อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 518

ข่าวเรื่องที่หยุนหว่านหนิงถูกนำตัวเข้าไปไว้ในคุกหลวงแพร่กระจายไปทั่วพระราชวังเพียงชั่วข้ามคืน

โม่จงหราน ให้คำสั่งว่าปิดปากให้แน่น เรื่องนี้จะมิเผยแพร่ออกจากพระราชวังหลวง

เนื่องด้วยหรูโม่จงใจปิดบังเป็นความลับ โม่เยว่จึงยังมิรู้เรื่องนี้ แต่แม้ว่าโม่จงหรานจะเอ่ยให้ปิดปากเงียบ แต่เรื่องนี้ก็ถูกแพร่กระจายไปในเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว

มีคนมากมายเกิดลางสังหรณ์ว่าเมืองหลวงเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว

เมื่อมิกี่วันก่อน อ๋องฮั่นถูกโยนเข้าไปในคุกหลวง จากนั้นอ๋องหมิงก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย

หลังจากที่อ๋องหมิงถูกวางยาพิษ คุณชายใหญ่ตระกูลโจวก็ถูกจับ จากนั้นพระชายาหมิงก็ถูกโยนเข้าคุกหลวงด้วยเช่นกัน

ผู้คนมากมายรู้สึกว่านี่เป็นบทนำสู่การเปลี่ยนแปลงของเบื้องบน

ณ ตระกูลกู้

กู้ป๋อจ้งเดินไปมาอย่างใจจดใจจ่อ “หนิงเอ๋อร์ เจ้าเด็กนั่น ข้าสั่งให้นางทำตัวถ่อมตนเข้าไว้ แต่นางมิฟัง บัดนี้เป็นอย่างไรเล่า เอาตนเองเข้าไปอยู่ในคุกหลวงจนได้!”

เมื่อเห็นว่าเขาเป็นเดือดเป็นร้อนเช่นนี้ กู้หมิงกลับมิได้รู้สึกทุกข์ร้อนใจ

เขาเอ่ยเกลี้ยกล่อมเบาๆ ว่า “พ่อ บางทีเรื่องราวอาจมิได้ย่ำแย่ดังที่ด้านนอกเล่าขานกันก็ได้”

“บัดนี้หนิงเอ๋อร์ถูกโยนตัวเข้าไปในคุกหลวงแล้ว เรียกว่ามิย่ำแย่พอหรือ!”

กู้ป๋อจ้งยกมือขึ้นกุมหน้าผากอันเหี่ยวย่น “เจ้าคิดว่าฮ่องเต้ทรงคิดอย่างไรกันแน่?”

“หากเป็นเพราะเรื่องของอ๋องฉู่ ก็มิจำเป็นต้องจะต้องโยนตัวหนิงเอ๋อร์เข้าไปในคุกหลวง นอกจากนี้เมื่อคืนที่ผ่านมา จวนอ๋องฉู่ได้ส่งหนังสือขอโทษไปยังทั่วสารทิศ อีกทั้งอ๋องฉู่ก็ได้เดินทางไปขอโทษอ๋องหมิงแล้วมิใช่หรือ?”

แน่นอนว่าโม่หุยเหยียนมิอาจแบกหน้าไปมอบจดหมายการขอโทษด้วยตนเอง

ด้วยเหตุนี้เมื่อคืนกลางดึก เขาจึงได้ส่งคนออกไปแจกจ่ายหนังสือขอโทษ

เช้าตรู่วันนี้ ทั้งเมืองหลวงจึงได้มีเรื่องแพร่หลาย

มีอยู่สองเรื่องหลักๆ

เรื่องที่หนึ่ง อ๋องฉู่เอ่ยขอโทษอ๋องหมิงทางจดหมาย ตัวอักษรนั้นดูจริงจังจากใจ คำพูดดูออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจอย่างมิละอาย

เรื่องที่สอง พระชายาหมิงผู้อวดดีมาโดยตลอด ได้ยินมาว่านางก่อเรื่องให้ฮ่องเต้กริ้วเสียจนถูกโยนตัวเข้าไปในคุกหลวง

ด้วยเหตุนี้เอง ฮ่องเต้ผู้ตามใจนางมาโดยตลอด ในวันนี้มิอาจทนได้ จึงได้จับนางโยนเข้าไปในคุกหลวง เกรงว่าอนาคตของพระชายาหมิงคงจะมิสดใสอีกต่อไป......

