โม่จงหราน กำลังจะอ้าปากอธิบาย เต๋อเฟยก็พุ่งกายเข้ามาทันใด นางจ้องไปที่เขาอย่างโหดเหี้ยม “หากคำอธิบายนี้มิทำให้ข้าพึงพอใจ นับแต่นี้ไปอย่าได้คิดก้าวเข้าสู่ตำหนักหย่งโซ่วอีก!”
โม่จงหราน “......”
คำขู่นี้ดุเดือดเกินไปหรือไม่!
“สนมรัก ฟังข้าอธิบายก่อน”
โม่จงหรานทำตัวมิถูก
เมื่อเห็นเต๋อเฟยกำอุ้งมือไว้ราวกับแมวป่า เขาจึงจับมันเบาๆ แล้วกล่าวว่า “หว่านหนิง แม่หนูคนนี้มีเล่ห์เหลี่ยมมากมายเหลือเกิน”
“ครั้งนี้ที่นางถูกโยนเข้าไปในคุกหลวงมิใช่ความปรารถนาของข้า”
“ท่านมิได้เป็นคนสั่งงั้นหรือ?”
เต๋อเฟยหรี่ตราลงอย่างเหลือเชื่อ
“เป็นคำสั่งของข้า แต่นั่นก็เพราะหนิงเอ๋อร์ร้องขอเอง ให้ข้าส่งนางเข้าสู่คุกหลวง”
โม่จงหรานยกมือขึ้นแตะจมูก
ตอนที่เขากล่าวประโยคนี้ ตนเองก็มิอยากจะเชื่อ เต๋อเฟยยิ่งมิเชื่อ
เนื่องจากนับแต่โบราณมา ผู้ที่ร้องขอให้ส่งตนเข้าคุกหลวงคงจะมีหยุนหว่านหนิงเป็นคนแรกและคนเดียว
“เจ้าหลอกใครกัน คิดว่าข้าโง่เง่าหลอกง่ายหรือ?”
เต๋อเฟยยิ้มอย่างเยาะเย้ย มุมปากของนางเผยอขึ้นเล็กน้อย กำลังดูถูกว่าเหตุใดโม่จงหรานเอ่ยวาจาเท็จแต่มิครุ่นคิดก่อน
โม่จงหรานมิรู้จะว่าอย่างไรดี “สิ่งที่ข้ากล่าวออกมานั้นเป็นเรื่องจริง หากสนมรักมิเชื่อ จะเดินทางไปถามหยุนหว่านหนิงที่คุกหลวงเองก็ย่อมได้”
เต๋อเฟยขมวดคิ้วเข้าหากัน
ในเมื่อเขากล่าวเช่นนี้ คาดว่าคงมิได้โกหก
“อยู่ดีๆ เหตุใดหนิงเอ๋อร์จึงอยากจะเข้าไปในคุกหลวง?”
“เรื่องนี้ข้าเองก็มิเข้าใจ”
โม่จงหรานถอนหายใจออกมา “แต่แม่หนูผู้นั้นเล่ห์เหลี่ยมมากเหลือเกิน บัดนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ ข้ากำลังรู้สึกว่านางวางแผนบางอย่างไว้ในใจ จึงได้คิดจะส่งตนเข้าไปในคุกหลวง”
เต๋อเฟยนิ่งเงียบลง
“การที่นางต้องการจะเข้าไปในคุกหลวง ท่านก็กลับอนุญาตให้นางเข้าไปง่ายๆ งั้นหรือ?”
นางครุ่นคิดลงชั่วครู่ก่อนจะเริ่มโมโหอีกครั้ง “หากเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป นับจากนี้ไปหนิงเอ๋อร์จะเอาหน้าที่ไหนไปพบคนอื่น จะมิกลายเป็นเรื่องตลกหรอกหรือ!”
“พระชายาคนใดบ้างที่เคยถูกส่งเข้าคุกหลวง”
ในตอนแรกที่นางต้องการเดินทางมาหาโม่จงหรานนั่นก็เพราะคิดแทนหยุนหว่านหนิง
ประการที่สอง นางรู้สึกโมโหเกี่ยวกับเรื่องนี้ยิ่งนัก และคิดว่าหยุนหว่านหนิงกำลังได้รับการลงโทษอย่างน่าสงสาร จึงตัดสินใจเดินทางมาปกป้องลูกสะใภ้
บัดนี้เมื่อได้ฟังคำอธิบายของโม่จงหราน......เต๋อเฟยก็พบเหตุผลใหม่ที่ทำให้นางหงุดหงิดได้ “ท่านจงใจทำให้หนิงเอ๋อร์และเยว่เอ๋อร์ต้องอับอายขายหน้าใช่หรือไม่ อยากจะให้พระนัดดาองค์โตของท่านถูกหัวเราะเยาะไปด้วยหรือ?”
นางเหลือบมองเขาอย่างดุดัน
โม่จงหราน “สนมรัก วันนี้เจ้าเดินทางมาที่นี่เพื่อหาเรื่องทะเลาะกับข้าเพียงเท่านั้นหรือ?”
มิว่าเขาจะอธิบายอย่างไร สตรีนางนี้ก็หาประเด็นใหม่มาทะเลาะกับเขาได้ในที่สุด
เขายกมือขึ้นกุมหน้าผาก “จงฟังข้า ช่วงนี้ข้ายุ่งยิ่งนัก รอให้ข้าจัดการเรื่องราวเหล่านี้เสร็จก่อนแล้วข้าจะไปหาเจ้า”
เมื่อกล่าวจบเขาก็ตะโกนไปที่ประตูว่า “ซูปิ่งซ่าน ส่งเต๋อเหนียงเหนียงกลับตำหนัก”
ที่ด้านนอกประตูมิมีเสียงตอบรับ
โม่จงหรานจึงได้ตะโกนขึ้นอีกครั้ง
เหลียงเสี่ยวกงกงตอบขึ้นว่า “ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ท่าน ท่านอาจารย์กล่าวว่าปวดท้อง จึงได้เดินทางไปวุขา บัดนี้ยังมิกลับมาพ่ะย่ะค่ะ”
“เสี่ยวเหลียงจื่อ เช่นนั้นเจ้าจงส่งเต๋อเฟยกลับตำหนัก”
เหลียงเสี่ยวกงกงเหลือบมองซูปิ่งซ่านซึ่งยืนอยู่ด้านข้างด้วยความหวาดกลัว กระซิบว่า “ท่านอาจารย์ ข้ามิกล้า”
“ไปเร็วเข้า!”
ซูปิ่งซ่านเตะเขา แล้วรีบหันหนีจากไปทันที
เหลียงเสี่ยวกงกงถูกเตะเข้าไปในห้องทรงพระอักษร เมื่อพบเข้ากับแววตาอันคุ้นเคยและดุดันคู่นั้น “เหนียง(ในภาษาจีนออกเสียงเหมือนคำว่าแม่)......”
“ข้าเป็นแม่เจ้าหรือ?”
“หาใช่พ่ะย่ะค่ะ เหนียงเหนียง กระหม่อมจะส่งท่านกลับตำหนัก......”
เหลียงเสี่ยวกงกงพูดจาตะกุกตะกัก
“เหอะๆ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...