นี่... นี่ยังเป็นฉินซื่อเสวียคนเดิมกับเมื่อในอดีตอยู่หรือไม่? !
อาจเป็นเพราะฉินซื่อเสวียเข้าวังมาพบนาง จึงแต่งตัวเรียบร้อย สะอาดสะอ้าน ถูกกาลเทศะ
แต่ในดวงตาคู่นั้นของนาง ไม่มีร่องรอยที่บ่งบอกถึงความมีสติสัมปชัญญะหลงเหลืออยู่เลย
เหมือนหุ่นเชิดตัวหนึ่ง ที่ปล่อยให้คนอื่นเชิดได้ตามใจชอบ
ฮองเฮาจ้าวขมวดคิ้ว แค่เห็นแวบเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าฉินซื่อเสวียลูกสะใภ้คนนี้ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงแล้ว .....กระทั่งนางก็ยังจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ หรือจะสมองพิการไปแล้ว?!
นางโบกมืออย่างสลดใจ
จางหมัวมัวสีหน้าห่อเหี่ยว ถอนหายใจหนัก ๆ เฮือกใหญ่: "พระชายาสามใช้การอะไรไม่ได้แล้ว ส่งกลับจวนอ๋องไปเสียเถอะ!"
หลังจากส่งฉินซื่อเสวียกลับไปแล้ว โม่หุยเหยียนก็ขมวดคิ้วก่อนจะหันไปถามฮองเฮาจ้าวว่า
“เสด็จแม่ ต่อจากนี้ท่านมีแผนว่าจะทำอย่างไรต่อไปหรือ?”
ไม่รอให้ฮองเฮาจ้าวทันได้ตอบอะไร เขาก็พูดกับตัวเองขึ้นมาว่า "เจ้าสามถูกเสด็จพ่อส่งไปที่เขาซีเซียงแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่ถึงจะถูกย้ายกลับมาเมืองหลวง"
“เมียของเจ้าสามใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้แล้ว คิดว่าทางจวนเฉิงเซี่ยงก็คงจะไม่เสียเวลาไปสนใจใยดีอะไรนางมากนัก”
ฉินตงหลินเป็นพวกเจ้าเล่ห์อย่างร้ายกาจ ประจบคนฐานะสูง เหยียบย่ำคนฐานะต่ำ
ช่วงนี้เขาแทบจะไม่เคยย่างกรายเข้าไปในจวนอ๋องสามอีกเลย สำหรับมุมมองที่มีต่อฉินซื่อเสวียลูกสาวคนนี้ของเขา.....
ถ้าเดาไม่ผิดก็คือยอมแพ้ไปแล้ว
ตัวหลักใช้การอะไรไม่ได้แล้ว แต่เขายังมีตัวสำรอง
ซึ่งตัวสำรองที่ว่านี้ ถือว่ายังใช้เป็นอาวุธสังหารได้!
ในบรรดาสองศรีพี่น้องฉินซื่อเสวียกับฉินเย่วหลิ่ว ตอนนี้ฉินตงหลินกำลังมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนฉินเย่วหลิ่วอยู่ เพราะว่าตามจริงในบรรดาท่านอ๋องทั้งหลายเหล่านี้ ยังมีอีกท่านหนึ่งที่ยังไม่ได้แต่งงานมีลูกเลยนะ.....
แต่ต่อให้แต่งงานมีลูกมีเมียแล้ว ก็ไม่เป็นไรอยู่ดี
แต่งงานแล้ว ก็หย่าได้นี่!
หลังจากหย่าแล้ว ค่อยแต่งงานมีลูกมีเมียใหม่ก็ไม่ใช่ปัญหา
พวกท่านอ๋องในราชวงศ์ย่อมแตกต่างจากผู้ชายทั่วไป เพราะพวกเขาต้องสืบทอดเชื้อสายราชนิกูล ต้องมีทายาทเพื่อขยายราชวงศ์ให้ยั่งยืนต่อไป!
สายตาของฉินตงหลิน ถอนออกไปจากโม่หุยเฟิงตั้งนานแล้ว และตอนนี้ก็ได้ย้ายไปจับจ้องที่ท่านอ๋องคนอื่นแล้วเป็นที่เรียบร้อย
“เสด็จแม่ ถ้าเจ้าสามไม่อาจมีโอกาสใด ๆ ได้อีกแล้ว ข้าก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด!”
