะสัมผัสใบหน้าน้อยๆ ของหยวนเป่า ริมฝีปากสั่นอยู่นาน แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

ทันใดนั้น มือของเต๋อเฟยก็ร่วงลง หลับตาสลบไปอีกครั้ง

โม่จงหรานตกใจอย่างมาก ร้องเรียกขึ้นว่า “หว่านหนิง หว่านหนิง เจ้ารีบมาดู เสด็จแม่ของเจ้าเป็นอะไรไป?”

“เมื่อกี้ยังดีๆอยู่ไม่ใช่หรือ? ทำไมจู่ๆถึงสลบไปอีก?”

เขาหันมามองหยุนหว่านหนิงอย่างตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูก

นางรีบตรวจดูชีพจรของเต๋อเฟย

สักพัก หยุนหว่านหนิงค่อยโล่งอก พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จพ่อไม่ต้องกังวล เสด็จแม่แค่ดีใจจนเกินไป ร่างกายก็อ่อนแอเกินไป จึงสลบไปเพื่อรับไม่ได้”

“อ้อ”

โม่จงหรานค่อยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

เขาปาดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วก็ถามขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “งั้นเสด็จแม่ของเจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม? ร่างกายนางอ่อนแอ....”

“มีข้าอยู่ เสด็จพ่อวางใจได้”

หยุนหว่านหนิงยิ้มพร้อมพูดขึ้น

ความรู้สึกที่โม่จงหรานมีให้กับเต๋อเฟย เป็นความรักที่แท้จริง

ไม่อย่างนั้น ด้วยนิสัยโลดแล่นของเต๋อเฟย ก่อกวนวังหลวงมานานกว่า 20 ปี ยังจะเป็นเต๋อเฟยที่ตำแหน่งสูงศักดิ์ได้อย่างไร?

ความรักที่มีต่อกันจากผมดำจนผมขาว เป็นที่น่าอิจฉายิ่งนัก

“เสด็จแม่สุขภาพอ่อนแอมาก ทนรับความดีใจอย่างมากไม่ได้”

หยุนหว่านหนิงพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “ข้าจัดใบสั่งยาให้เสด็จแม่หนึ่งชุด ให้เสด็จแม่บำรุงพักฟื้นร่างกายก่อน”

……

เดิมโม่จงหรานเอาให้หยวนเป่าอยู่ในวังก่อน

แต่ครั้งที่แล้ว หยวนเป่าถูกลักพาตัวไปจากในวัง บวกกับเขายังต้องดูแลงานราชการ ดูแลเต๋อเฟย จึงไม่สามารถที่จะดูแลหยวนเป่าได้อย่างเต็มที่

และตอนนี้หยวนเป่าก็อยู่ห่างหยุนหว่านหนิงไม่ได้

ดังนั้นจึงจำต้องส่งพวกเขาออกมาจากตำหนักหย่งโซ่ว

“เจ้าเจ็ด ที่ผ่านมานี้งานราชการก็กองอยู่เต็มอย่างมากมาย”

เขาพูดสั่งขึ้นด้วยเสียงจริงจังว่า “พรุ่งนี้เช้า เจ้ารีบเข้าวังมาจัดการ ข้าให้เจ้าสอง.....”

พูดเสร็จ เขาก็หันไปมองโม่เหว่ย แล้วพูดขึ้นว่า “กับเจ้าสี่ มาช่วยเจ้า”

ส่วนโม่หุยเหยียน โม่จงหรานไม่ได้พูดถึง

แต่โม่เหว่ยขมวดคิ้ว พูดปฏิเสธอย่างไม่ลังเลว่า “เสด็จพ่อ สุขภาพของข้ายังไม่หายดี หว่านหนิงเคยบอกว่า ข้าจากทำงานเหนื่อยเกินไปไม่ได้”

หยุนหว่านหนิง “……”

นางเคยพูดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

คนพวกนี้แต่ละคน ตอนนี้ล้วนรู้จักเอานางมาอ้างทั้งนั้นหรือ?

แต่ว่า เอาหยุนหว่านหนิงมาอ้างนั้นได้ผลดีจริงๆ

โม่จงหรานรีบพูดขึ้นว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเจ้าดูแลตัวเองให้ดี”

“ขอรับ เสด็จพ่อ”

เห็นโม่จงหรานหันเดินเข้าไปในตำหนักหย่งโซ่ว หยุนหว่านหนิงค่อยหันไม่มองโม่เหว่ย พร้อมถามขึ้นว่า “อ๋องโจว ข้าเคยพูดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? เอาข้ามาอ้างนั้นได้ผลดีมากหรือ?”

“หว่านหนิงอย่าโกรธ เพื่อเป็นการขอบคุณ คืนนี้ข้าเลี้ยงข้าวเจ้า”

โม่เหว่ยหัวเราะ พร้อมพูดขึ้น

หยุนหว่านหนิงกลอกตามองบน

เลี้ยงข้าว?

นางไม่ใช่โม่ฮั่นอี่ว์

อาหารสักมื้อก็สามารถยอมทำอย่างง่าย?

แต่โม่เยว่ที่อยู่ด้านข้าง พูดขึ้นมาทันทีว่า “พี่สี่มีเรื่องจะขอให้หนิงเอ๋อร์ช่วยหรือ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์