ไม่ต้องหันกลับมาไปมอง ก็นึกสภาพขบเขี้ยวเคี้ยวฟันของโม่หุยเฟิงในตอนนี้ออกได้
โม่เยว่เดินต่อไปอย่างไม่สนใจเขา
ภายใต้การประคองขององครักษ์ โม่หุยเฟิงก็เร่งฝีเท้าเดินกะเผลกตามไป จนกระทั่งหยุดอยู่ตรงหน้าโม่เยว่ จึงค่อยผลักองครักษ์ด้านข้างออก
“เจ้าเจ็ด ข้าเรียกเจ้าอยู่ เจ้าหูหนวกไปแล้วหรือ?”
“ขออภัย ขออ๋องหยิงเปลี่ยนภาษาพูดกับข้าด้วย”
โม่เยว่มองเขาอย่างสงบเยือกเย็น “เมื่อครู่เจ้าบอกกับเสด็จพ่อว่า ข้าเป็นสุนัข”
"สิ่งที่เจ้าพูดนั้น ข้าฟังไม่รู้เรื่อง!ดังนั้น โปรดใช้ภาษาสุนัขพูดกับข้า"
ภาษาสุนัข? !
ไอ้หมอนี่ กำลังเยาะเย้ยเขา หรือเยาะเย้ยตัวเองอยู่กันแน่? !
"เจ้าอย่ามากเกินไปนะ!"
โม่หุยเฟิงโมโหจนหน้าบิดเบี้ยวไปหมด "นี่เจ้าจงใจจะเป็นศัตรูกับข้าใช่หรือไม่?! ขอเพียงเจ้าขอโทษข้าเดี๋ยวนี้ เรื่องในเมื่อคืนนี้ข้าจะไม่ถือสาอีก!"
โม่เยว่ไม่อยากเถียงกับเขาเยอะ จึงหันหลังเดินจากไป
แต่ใครจะไปรู้ว่า โม่หุยเฟิงก็เหมือนหนอนตามก้น ตามขึ้นมา “ข้ากำลังคุยกับเจ้า!” (หนอนตามก้น=บุคคลที่มักจะตามผู้อื่น)
“ขอโทษ? เป็นไปไม่ได้”
จากนั้นโม่เยว่ก็หยุดลง และมองดูเขาเหมือนจะหัวเราะก็ไม่ได้หัวเราะ "เรื่องในเมื่อคืนนี้ ข้าหาหลักฐานได้แล้ว"
“หากพี่สามไม่อยากให้เสด็จพ่อรู้เรื่องนี้ ก็คุกเข่ารับผิดต่อข้า และสัญญาว่าจะไม่ทำอีกในภายหลัง มิฉะนั้น ไม่แน่วันไหน ข้าก็จะนำหลักฐานไปวางต่อหน้าเสด็จพ่อ"
โม่หุยเฟิงให้ตัวเองขอโทษเขา?
หยุนหว่านหนิงเคยกล่าวไว้ว่า ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยวิธีของเขาเองนั้นยังไม่พอ
ต้อง เอาคืนสองเท่า
"เจ้า……"
สีหน้าของโม่หุยเฟิงเปลี่ยนไป "เจ้ากำลังคุกคามข้าหรือ?!"
“หากพี่สามคิดว่าคือการคุกคาม งั้นก็ใช่แหละ”
โม่เยว่เหลือบมองเขาอย่างเฉยชา
ทั้งสองคน "พัวพัน" กันตลอดทาง……ก็ไม่ถือเป็นการพัวพัน เป็นแค่โม่หุยเฟิงเท่านั้นที่ไปพัวพันโม่เยว่เพียงฝ่ายเดียว ไม่นานก็ออกจากประตูวัง หน้าวังมีรถม้าจอดไว้คันหนึ่ง
เมื่อเห็นโม่เยว่ออกมา หยุนหว่านหนิงก็กระโดดออกจากรถม้า
“เจ้ามาได้อย่างไร?”
โม่เยว่รู้สึกคาดไม่ถึงเล็กน้อย
“ท่านอ๋องบาดเจ็บ หม่อมฉันเป็นห่วง จึงมารับท่านกลับจวน”
หยุนหว่านหนิงพูดอย่างอ่อนโยน และก้าวไปข้างหน้าเพื่อประคองเขาขึ้นรถม้า
รับเขากลับจวน?
ผู้หญิงคนนี้กำลังวางแผนอะไรกันแน่?
น้ำเสียงยังอ่อนโยนเช่นนี้ แถมเอาใจใส่เช่นนี้……หรือว่า อยากได้ของอะไร หรืออยากขออะไร จึงได้ผิดปกติเยี่ยงนี้? !
โม่เยว่แอบกระซิบซุบซิบระแวงอยู่ในใจ
โม่หุยเฟิงมองดูหยุนหว่านหนิงและโม่เยว่ที่รักกันอย่างนี้ รู้สึกขัดตายิ่งนัก
“เจ้าเจ็ดนี่อ่อนแอยิ่งนัก ถึงกับต้องให้ผู้หญิงมารับ”
เขาเยาะเย้ยเสียดสี “หากเสด็จพ่อรู้เรื่องนี้เข้า คงไม่มอบค่ายเสินจีให้กับคนขี้ขลาดเช่นนี้แน่นอน”
“นี่พี่สามอิจฉาหรึ?”
โม่เย่เลิกคิ้วขึ้น “ถ้าเจ้าอิจฉา ก็ให้พี่สะใภ้สามมารับเจ้าก็ได้”
หยุนหว่านหนิงพูดขึ้นมาในเวลาที่เหมาะสม “ท่านอ๋อง ท่านลืมไปแล้วหรือ?พระชายาหยิงถูกอ๋องหยิงกักตัวมาหลายวันแล้ว จะมารับอ๋องหยิงได้อย่างไร?”
“ออ ข้าลืมเรื่องนี้ไปจริงด้วย”
โม่เยว่พยักหน้า และพูดอย่างจริงจังว่า “พี่สาม แต่พี่สะใภ้ถูกกักตัวอยู่ งั้นก็ช่วยไม่ได้แล้ว”
น้ำเสียงของเขา มีความเห็นอกเห็นใจเล็กน้อย "เจ้ากลับไปเองเถอะ"
"พวกเจ้า……"
โม่หุยเฟิงโกรธมาก จ้องมองทั้งสองคนอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่ก็พูดอะไรไม่ออก
เขาอยากจะบอกว่า พวกเขารังแกคนเกินไปแล้ว
แต่ก็ไม่อยากให้พวกเขารู้ว่าเขาอิจฉาจริงๆ
“อ๋องหยิง เมื่อครู่ได้ยินใต้เท้าหลี่กล่าวว่า เมื่อคืนท่านโดนสุนัขกัด……นี่ช่างเป็นเรื่องที่ยุ่งยากยิ่งนัก หากถูกสุนัขกัดแล้ว ต้องรีบฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ!”
หยุนหว่านหนิงส่ายหัวและถอนหายใจ สายตาที่มองดูเขานั้นเต็มไปด้วยความเห็นใจ
“วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า?”
โม่หุยเฟิงขมวดคิ้ว “หยุนหว่านหนิง เจ้าเล่นลูกไม้อะไรอีกแล้ว?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...