เนื่องจากกู้ป๋อจ้งคุ้นเคยกับการตื่นเช้า ยิ่งเคยชินกับการตื่นมาเพื่อรำไทเก๊กที่หยุนหว่านหนิงสอนในทุกๆ เช้า

เมื่อเขาได้ยินเรื่องนี้ จะให้เขาวางใจรำไทเก๊กต่อได้อย่างไร?

เมื่อเห็นใบหน้าอันโศกเศร้าของเขา กู้ป๋อจ้งก็พึมพำกับตนเองว่า “หากท่านพ่อมิวางใจ ลูกจะไปที่จวนหย่วนตงโหวให้เซียวหรานเดินทางเข้าวัง เพื่อร้องขอเรื่องนี้ต่อฮ่องเต้”

“จวนอ๋องหมิงยังมิมีความเคลื่อนไหวใด คาดว่าอ๋องหมิงคงยังมิรู้เรื่องนี้”

“อืม”

กู้ป๋อจ้งพยักหน้า

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็ส่ายหน้า “มิได้ มิรู้ว่าหนิงเอ๋อร์ไปก่อเรื่องยั่วยุอะไรฮ่องเต้จึงได้กริ้วเช่นนี้ เรื่องนี้จะให้เซียวหรานออกหน้าเองมิได้ ข้าเกรงว่าจะทำให้จวนหย่วนตงโหวต้องเดือดร้อนไปด้วย”

“ข้าเดินทางเข้าวังเองจะดีกว่า”

“แต่ว่าท่านพ่อ ท่านออกจากตำแหน่งขุนนางมาสิบกว่าปีแล้ว”

กู้หมิงตกใจมาก

ด้วยเรื่องของหยุนหว่านหนิงทำให้กู้ป๋อจ้งตัดสินใจจะกลับคืนสู่ยุทธจักรอีกครั้งหรือ?

“บัดนี้เพื่อหนิงเอ๋อร์แล้ว ข้าทำได้เพียงบากหน้าเหี่ยวย่นนี้ของข้าออกไป ด้วยหวังว่าฮ่องเต้จะเห็นแก่ตระกูลกู้ของเรา ที่สนับสนุนช่วยเหลือราชวงศ์มาโดยตลอด และไว้หน้าข้าบ้าง”

กู้ป๋อจ้งถอนหายใจก้มหน้า จากนั้นสั่งให้คนจัดเตรียมรถม้าเข้าวังในทันที

คิดมิถึงว่าทันทีที่เขาเดินเข้าไปในประตูพระราชวัง ก็พบกับโม่เหว่ยที่เดินกลับออกมาอย่างสิ้นหวัง

“นายท่านกู้ ท่านจะเข้าวังเพื่อร้องขอแทนหว่านหนิงงั้นหรือ มิจำเป็นต้องไปหรอก”

โม่เหว่ยพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ข้าได้เข้าไปอ้อนวอนแทนหว่านหนิงแล้ว แต่ถูกเสด็จพ่อขับไล่ออกมา มิรู้ว่าเหตุใดหว่านหนิงจึงทำให้เสด็จพ่อกริ้วเช่นนี้”

หัวใจของกู้ป๋อจ้งเกร็งขึ้นทันที

แต่เมื่อคิดดู หนิงเอ๋อร์แม่หนูผู้นั้นมิเคยเกรงกลัวสิ่งใด

การที่นางทำให้ฮ่องเต้รู้สึกกริ้วได้เช่นนี้ เขาก็มิแปลกใจเลย

“ฝ่าบาทยังกริ้วอยู่หรือไม่?”

กู้ป๋อจ้งเอ่ยถาม

“เสด็จพ่อกริ้วยิ่งนัก!”

โม่เหว่ยส่ายหน้า “ด้วยว่าน้องเจ็ดยังบาดเจ็บสาหัส เสด็จพ่อจึงจงใจเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ มิกล้าบอกให้เจ้าเจ็ดรู้ แม้แต่ข้าก็ถูกเสด็จพ่อตำหนิเสียยกใหญ่”

“ข้าแนะนำนายท่านกู้ อย่าได้เข้าเฝ้าเสด็จพ่อตอนนี้เสียจะดีกว่า”

โม่เหว่ยแนะนำด้วยความหวังดี แต่กู้ป๋อจ้งกังวลมากขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์