อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 460

“หรูอวี้”

เขาพูดสั่งขึ้นว่า “ไปเชิญพระชายามา”

ทุกคนไม่เข้าใจ

ผู้ชันสูตรศพล้วนมาแล้ว ตรวจไม่เจอความผิดปกติอะไร พยานต่างๆก็อยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว ท่านอ๋องทั้งสองก็ไม่สามารถสืบรู้ความจริง ถึงตอนนั้นเชิญพระชายามาจะทำอะไรได้?

พระชายาหมิงคนนั้น นอกจากสามารถพูดทำให้คนโกรธตาย ยังจะมีความสามารถอะไร?

แต่มีความคิดแบบนี้ ล้วนเป็นคนของค่ายห้ากองพล

พวกทหารค่ายเสินจี อย่างน้อยก็รู้ว่าเบื้องหลังท่านอ๋องของพวกเขา ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพระชายาหมิงให้คำแนะนำ

แต่คนของค่ายห้ากองพลไม่รู้

ในสายตาพวกเขา พระชายาหมิงเพียงอาศัยที่ตนเป็นคนโปรดของฮ่องเต้ เป็นที่รักของอ๋องหมิง เป็นแม่ของพระนัดดาองค์โต จึงกล้าทำอะไรก็ได้ในเมืองหลวง

ที่ไหนได้หลังจากหยุนหว่านหนิงมาถึง ทำให้พวกเขาได้เห็นกับตาว่า อะไรคือ‘การถูกตบหน้า’

ไม่เพียงตบหน้า ยังเป็นการเอาหน้าแนบกับพื้นแล้วถูไถอย่างแรง

ได้ยินว่าเกิดเรื่องใหญ่ที่ค่ายเสินจี หยุนหว่านหนิงรีบวางงานในมือแล้วรีบตามไป

ผู้ชันสูตรศพเห็นหยุนหว่านหนิง สายตาก็เปลี่ยนไป

เจ้าคนเฒ่านี้กับหมอหลวงหยางเป็นพี่น้องกัน จึงรู้จากหมอหลวงหยางแต่แรกแล้วว่า พระชายาหมิงตรงหน้าที่ดูธรรมดานี้ เก่งกาจขนาดไหน

“พระชายาหมิง”

เขาเหมือนกับหมอหลวงหยางอย่างมาก เดินตามหยุนหว่านหนิง พร้อมพูดไม่หยุดว่า “ถึงสภาพศพผู้ตายจะอนาถ แต่ก็เพียงเพราะถูกทำร้ายร่างกาย”

“ไม่มีอาการอื่นๆใด ไม่รู้ว่า......”

หยุนหว่านหนิงกวาดสายตามองดูเขาแวบหนึ่ง

สายตานั้น แม่แต่โม่ฮั่นอี่ว์ยังรู้ว่าหมายความว่าอย่างไร

“หุบปาก ห้ามรบกวนหว่านหนิงชันสูตรศพ”

โม่ฮั่นอี่ว์จ้องมองผู้ชันสูตรศพ

ผู้ชันสูตรศพรีบหุบปากพร้อมลุกขึ้นมา

หยุนหว่านหนิงตรวจดูอย่างละเอียดแล้ว ศพของเสี่ยวไป๋ เป็นเหมือนอย่างที่ผู้ชันสูตรศพพูด มีทั้งบาดแผลภายในและภายนอก แต่เห็นได้ชัดว่าถูกทำร้ายร่างกายจนตาย

นางจับมือเสี่ยวเฮยมาตรวจดู

ทุกคนไม่เข้าใจว่านางกำลังทำอะไรกันแน่

คนตายคือเสี่ยวไป๋ ควรที่จะตรวจคือศพของเสี่ยวไป๋

ทำไมนางถึงดึงมือเสี่ยวเฮยมาตรวจ?

การกระทำอย่างกะทันหันของนาง ทำให้เสี่ยวเฮยตกใจอย่างมาก

เขาเงยหน้ามองดูโม่เยว่อย่างตื่นตระหนก กลัวท่านอ๋องของตนไม่พอใจ ตัดมือทั้งคู่ของเขา

ความใจแคบของท่านอ๋อง ขี้หึง ยังปกป้องพระชายาราวกับลูกตาล้ำค่า....ใครในค่ายเสินจีไม่รู้บ้าง?

แต่โม่เยว่ก็ไม่โกรธ เพียงจับจ้องมองดูเสี่ยวเฮย แววตานั้น เสี่ยวเฮยรู้สึกขนลุกไปหมด อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายตนเอง

“กำหมัดแน่น”

หยุนหว่านหนิงพูดขึ้นด้วยเสียงเข้ม

เสี่ยวเฮยเชื่อฟัง กำหมัดแน่นตามที่สั่ง

“ออกแรง”

หยุนหว่านหนิงพูดขึ้นอีก

เสี่ยวเฮยไม่เข้าใจว่านางหมายความว่าอย่างไร แต่ก็ใช้แรงทั้งหมดที่มีอย่างเชื่อฟัง

หยุนหว่านหนิงหันไปมองทหารคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลัง พร้อมพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ ต่อยเขาหนึ่งหมัด”

เสี่ยวเฮยอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายา เขา เขาคือ....”

