อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 489

“เกิดเรื่องใหญ่? เรื่องอะไรหรือ?”

ดวงตาของหยุนหว่านหนิงหดเกร็งขึ้นมาทันที

แต่เสวียนซานเซียนเซิงไม่เปิดโอกาสให้มังกรตาเดียวได้พูด ใช้มือข้างหนึ่งลากเขาไปโยนทิ้งไว้ข้างหลังทันที "ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรนักหรอก ดังนั้นฟังเรื่องของข้าก่อนเถอะ!"

"เจ้านี่มัน....."

มังกรตาเดียวเพิ่งจะอ้าปาก ก็เห็นเสวียนซันเซียนเซิงชี้มือใส่ "นี่เจ้าคิดจะแทรกแถวอย่างนั้นสินะ?"

"เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าข้ามาก่อน! ข้ายังพูดไม่ทันจบเลยนะ ถ้าเจ้าคิดจะแทรกแถวล่ะก็ ข้าจะไม่เกรงใจเจ้าแล้วนะ! ไสหัวไปรออยู่ทางโน้นไป๊! "

เขาผลักมังกรตาเดียวออกไปอย่างไม่เกรงใจ

มังกรตาเดียวอ้าปากกว้าง พูดบางอย่างด้วยท่าทางร้อนใจ

แต่เขากลับไม่สามารถส่งเสียงอะไรออกมาได้เลย!

กลับกัน ท่าทางที่ดูกังวลร้อนรนใจของเขา ยิ่งทำให้เขาดูเหมือนลิงกอริลลามาก ๆ!

ท่าทางที่ดูน่าตลกนั้น ทำให้พวกหยุนหว่านหนิงหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่

มังกรตาเดียวเพิ่งมารู้ตัวเอาทีหลังว่า ตอนนี้เขาถึงกับกลายเป็นคนใบ้ไปแล้ว? !

เขามองไปที่เสวียนซันเซียนเซิงด้วยสีหน้าตื่นตระหนกสุดขีด..... จากนั้นค่อยปากอ้าตาค้าง ชายชราคนนี้แค่ชี้นิ้วใส่ เขาก็กลายเป็นคนใบ้ไปเลย? !

ชายชราคนนี้ เป็นเทพเซียนอย่างนั้นรึ? !

เมื่อมีเทพเซียนอยู่ตรงหน้า มังกรตาเดียวก็ไม่กล้าโอหังอีกต่อไป จึงทำได้แต่ยืนนิ่ง ๆ อยู่อีกด้านด้วยสีหน้าหมองหม่น รอให้เสวียนซันเซียนเซิงพูดจบ

เมื่อเห็นว่าเขาหุบปากตัวเองอย่างเชื่อฟัง เสวียนซันเซียนเซิงก็แค่นเสียงในลำคอเบา ๆ

“นังหนูหว่านหนิง เจ้าทำใจได้ที่เห็นข้าซึ่งอายุปูนนี้แล้ว ก็ยังต้องอยู่โดดเดี่ยวลำพังไปจนแก่ตายอย่างนั้นหรือ?”

เสวียนซันเซียนเซิงคว้าแขนเสื้อของหยุนหว่านหนิง ก่อนจะบีบน้ำตาด้วยท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจ "ความรู้สึกของคนที่ต้องกอดหมอนนอนหนาวอยู่คนเดียว เจ้าคงไม่เข้าใจสินะ!"

"ข้าเข้าใจ"

“ไม่! เจ้าไม่เข้าใจ!”

"ข้าเข้าใจจริง ๆ!"

“เจ้ามีสามี ทั้งยังมีลูกชาย เจ้าเข้าใจกับผีน่ะสิ!”

เสวียนซันเซียนเซิงยั้งใจไม่ไหว สบถคำหยาบคายออกมาประโยคหนึ่ง

หยุนหว่านหนิง: "...โปรดใส่ใจกับภาพลักษณ์ของตัวเองด้วย ท่านเซียนเฒ่า"

นางถูกไอ้ชาติหมาแซ่โม่นั่นสั่งกักบริเวณตั้งนานขนาดนั้น ทำไมนางจะไม่เข้าใจล่ะ? !