โม่หุยเหยียนเงยหน้าขึ้น ในดวงตาเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน!
ฮองเฮาจ้าวอดตกตะลึงไม่ได้
นางคิดมาตลอดว่า ลูกชายคนโตคนนี้เป็นพวกไร้ประโยชน์ ไม่เพียงมีนิสัยอ่อนแอ ไม่ชอบต่อสู้แย่งชิง ทั้งยังเรื่อย ๆ เฉื่อย ๆ จึงไม่ค่อยได้รับความสำคัญจากโม่จงหรานนัก
เมื่อมาเห็นเขาในวันนี้ มันทำให้นางรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง!
เขาถึงกับมีคำว่า “ทะเยอทะยาน” เขียนติดอยู่บนหน้าเลยด้วยซ้ำ!
เดิมทีนางคิดว่าโม่หุยเฟิงมีความสามารถ แต่คาดไม่ถึงว่าประมือกับโม่เยว่หลายครั้งก็ถูกขับไล่ไปเขาซีเซียง ทั้งยังสูญเสียบรรดาศักดิ์ รวมถึงความเห็นคุณค่าจากโม่จงหรานไปจนหมด
สำหรับลูกชายคนโต ไม่แน่ว่าโอกาสอาจจะมาถึงแล้วจริง ๆ ก็ได้!
ฮองเฮาจ้าวกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก
ผ่านไปไม่นานนางก็ขยับริมฝีปาก รอบด้านเงียบกริบ
นางจึงต้องเริ่มใช้ภาษามือด้วยท่าทางหงุดหงิดเสียอารมณ์
จางหมัวมัวมองตาไม่กระพริบ จับจ้องที่สองมือของนางอย่างละเอียด: "ท่านอ๋อง เหนียงเหนียงบอกว่าหากท่านคิดจะพยายามทำให้เต็มที่ เหนียงเหนียงก็จะช่วยท่านอย่างเต็มกำลังแน่นอน!"
ความหมายคือ เสด็จแม่ยินดีที่จะสนับสนุนเขาอย่างนั้นรึ? !
โม่หุยเหยียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
"ขอบพระทัยเสด็จแม่!"
จากนั้นเขาก็รีบพูดขึ้นว่า "แต่ขอเสด็จแม่โปรดให้คำชี้แนะด้วยเถิด!"
ตอนนี้เขาถูกโม่จงหราน "เลี้ยงแบบปล่อยปละละเลย" ทั้งยังถูกบรรดาพี่น้องคนอื่น ๆ เบียดบังผลประโยชน์ ซ้ำหนานกงเยว่ก็กลับไปตงจวิ้นอีก ส่วนเรือนหลังของจวนอ๋องฉู่ก็วุ่นวายโกลาหล เละเทะไม่มีชิ้นดี
สำหรับโม่หุยเหยียน อธิบายได้คำเดียวเลยว่าต้องเผชิญทั้งปัญหาภายในและภายนอก!
ฮองเฮาจ้าวครุ่นคิดอย่างหนัก
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็เริ่มมีการเคลื่อนไหว
ดวงตาของจางหมัวมัวกะพริบตามการเคลื่อนไหวของนางไม่หยุด แต่ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ยังไม่พูดอะไรออกมา
โม่หุยเหยียนเห็นดังนั้น ก็ถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า "จางหมัวมัว มีอะไรรึ?"
จางหมัวมัวกลับมารู้ตัวมีสติอีกครั้ง นางยิ้มอย่างร้อนตัว "ไม่มีอะไรเพคะท่านอ๋อง! สิ่งที่เหนียงเหนียงต้องการจะสื่อเมื่อครู่นี้ก็คือ..... หากท่านอ๋องคิดจะหาทางพลิกตัวกลับมาใหม่ โอกาสทั้งหมดล้วนอยู่ในมือของท่านอ๋องแล้ว!"
“ยกตัวอย่างเช่น ลูกในท้องของล่ายอี๋เหนียง”
ฮองเฮาจ้าวพยักหน้า เป็นการแสดงให้เห็นว่านางพูดถูก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...