“สั่งให้เจ้าต่อยก็ต่อยไปสิ”

หยุนหว่านหนิงไม่พอใจ

โม่เยว่ก็พอเดารู้แล้ว คิดว่านางคงสืบรู้อะไรบางอย่าง จึงรีบพูดสั่งว่า “ต่อย”

เสี่ยวเฮยจำต้องต่อยออกไป.....

แต่คนคนนั้นเพียงก้าวถอยหลังไปหลายก้าว แล้วก็ยืนมั่น เขาหันมามองโม่เยว่กับหยุนหว่านหนิงอย่างน่าสงสาร พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋อง พระชายา นี่คือ?”

เสี่ยวเฮยรีบพูดขอโทษว่า “ขออภัย หัวหน้าเจิ้ง....”

ที่แท้ คนคนนี้เป็นถึงหัวหน้าคนหนึ่ง

แต่ไม่ใช่หัวหน้าของค่ายเสินจี เขาเป็นหัวหน้าของค่ายห้ากองพล

แล้วเขาก็หันไปมองดูโม่ฮั่นอี่ว์อย่างน่าสงสาร อยากให้เขาช่วยพูดอะไรบ้าง

แต่โม่ฮั่นอี่ว์เพียงโบกมืออย่างรำคาญ พร้อมพูดขึ้นว่า “ก็แค่ถูกต่อยครั้งเดียวเอง? เป็นผู้ชายอกสามศอก มีอะไรน่าสงสาร?”

“ไม่ได้ต่อยเจ้าตายเสียหน่อย”

หยุนหว่านหนิงเดินเข้าไปใกล้หัวหน้าเจิ้ง เขาตกใจจนรีบลุกขึ้นมา มองดูเขาอย่างไม่สบายใจ

“ยื่นมือออกมา”

วันนี้หยุนหว่านหนิงแตกต่างจากปกติอย่างมาก พูดจาน้อยเหลือเกิน

แต่เพราะเหตุนี้ ทำให้ยิ่งดูน่าเกรงขาม

ทำให้ทุกคนรู้สึกว่า นางถอดแบบมาจากโม่เยว่....

สองสามีภรรยาคู่นี้ ตอนนี้ยิ่งอยู่ก็ยิ่งเหมือนสามีภรรยากัน แม้แต่นิสัยก็ยิ่งอยู่ยิ่งเหมือน

หัวหน้าเจิ้งหวาดระแวง แต่ก็ทำได้เพียงยื่นมือออกมาอย่างระมัดระวัง

หยุนหว่านหนิงคว้าจับข้อมือของเขา ตั้งใจตรวจดูชีพจร

แม้แต่โม่ฮั่นอี่ว์ก็ถูกการกระทำของนางดึงดู สะกิดโม่เยว่ พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “เจ้าเจ็ด หว่านหนิงกำลังทำอะไรหรือ?”

โม่เยว่จะไปรู้ได้อย่างไร?

เขาใช้หางตามองดูโม่ฮั่นอี่ว์แวบหนึ่ง

เห็นสีหน้าแปลกใจของเขา....

โม่เยว่พูดหัวเราะเย้ยว่า “ลาโง่”

“อะไรนะ?”

โม่ฮั่นอี่ว์ควักหูตัวเอง นึกว่าตนเองฟังผิดไป

แล้วก็ได้ยินโม่เยว่พูดขึ้นอีกว่า “ไม่เคยเห็นโลกภายนอก”

คราวนี้โม่ฮั่นอี่ว์ไม่พอใจ มองดูเขาอย่างโมโห พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าโง่ ไม่เคยเห็นโลกภายนอก เจ้ารู้งั้นเจ้าบอกข้าสิ นางกำลังทำอะไรอยู่?”

เจ้าเจ็ดมักพูดเสียดสีคนอื่น เขาอยากเลิกคบจริงๆ

จนใจที่สู้ไม่ไหว ทำได้เพียงยอมแพ้

โม่เยว่กวาดสายตามองดูเขาอย่างเรียบเฉย หยุนหว่านหนิงก็ชักมือกลับแล้ว

เขารีบฉวยโอกาส ถามขึ้นว่า “หนิงเอ๋อร์ เป็นอย่างไรบ้าง?”

โม่ฮั่นอี่ว์ที่อยู่ด้านข้าง “.......”

เห็นเจ้าเจ็ดก็ดูเหมือนไม่รู้ว่าหว่านหนิงกำลังทำอะไร?

แล้วเมื่อกี้ทำไมต้องด่าว่าเขาเป็นลาโง่?

