อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 487

นี่... นี่ยังเป็นฉินซื่อเสวียคนเดิมกับเมื่อในอดีตอยู่หรือไม่? !

อาจเป็นเพราะฉินซื่อเสวียเข้าวังมาพบนาง จึงแต่งตัวเรียบร้อย สะอาดสะอ้าน ถูกกาลเทศะ

แต่ในดวงตาคู่นั้นของนาง ไม่มีร่องรอยที่บ่งบอกถึงความมีสติสัมปชัญญะหลงเหลืออยู่เลย

เหมือนหุ่นเชิดตัวหนึ่ง ที่ปล่อยให้คนอื่นเชิดได้ตามใจชอบ

ฮองเฮาจ้าวขมวดคิ้ว แค่เห็นแวบเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าฉินซื่อเสวียลูกสะใภ้คนนี้ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงแล้ว .....กระทั่งนางก็ยังจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ หรือจะสมองพิการไปแล้ว?!

นางโบกมืออย่างสลดใจ

จางหมัวมัวสีหน้าห่อเหี่ยว ถอนหายใจหนัก ๆ เฮือกใหญ่: "พระชายาสามใช้การอะไรไม่ได้แล้ว ส่งกลับจวนอ๋องไปเสียเถอะ!"

หลังจากส่งฉินซื่อเสวียกลับไปแล้ว โม่หุยเหยียนก็ขมวดคิ้วก่อนจะหันไปถามฮองเฮาจ้าวว่า

“เสด็จแม่ ต่อจากนี้ท่านมีแผนว่าจะทำอย่างไรต่อไปหรือ?”

ไม่รอให้ฮองเฮาจ้าวทันได้ตอบอะไร เขาก็พูดกับตัวเองขึ้นมาว่า "เจ้าสามถูกเสด็จพ่อส่งไปที่เขาซีเซียงแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่ถึงจะถูกย้ายกลับมาเมืองหลวง"

“เมียของเจ้าสามใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้แล้ว คิดว่าทางจวนเฉิงเซี่ยงก็คงจะไม่เสียเวลาไปสนใจใยดีอะไรนางมากนัก”

ฉินตงหลินเป็นพวกเจ้าเล่ห์อย่างร้ายกาจ ประจบคนฐานะสูง เหยียบย่ำคนฐานะต่ำ

ช่วงนี้เขาแทบจะไม่เคยย่างกรายเข้าไปในจวนอ๋องสามอีกเลย สำหรับมุมมองที่มีต่อฉินซื่อเสวียลูกสาวคนนี้ของเขา.....

ถ้าเดาไม่ผิดก็คือยอมแพ้ไปแล้ว

ตัวหลักใช้การอะไรไม่ได้แล้ว แต่เขายังมีตัวสำรอง

ซึ่งตัวสำรองที่ว่านี้ ถือว่ายังใช้เป็นอาวุธสังหารได้!

ในบรรดาสองศรีพี่น้องฉินซื่อเสวียกับฉินเย่วหลิ่ว ตอนนี้ฉินตงหลินกำลังมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนฉินเย่วหลิ่วอยู่ เพราะว่าตามจริงในบรรดาท่านอ๋องทั้งหลายเหล่านี้ ยังมีอีกท่านหนึ่งที่ยังไม่ได้แต่งงานมีลูกเลยนะ.....

แต่ต่อให้แต่งงานมีลูกมีเมียแล้ว ก็ไม่เป็นไรอยู่ดี

แต่งงานแล้ว ก็หย่าได้นี่!

หลังจากหย่าแล้ว ค่อยแต่งงานมีลูกมีเมียใหม่ก็ไม่ใช่ปัญหา

พวกท่านอ๋องในราชวงศ์ย่อมแตกต่างจากผู้ชายทั่วไป เพราะพวกเขาต้องสืบทอดเชื้อสายราชนิกูล ต้องมีทายาทเพื่อขยายราชวงศ์ให้ยั่งยืนต่อไป!

สายตาของฉินตงหลิน ถอนออกไปจากโม่หุยเฟิงตั้งนานแล้ว และตอนนี้ก็ได้ย้ายไปจับจ้องที่ท่านอ๋องคนอื่นแล้วเป็นที่เรียบร้อย

“เสด็จแม่ ถ้าเจ้าสามไม่อาจมีโอกาสใด ๆ ได้อีกแล้ว ข้าก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด!”

