อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 459

กลุ่มผู้คนรีบหลีกทางให้อีก เห็นโม่ฮั่นอี่ว์เบียดผู้คนมาอย่างเร่งรีบ

เขาวิ่งมาถึงตรงหน้าโม่เยว่ รีบถามขึ้นว่า “เจ้าเจ็ด นี่เกิดอะไรขึ้น? อยู่ดีๆ ทำไมเสี่ยวเฮยถึงข้าเสี่ยวไป๋?”

โม่ฮั่นอี่ว์พูดขึ้นมาอย่างไม่รู้เรื่องอะไรเลย

โม่เยว่มองดูใบหน้าของเขาคราบน้ำมันบนแก้มที่ยังเช็ดไม่ออก เมื่ออ้าปากกลิ่นไก่ย่างก็โชยมาตีหน้าอย่างแรง

รู้ทันทีว่าเมื่อกี้เขากำลังกินอยู่อย่างเอร็ดอร่อย

“ไปถามเสี่ยวไป๋ของเจ้าโน่น”

โม่เยว่สีหน้าเยือกเย็น

เขาอ้าปากพูด ก็เห็นชัดเจนว่ากำลังปกป้องคนของตนเอง

เสี่ยวเฮยน้ำตาร่วงไหล

โม่ฮั่นอี่ว์อึ้ง มองดูศพเสี่ยวไป๋แวบหนึ่ง.....

“ไอโย้วแม่เจ้า นี่เกิดอะไรกันขึ้น? ใบหน้าถูกตีจนเป็นแบบนี้ เสี่ยวเฮยบ้านเจ้าลงมือโหดเหี้ยมเกินไปแล้วมั้ง?”

ใบหน้าของเขาขมวดคิ้วย่น ยกมือปิดตาอย่างเกินเหตุ พร้อมพูดขึ้นว่า “นี่ใครจะกล้าดู? ยังไม่รีบปิดไว้ ปิดไว้”

หรูอวี้วางผ้าขาวลง

โม่ฮั่นอี่ว์พูดขึ้นด้วยสีหน้าบูดบึ้งว่า “เจ้าเจ็ด เสี่ยวไป๋ตายไปแล้ว จะให้ข้าไปถามยังไง?”

โม่เยว่กวาดสายตามองดูเขาอย่างเย็นชา แล้วมองดูเสี่ยวเฮยที่คุกเข่าอยู่บนพื้น พร้อมพูดขึ้นว่า “เสี่ยวเฮย เล่าให้ข้ากับอ๋องฮั่นฟัง เจ้ากับเสี่ยวไป๋มีเรื่องอะไรกัน?”

“เรียนท่านอ๋อง”

เสี่ยวเฮยสะอึกสะอื้น พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าน้อยเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”

“ตอนช่วงเที่ยงข้าน้อยกับพวกเพื่อนกลับมายังค่ายด้วยกัน เสี่ยวไป๋พุ่งมาดึงข้าแล้วก็ลงมือทำร้าย เริ่มแรกข้าน้อยไม่ได้ตอบโต้ เพียงถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น”

สายตาเขาหันไปมองพวกเพื่อนหลายคนในค่ายเสินจี

พวกเขาต่างพยักหัวเป็นพยาน

เสี่ยวเฮยค่อยพูดต่อไปว่า “เสี่ยวไป๋กลับพูดว่า หลายวันก่อนข้าน้อยไปแตะต้องผู้หญิงของเขา”

“แต่ท่านอ๋อง ข้าน้อยเพิ่งอายุสิบเจ็ด แม่ของข้าน้อยเคยสั่งสอน อายุครบสิบแปดแล้วจะหาภรรยาให้ ห้ามข้าน้อยไปแตะต้องผู้หญิงข้างนอก”

“ข้าน้อยจำใส่ใจมาตลอด”

เสี่ยวเฮยร้องห่มร้องไห้ พร้อมพูดขึ้นว่า “แต่เสี่ยวไป๋ไม่ฟังข้าน้อยอธิบาย จะต่อสู้หาเรื่องข้าน้อยให้ได้”

“เริ่มแรกข้าน้อยก็ยอมให้เขา แต่เขาไม่เพียงลงมือทำร้ายข้าน้อย ยังก่นด่าครอบครัวของข้าน้อย”

เรื่องนี้ยังทำได้ลง แล้วจะมีอะไรทำไม่ได้อีก

เสี่ยวเฮยถูกใส่ร้าย เสี่ยวไป๋ไม่เพียงไม่ฟังคำอธิบาย ยังลงมือทำร้ายคน ก่าด่าครอบครัว

เสี่ยวเฮยกำลังเป็นวัยรุ่นเลือดร้อน เมื่อความโกรธปะทุขึ้นมาก็หักห้ามไม่ไหว

“ข้าน้อยจึงอดทนไม่ไหว ต่อสู้กับเสี่ยวไป๋ แต่ไม่รู้ทำไม ไม่นานเสี่ยวไป๋ก็ล้มลงพื้น ข้าน้อยเองก็สูญเสียการควบคุม”

“รอเมื่อทุกคนแยกเราออกจากกัน เสี่ยวไป๋ก็ตายแล้ว”

พูดเสร็จ มีคนไม่น้อยต่างก็เป็นพยานให้ว่า เสี่ยวเฮยพูดความจริง

ในหมู่กลุ่มคนนี้ไม่เพียงมีคนของค่ายเสินจี ยังคนของค่ายห้ากองพลอยู่ด้วย

ดังนั้นคำพูดของเสี่ยวเฮย ไม่มีอะไรน่าสงสัย เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นต่อหน้าผู้คนมากมาย....

“ผู้ชันสูตรศพมาชันสูตรศพแล้วหรือยัง?”

โม่เยว่ถามขึ้นมา

“เรียนท่านอ๋อง เรื่องนี้เรื่องใหญ่ ผู้ชันสูตรศพยังไม่ได้ถูกเชิญมา เพียงแค่รู้ไปถึงฮ่องเต้แล้ว คิดว่าไม่นานฮ่องเต้คงส่งผู้ชันสูตรศพมาชันสูตรศพ”

รองแม่ทัพหวังพูดตอบ

“เหลวไหล”

โม่เยว่พูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ไม่ชันสูตรศพ ยังจะอะไร?”

โม่ฮั่นอี่ว์รีบพูดตามขึ้นมาว่า “ใช่ พวกเจ้านี่เลี้ยงเสียข้าวสุก ยังไม่รีบไปตามผู้ชันสูตรศพมา”

เขาเหมือนจะลืมไปว่า คนที่อยู่ในเหตุการณ์มากมายขนาดนี้ มีเพียงเขาคนเดียวที่เลี้ยงเสียข้าวสุก.....

เผชิญกับสายตาครุ่นคิดของโม่เยว่ โม่ฮั่นอี่ว์ยกมือลูบหน้าตนเอง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าเจ็ด เจ้ามองดูข้าแบบนี้ทำไม? ค่อนข้างทำตัวไม่ถูก”

“ไม่มีอะไร”

โม่เยว่หันไปทางอื่น

มีคำสั่งของเขาแล้ว ไม่นานผู้ชันสูตรศพก็มาถึง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์