“การตายของเสี่ยวไป๋ ไม่ได้เป็นเพราะเสี่ยวเฮยทั้งหมด”

หยุนหว่านหนิงเพิ่งพูดออกมา โม่ฮั่นอี่ว์เป็นคนแรกที่กระโดดออกมาพูดเถียงเป็นคนแรกว่า

“เป็นไปไม่ได้มั้ง?”

เขามองดูหยุนหว่านหนิงอย่างไม่อยากเชื่อ อดไม่ได้ที่สูดลมหายใจเข้าลึก พร้อมพูดขึ้นว่า “นี่ นี่เสี่ยวไป๋ ถูกเสี่ยวเฮยทำร้ายจนกลายเป็นแบบนี้ จนใบหน้าเละเทะไปหมดแล้ว”

“ไม่ใช่เสี่ยวเฮยทำร้าย แล้วจะเป็นใคร?”

เวลานี้ โม่เยว่ถามขึ้นมาว่า “เจ้าตื่นเต้นทำไม? ไม่ใช่ใบหน้าของเจ้าถูกต่อยสักหน่อย”

โม่ฮั่นอี่ว์ค่อยพบว่า ดูเหมือนเขาจะตื่นเต้นเกินเหตุไปหน่อย

เขาไอพร้อมพูดอธิบายขึ้นว่า “ไม่ใช่ ข้าเพียงแค่รู้สึกว่า เสี่ยวเฮยลงมือรุนแรงอยู่เหมือนกัน”

ทุกคนต่างมองดูหยุนหว่านหนิงด้วยสีหน้าสงสัย

รองแม่ทัพหวังรีบถามขึ้นว่า “พระชายา ในเมื่อเสี่ยวไป๋ไม่ได้ถูกเสี่ยวเฮยทำร้ายจนตาย งั้นเป็นฝีมือของใคร?”

รู้ว่าทุกคนสงสัย หยุนหว่านหนิงค่อยพูดอธิบายอย่างใจเย็นว่า “แรงกำลังของเสี่ยวเฮยเมื่อกี้ ทุกคนก็เห็นแล้ว”

“หัวหน้าเจิ้งคนนี้กับเสี่ยวไป๋รูปร่างพอๆกัน ยังตัวผอมกว่าเสี่ยวไป๋ด้วยซ้ำ แต่เสี่ยวเฮยใช้แรงทั้งหมดที่มี ก็ไม่สามารถทำให้เสี่ยวไป๋ล้มได้”

เมื่อกี้นางก็ตรวจดูอย่างละเอียดแล้ว แขนของเสี่ยวเฮย ไม่ใช่ประเภทมีแรง

“ได้ยินรองแม่ทัพหวังพูดว่า ตอนที่เสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ต่อสู้กัน เสี่ยวเฮยต่อยหมัดเดียวเสี่ยวไป๋ก็ล้มลงแล้ว?”

พูดถึงตรงนี้ ทุกคนต่างถกเถียงกันขึ้นมาอย่างมากมาย

โม่เยว่ค่อยเข้าใจขึ้นมา

เขามองดูโม่ฮั่นอี่ว์อย่างเงียบๆแวบหนึ่ง แล้วก็พูดขึ้นว่า “ดังนั้น หนิงเอ๋อร์หมายความว่า เสี่ยวไป๋ถูกเสี่ยวเฮยทำร้ายจนตาย ที่จริงเป็นเพียงสิ่งลวงตา”

“การตายของเสี่ยวไป๋ มีสาเหตุอื่น?”

“อืม”

หยุนหว่านหนิงพยักหัว เป็นคำตอบสุดท้าย

ผู้ชันสูตรศพขมวดคิ้วย่น พร้อมพูดขึ้นว่า “แต่ว่าพระชายา นี่จะเป็นไปได้อย่างไร? เมื่อกี้ข้าก็ตรวจดูแล้ว ผู้ตายไม่ได้มีอาการอย่างอื่น”

“เป็นการตายจากการถูกทำร้ายอย่างรุนแรง”

ผู้ชันสูตรศพเกาหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ผู้ตายไม่ได้ถูกพิษ แล้วจะยังมีสาเหตุอื่นได้อย่างไร?”

ได้ยินแบบนี้ ทุกคนต่างหันไปมองหยุนหว่านหนิง ราวกับรอคอยคำอธิบายจากนาง

เผชิญกับสายตาสงสัยของทุกคน มุมปากหยุนหว่านหนิงค่อยๆยักขึ้น พร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นการตายจากการถูกทำร้ายอย่างรุนแรงจริง”

“แต่คนลงมือ อาจจะไม่ใช่เสี่ยวเฮย....”

เมื่อพูดแบบนี้ออกมา ทุกคนต่างตกตะลึง

สาเหตุการตายอันน่าพิศวงของเสี่ยวไป๋ ยิ่งซับซ้อนยากที่จะแยกแยะได้ชัดเจน.....

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์