โม่หุยเหยียนเงยหน้าขึ้น ในดวงตาเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน!

ฮองเฮาจ้าวอดตกตะลึงไม่ได้

นางคิดมาตลอดว่า ลูกชายคนโตคนนี้เป็นพวกไร้ประโยชน์ ไม่เพียงมีนิสัยอ่อนแอ ไม่ชอบต่อสู้แย่งชิง ทั้งยังเรื่อย ๆ เฉื่อย ๆ จึงไม่ค่อยได้รับความสำคัญจากโม่จงหรานนัก

เมื่อมาเห็นเขาในวันนี้ มันทำให้นางรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง!

เขาถึงกับมีคำว่า “ทะเยอทะยาน” เขียนติดอยู่บนหน้าเลยด้วยซ้ำ!

เดิมทีนางคิดว่าโม่หุยเฟิงมีความสามารถ แต่คาดไม่ถึงว่าประมือกับโม่เยว่หลายครั้งก็ถูกขับไล่ไปเขาซีเซียง ทั้งยังสูญเสียบรรดาศักดิ์ รวมถึงความเห็นคุณค่าจากโม่จงหรานไปจนหมด

สำหรับลูกชายคนโต ไม่แน่ว่าโอกาสอาจจะมาถึงแล้วจริง ๆ ก็ได้!

ฮองเฮาจ้าวกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก

ผ่านไปไม่นานนางก็ขยับริมฝีปาก รอบด้านเงียบกริบ

นางจึงต้องเริ่มใช้ภาษามือด้วยท่าทางหงุดหงิดเสียอารมณ์

จางหมัวมัวมองตาไม่กระพริบ จับจ้องที่สองมือของนางอย่างละเอียด: "ท่านอ๋อง เหนียงเหนียงบอกว่าหากท่านคิดจะพยายามทำให้เต็มที่ เหนียงเหนียงก็จะช่วยท่านอย่างเต็มกำลังแน่นอน!"

ความหมายคือ เสด็จแม่ยินดีที่จะสนับสนุนเขาอย่างนั้นรึ? !

โม่หุยเหยียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก

"ขอบพระทัยเสด็จแม่!"

จากนั้นเขาก็รีบพูดขึ้นว่า "แต่ขอเสด็จแม่โปรดให้คำชี้แนะด้วยเถิด!"

ตอนนี้เขาถูกโม่จงหราน "เลี้ยงแบบปล่อยปละละเลย" ทั้งยังถูกบรรดาพี่น้องคนอื่น ๆ เบียดบังผลประโยชน์ ซ้ำหนานกงเยว่ก็กลับไปตงจวิ้นอีก ส่วนเรือนหลังของจวนอ๋องฉู่ก็วุ่นวายโกลาหล เละเทะไม่มีชิ้นดี

สำหรับโม่หุยเหยียน อธิบายได้คำเดียวเลยว่าต้องเผชิญทั้งปัญหาภายในและภายนอก!

ฮองเฮาจ้าวครุ่นคิดอย่างหนัก

หลังจากนั้นไม่นาน นางก็เริ่มมีการเคลื่อนไหว

ดวงตาของจางหมัวมัวกะพริบตามการเคลื่อนไหวของนางไม่หยุด แต่ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ยังไม่พูดอะไรออกมา

โม่หุยเหยียนเห็นดังนั้น ก็ถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า "จางหมัวมัว มีอะไรรึ?"

จางหมัวมัวกลับมารู้ตัวมีสติอีกครั้ง นางยิ้มอย่างร้อนตัว "ไม่มีอะไรเพคะท่านอ๋อง! สิ่งที่เหนียงเหนียงต้องการจะสื่อเมื่อครู่นี้ก็คือ..... หากท่านอ๋องคิดจะหาทางพลิกตัวกลับมาใหม่ โอกาสทั้งหมดล้วนอยู่ในมือของท่านอ๋องแล้ว!"

“ยกตัวอย่างเช่น ลูกในท้องของล่ายอี๋เหนียง”

ฮองเฮาจ้าวพยักหน้า เป็นการแสดงให้เห็นว่านางพูดถูก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์