นางมองไปรอบๆ ห้องคุมขังของหยุนหว่านหนิง
การจัดวางคล้ายกันกับโม่ฮั่นอี่ว์ อย่างน้อยก็มีเตียง มีโต๊ะ พอจะรับได้
บัดนี้เตียงของโม่ฮั่นอี่ว์และหยุนหว่านหนิงอยู่ชิดกันมาก มีรั้วเหล็กกั้นเท่านั้น ทั้งสองคนเผชิญหน้ากัน หยุนหว่านหนิงกำลังต่อสู้กับโม่ฮั่นอี่ว์เพื่ออะไรบางอย่าง......
เมื่อพบว่าเต๋อเฟยเดินทางมา โม่ฮั่นอี่ว์ก็หยุดแล้วตะโกนขึ้น
“เสด็จแม่เต๋อเฟย หยุนหว่านหนิงตั้งใจจะฉกฉวยแย่งของจากลูกที่เป็นคนป่วย นี่มันมิถูกต้องเอาเสียเลย”
เนื่องจากเมื่อวานนี้ที่หยุนหว่านหนิงถอนพิษให้แก่เขา ประมาณกลางดึกเขาก็ตื่นขึ้น
ทันทีที่เขาลืมตาขึ้น ก็พบหยุนหว่านหนิงยืนอยู่ข้างเตียงมองเขาจากข้างบน
ท่ามกลางแสงเทียนสลัว นางราวกับมัจจุราชหญิงที่คลานออกมาจากขุมนรก......
ทำเอาเสียโม่ฮั่นอี่ว์ตกอกตกใจหวาดกลัวกรีดร้อง กลับกลายเป็นเด็กน้อยขึ้นมาทันที
“เจ้ามาทำอะไร?”
เขาหวาดกลัวยิ่งนัก
“ข้ามาอยู่เป็นเพื่อนบ้านเจ้า”
หยุนหว่านหนิงเดินเอามือไขว้หลังออกไปจากคุกของเขา แล้วค่อยๆ เข้าไปในห้องมืดด้านข้าง เผชิญหน้ากับโม่ฮั่นอี่ว์
ทั้งยังบอกว่า ทั้งสองเป็น‘พี่น้องร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน’
โม่ฮั่นอี่ว์จะกล้าเรียกตนเองว่าเป็นพี่น้องกับนางได้อย่างไร
ถึงอย่างนั้น ก็คงเป็นเขาที่เป็นน้อง และหยุนหว่านหนิงเป็นพี่
จวบจนกระทั่งบัดนี้ โม่ฮั่นอี่ว์ก็มิเข้าใจว่าหยุนหว่านหนิงเข้ามาในคุกหลวงได้อย่างไร แต่มองดูชุดของนางก็รู้ว่าเป็นชุดเมื่อวาน ดูมิเหมือนกับเข้ามาติดคุก เหมือนกับว่านางเพียงเปลี่ยนสถานที่อาศัย เพื่อเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของตนเองมิให้น่าเบื่อก็เท่านั้น
เมื่อเห็นเต๋อเฟยตรงเข้ามา โม่ฮั่นอี่ว์ก็รีบร้องทุกข์
“เสด็จแม่เต๋อเฟยพ่ะย่ะค่ะ เมื่อคืนนี้หว่านหนิงรังควานลูกทั้งคืน ทำเอาลูกมิอาจหลับอาจนอนได้ บัดนี้ร่างกายและสมองอ่อนล้า น่าสังเวชยิ่งนัก”
เขาอยากจะลุกจากเตียงเพื่อไปฟ้องร้อง แต่เนื่องจากเขาอ่อนแอหลังจากเพิ่งล้างพิษ จึงทำได้เพียงนอนอยู่บนเตียง
มิอย่างนั้นเขาในฐานะชายหนุ่มก็คงมิถูกหยุนหว่านหนิงแย่งของนี่หรอก
เมื่อเผชิญหน้ากับคำฟ้องร้องของโม่ฮั่นอี่ว์ เต๋อเฟยก็โบกมือขึ้นอย่างดุดัน “เปิดประตู!”
ใต้เท้าหยันจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร
เขาหยิบกุญแจออกมาด้วยตนเองแล้วเปิดประตูห้องขังของหยุนหว่านหนิง
“เสด็จแม่!”
หยุนหว่านหนิงมองไปที่เต๋อเฟยน้ำตาคลอเบ้า มือของนางยังมิยอมปล่อย จับไว้ที่มือของโม่ฮั่นอี่ว์ “เสด็จแม่ มาช่วยลูกใช่หรือไม่เพคะ?”
โม่ฮั่นอี่ว์ “......เจ้าตั้งใจสนทนากับเสด็จแม่เต๋อเฟยหน่อยมิได้หรือ ปล่อยมือ ปล่อยมือเดี๋ยวนี้!”
หยุนหว่านหนิงออกแรงดึงอย่างแรง ทำให้โม่ฮั่นอี่ว์ถูกลากมากระแทกเข้ากับรั้วเหล็ก
“โอ๊ย......”
การกระแทกนั้นค่อนข้างจะหนัก ทำเอาโม่ฮั่นอี่ว์ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ศีรษะเขากระแทกจนดาวขึ้น
เขาปล่อยมือออกแล้วยกมือขึ้นไปกุมศีรษะ หยุนหว่านหนิงจึงได้โอกาสดึงมือกลับคืนมา “เช่นนี้ข้าก็สามารถสนทนากับเสด็จแม่ได้อย่าง ตั้งใจแล้ว”
โม่ฮั่นอี่ว์เหลือบมองไปพบว่าในมือของเขาว่างเปล่า......
“หยุน หว่าน หนิง เจ้าหลอกข้า!”
เสียงคำรามของเขาดังไปทั่วคุกหลวง
นักโทษในคุกเหล่านั้นผ่านไปเพียงมิกี่ชั่วโมงก็เคยชินกับเสียงตะคอกคำรามของเขา
มีเพียงโจวฉางเฟิงที่ถูกขังอยู่ฝั่งตรงข้ามเอ่ยถามด้วยความอ่อนแรงว่า “อ๋องฮั่น นี่คือสถานที่สาธารณะ เจ้าระมัดระวังตนเองหน่อยได้หรือไม่ คิดแทนผู้อื่นบ้าง อย่าได้รบกวนการพักผ่อนของคนอื่น”
โม่ฮั่นอี่ว์กลอกตามอง
“คนอย่างข้า มิล้มเลิกง่ายๆ หรอก”
หยุนหว่านหนิงแบมือออกด้วยรอยยิ้ม นำของในมือส่งไปให้เต๋อเฟย “เสด็จแม่เพคะ ลูกเห็นว่าเจ้าสิ่งนี้ดูน่ารักดี จึงตั้งใจจะนำมันมามอบให้เสด็จแม่”
“ของอะไรกัน?”
เต๋อเฟยชะโงกหน้าเข้ามามอง......
“เอ๋ สวยดีจริง”
เต๋อเฟยรับมันไปดู พบว่าเป็นคล้ายน้ำเต้าหยกขนาดเล็ก
น้ำเต้าหยกนี้มีขนาดเท่าหัวแม่มือ มีความใสของสีเขียวมรกต ประกายเจิดจ้าภายใต้แสงไฟ
มองไปช่างสวยงามยิ่งนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...