หลี่หมัวมัวหันหลังกลับไปมอง พบว่าโม่เฟยเฟยเดินตรงเข้ามา
นางยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความตกตะลึง
หลี่หมัวมัวราวกับเห็นผู้เข้ามาช่วยชีวิต นางจึงรีบเดินตรงเข้าไปว่า “องค์หญิงเก้าเพคะ ในที่สุดก็มาสักทีนะเพคะ! รีบมาห้ามพระชายาเร็วเข้าเพคะ นางทำเหนียงเหนียงโมโหจะแย่แล้วเพคะ!”
นางมิอาจห้าม และห้ามมิเป็นผล
ดังนั้นจึงทำได้เพียงฝากความหวังไว้ที่โม่เฟยเฟย
“นางทำให้เสด็จแม่โมโหเช่นไร?”
เมื่อเห็นหยุนหว่านหนิงวิ่งไล่เต๋อเฟยไปมา ในตำหนักจึงวุ่นวายไปทั่ว โม่เฟยเฟยขมวดคิ้วเอ่ยถาม
หยุนหว่านหนิงคนนี้ ไม่หยุดสร้างปัญหาสักวันไม่ได้เลย!
นางเองก็ได้ยินมาว่าเต๋อเฟยโมโหหยุนหว่านหนิงเสียจนจะลงโทษนาง ดังนั้นจึงรีบเร่งเดินทางมา......แม้จะกล่าวว่านางมิได้มีความรู้สึกดีต่อหยุนหว่านหนิงเท่าไรนัก
แต่เรื่องเมื่อสี่ปีก่อน นางมิได้ผิด
พี่เจ็ดชื่นชอบนาง บัดนี้ยังคงสนับสนุนนาง
นางในฐานะน้องสาว จะให้นางทำเช่นไรได้เล่า? จึงทำได้เพียงปกป้องนางพร้อมกับพี่ชายด้วย!
ทว่าบัดนี้พี่เจ็ดยังมิได้เข้าวัง เสด็จแม่มิชื่นชอบนางเป็นที่สุด โม่เฟยเฟยจึงทำได้เพียงรีบเดินทางเข้ามาช่วยจัดการปัญหาให้หยุนหว่านหนิง
แต่ใครจะคิดว่าเล่าเมื่อนางตรงเข้าประตูมา ก็พบเข้ากับฉากที่ยากจะลืม
ตามปกติแล้วเสด็จแม่ผู้สูงส่งมิมีทางจะปล่อยผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าแดงเรื่อจากความเหนื่อยหอบที่วิ่งตามหยุนหว่านหนิงอย่างแน่นอน?!
ช่างประหลาดแท้เชียว!
หลี่หมัวมัวอธิบายอย่างเร่งรัดแล้วกล่าวว่า “องค์หญิงเพคะ โปรดคิดหาวิธีเข้าเถิดเจ้าค่ะ! หากเป็นเช่นนี้ต่อไป บ่าวเกรงว่าเหนียงเหนียงจะโมโหเสียจนสิ้นลมก่อนเพคะ!”
“มิต้องรีบร้อนไป”
ผู้ใดจะคิดเล่าว่าโม่เฟยเฟยจะเอามือกอดอกยืนพิงกำแพงมองดูอยู่เช่นนั้น!
นางมองไปทางหยุนหว่านหนิงด้วยความสนใจ
ผู้ที่ทำให้เสด็จแม่เป็นเช่นนี้ได้ คาดว่าคงจะมี “พี่สะใภ้ตัวดี” ของนางคนนี้คนแรกและคนเดียว!
“ตามปกติเสด็จแม่มิค่อยได้ออกกำลังนัก หมอหลวงเองก็ได้กำชับว่าร่างกายนางอ่อนแอ ในวันนี้ให้นางได้ออกกำลังกายบ้างคงจะดี”
โม่เฟยเฟยเผยอยิ้มขึ้นที่มุมปาก
หลี่หมัวมัว “......”
มีบุตรสาวคนใดเป็นเยี่ยงนี้บ้าง?!
เมื่อเห็นเสด็จแม่วิ่งไล่พี่สะใภ้อย่างเอาเป็นเอาตาย กลับยืนมองดูอยู่ด้านข้าง
ทั้งยังเอ่ยว่าให้เต๋อเฟยออกกำลังกายเสียบ้างก็ดี!
ดูเหมือนจะหวังพึ่งพาองค์หญิงเก้ามิได้เช่นกัน
ดังนั้นหลี่หมัวมัวจึงได้วิ่งตรงเข้าไปร้องไห้ร้องห่ม “เหนียงเหนียงเพคะ พระชายาเพคะ พวกท่านทรงหยุดเถิดเพคะ! หากเรื่องนี้ไปถึงฮ่องเต้และฮองเฮาเข้าคงแย่แน่เพคะ!”
“เจ้าบอกให้นางหยุดก่อนสิ!”
หยุนหว่านหนิงกระโดดจากหน้าต่างไปแล้วกล่าวว่า “เจ้าให้นางวางอาวุธในมือลงก่อนสิ!”
วินาทีต่อมา เต๋อเฟยผู้ที่บัดนี้ผมเผ้ายุ่งเหยิงก็วิ่งตามออกมาจากประตู ในมือนางถือไม้ปัดขนไก่ไว้......
ยุ่งเหยิง!
ในตำหนักหย่งโซ่วเกิดเป็นความอลวลขึ้น!
เมื่อพบว่าเต๋อเฟยโมโหมิเบา โม่เฟยเฟยจึงได้ก้าวมาข้างหน้ารั้งนางเอาไว้ “เสด็จแม่เพคะ อย่าได้โมโหอีกเลยเพคะ!”
“เฟยเฟย เจ้าหลีกไป! วันนี้หากข้ามิอาจตบปากนางให้ฉีกได้ จงรอเปลี่ยนชื่อข้าได้เลย!”
เมื่อพบว่าโม่เฟยเฟยเข้ามารั้งเอาไว้ หยุนหว่านหนิงจึงได้หยุดลงตรงมุมหนึ่งของกำแพง
ด้วยว่ามิได้ออกกำลังกายมาเนิ่นนาน ดังนั้นนางเองจึงเหนื่อยล้าเช่นกัน
บัดนี้นางจ้องมองไปทางเต๋อเฟยด้วยอาการเหนื่อยหอบ “เสด็จแม่เพคะ ลูกตั้งใจจะให้ท่านเห็นกับความจริง! หากท่านยังคงไร้เหตุผลเช่นนี้ ลูก ลูกจะกลับจวนอ๋องไปตีลูกชายท่าน!”
ยังจะตีหลานนางด้วย!
เอาเถอะๆ นางมิกล้าให้ตีหลานชายหยวนเป่าของนาง
ตีลูกชายนางคนเดียวก็พอแล้ว!
“เจ้ากล้าหรือ!”
เต๋อเฟยแทบคลั่ง นางทำท่าทีจะวิ่งตรงเข้าไปจัดการ แต่กลับถูกโม่เฟยเฟยรั้งเอาไว้ “เสด็จแม่! สง่างามเพคะ สง่างาม!”
เมื่อถูกนางเอ่ยเตือนเช่นนี้ เต๋อเฟยจึงได้สติกลับคืนมา
นางถูกโม่เฟยเฟยลากเข้าไปในห้องบรรทม
หลังจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว นางก็กลับเป็นเต๋อเฟยผู้สง่างามดังเดิม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...