เสวียนซันเซียนเซิงลูบ ๆ ปลายคางตัวเอง "คนงามผู้นั้นช่างดึงดูดสายตาของข้าจริง ๆ! ไม่สู้ให้ข้าวาดรูปออกมาสักรูป พอเจ้ากลับไปเมืองหลวงแล้ว ก็ช่วยข้าตามหาคนสักหน่อยดีหรือไม่?"

หยุนหว่านหนิง: "....."

เสวียนซันเซียนเซิงผู้ทรงเกียรติ ช่างมีหนังหน้าที่หนากว่ากำแพงเมืองซะอีก

ตอนนี้เขาบอกนางว่า เมื่อตอนนั้นเขาไม่กล้าเข้าไปทักทายสาวงามคนนั้นงั้นเรอะ? !

“บอกข้ามาก่อนว่า คนงามที่ว่านั่นดูแล้วอายุอานามประมาณเท่าไหร่?”

“เจ้าอย่าห่วงไปเลยน่า เดี๋ยวข้าวาดออกมาแล้วเจ้าก็จะรู้เองนั่นแหล่ะ”

เสวียนซันเซียนเซิงกระตือรือร้นที่จะวาดรูปอย่างยิ่ง ทำท่าคันไม้คันมือพร้อมวาดเต็มที่

ด้วยความจนใจ หยุนหว่านหนิงทำได้แค่บอกให้หยวนเป่าพาเสวียนซันเซียนเซิงกลับไปที่เรือนหลัง สั่งคนเตรียมพู่กัน หมึก กระดาษ และหินฝนหมึกให้เขาวาดรูป

เสวียนซันเซียนเซิงเดินออกไปสองสามก้าว แล้วยื่นนิ้วไปที่มังกรตาเดียวอีกครั้ง "ตอนนี้เจ้าพูดได้แล้ว! แต่ข้าจะให้เวลาเจ้าแค่หนึ่งจิบถ้วยชา ถ้าเจ้าพูดให้คนเข้าใจไม่ได้ก็ไม่ต้องพูดอะไรอีก อย่ามาทำให้เรื่องมงคลตลอดชีวิตของข้าต้องล่าช้า!”

มังกรตาเดียว: "....."

เขาลองส่งเสียงเรียก "กูหน่ายนาย?"

"เกิดอะไรขึ้นล่ะ?"

หยุนหว่านหนิงเดินไปที่ม้านั่งหินที่อยู่ข้าง ๆ แล้วนั่งลง

ถ้ามีที่ให้นั่ง ยังไงนางก็จะไม่ยืนแน่ ๆ

มังกรตาเดียวเดินตุปัดตุเป๋ตามหลังนางไป "คนเมื่อครู่นี้เป็นเซียนเฒ่าตัวจริงอย่างนั้นรึ?"

"อือฮึ"

“ในเมื่อเป็นถึงเทพเซียน ทำไมเมื่อครู่ถึงเข้ามาทางประตูหน้าแบบสง่าผ่าเผยไม่ได้ล่ะ? ทำไมถึงต้องโยนข้าลงมาจากกำแพงสูงขนาดนั้นด้วย?! นี่ไม่เท่ากับปล่อยให้ความสามารถของเทพเซียนระดับนี้ต้องสูญเปล่าหรอกหรือ?”

มังกรตาเดียวอดบ่นไม่ได้

ตอนร่วงลงมา เอวเขาแทบจะหักอยู่แล้ว!

“ที่เมืองหลวงเกิดเรื่องอะไรขึ้นรึ?”

หยุนหว่านหนิงถามอีกครั้ง

แต่ไหนแต่ไรมาเสวียนซันเซียนเซิงไม่เคยเดินตามเส้นทางปกติ นางเข้าใจดี

ดังนั้นนางเองก็ไม่มีอะไรจะพูด ทำได้แค่มุ่งความสนใจไปที่เรื่องใหญ่ที่มังกรตาเดียวเพิ่งจะพูดถึงเท่านั้น

นางสั่งให้มังกรตาเดียวคอยจับตามองจวนอ๋องฉู่

ตอนนี้มังกรตาเดียวมาตำหนักสิงกงเพื่อส่งข้อความ นั่นหมายความว่าจวนอ๋องฉู่ต้องมีการเคลื่อนไหวอะไรบางอย่างแน่

“หรือว่าจวนอ๋องฉู่เกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว?”

"ใช่ขอรับ"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์