ภายในร้านกาแฟ ซูเหมี่ยวกับหลินเอินเอินนั่งหันหน้าเข้าหากัน
“เมื่อวานพี่บอกว่าฉันรับงานชิ้นนี้ไม่ได้เหรอ?” หลินเอินเอินหย่อนกายนั่งบนโซฟา ก่อนจะเห็นซูเหมี่ยวทำหน้าเสียดาย เธอจึงเลิกคิ้วกล่าว “ลองเล่ามาฟังหน่อยสิ”
“ก็คือ...”
จากนั้นซูเหมี่ยวก็ยื่นรายละเอียดของรูปคดีให้เธอ นิ้วบนขาข้างซ้ายขยับเล็กน้อย ดวงตากลมโตสะท้อนแสงมืดมิดสายหนึ่ง “น่าสนใจดี คู่กรณีเป็นใครกับใครบ้าง?”
“เธอ...รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์”
หลินเอินเอินเงยหน้ามองซูเหมี่ยวด้วยความสงสัย
“สองคนนี้เป็นบิ๊กบอสของวงการธุรกิจด้วยกันทั้งคู่ เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงหลาย ๆ อย่าง สุดท้ายพวกเขาสองคนจึงแตกคอกัน คนที่ขอให้เธอช่วยคือประธานฟู่ ส่วนคู่ต่อสู้ของประธานฟู่คือ...”
ซูเหมี่ยวถอนหายใจหนึ่งเฮือก พลางพูดด้วยเสียงเจ็บปวดสุดแสน “สามีของเธอ”
หลินเอินเอินหายใจเร็วขึ้นทันควัน
ซูเหมี่ยวกุมหน้าอก พลางพูดด้วยความปวดใจว่า “โชคชะตาไม่ได้ส่งเงินก้อนนี้มาให้เราสินะ เงินก้อนโตจึงลอยหายไปต่อหน้าต่อตา”
หลินเอินเอินหมุนมือถือเล่นแล้วก็เงียบงัน ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ซูเหมี่ยวเห็นแล้วเข้าใจว่าเธอลำบากใจ จึงปลอบใจเธอในขณะที่ตัวซูเหมี่ยวเองก็กำลังเสียดายอยู่ “โธ่ เธออย่าพึ่งท้อสิ ชื่อเสียงของเธอดีขนาดนี้ ถ้าคิดจะรับงานอีกครั้ง มันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย แต่ไอริสน้อย เธอหย่าแล้วจริง ๆ หรือ?”
หลินเอินเอินกระตุกมุมปาก “ไม่มีเขาฉันถึงจะมีชีวิตเป็นของตัวเอง”
เมื่อเห็นสายตาอันจริงจึงขึงขังของหลินเอินเอินแล้ว ซูเหมี่ยวก็รู้สึกปลื้มปิติสุดแสน “คิดได้ซะทีนะ เธอทุ่มเทให้ผู้ชายสวะมากขนาดนั้น แต่เขากลับไม่รู้จักหวงแหน ตอนนี้เธอหย่ากับเขาก็เท่ากับหลุดพ้นจากความทุกข์ได้แล้ว ดาร์ลิ่ง ฉันยินดีด้วยนะ”
ระหว่างที่พวกเธอสนทนากันอยู่ ก็เห็นคนรู้จักมักคุ้นสองคนเดินเข้าร้านกาแฟ ใบหน้าหลินเอินเอินจึงเคร่งขรึมในชั่วพริบตา
ชายหนุ่มใส่ชุดสูทสีดำขลับ กระดุมสีเงินตรงแขนเสื้อของเขาประกายแสงแวววาวจากการสอดส่องของแสงไฟ ซึ่งเหมือนกับตัวเขาไม่มีผิดเพี้ยน
หญิงสาวที่อยู่ด้านข้างเขาสวมกระโปรงสีขาวนวล เรือนผมสีดำเงางาม แลดูเป็นนกน้อยที่ต้องการคนดูแล น่าทะนุถนอมยิ่ง และเธอคนนี้ก็คือหลินโยว่ฉิง
หลินเอินเอินลอบถากถางในใจ บังเอิญจังเลย เป๋ามู่หานเพิ่งจะหย่าขาดกับเธอก็พาเมียน้อยเที่ยวเตร่แล้ว
หลินเอินเอินอดมองเป๋ามู่หานไม่ได้ ริมฝีปากแดงของเธอยกโค้งแล้วยิ้มเอ่ย “ฉันไม่รู้เลยนะเนี่ย สามีเก่าฉันสร้างปรากฏการณ์ด้านการแพทย์ได้แบบนี้ ไม่ไปเรียนแพทย์ก็เสียดายเลยเนอะ วงการแพทย์ขาดคนเก่ง ๆ ไปหนึ่งคนแล้ว”
ผู้คนที่ชะเง้อมองพวกเขาอยู่ เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็รู้ว่ามีช็อตเด็ดให้ดูแน่ พลางกระซิบกระซาบเสียงเบา
“สามีเก่าเหรอ? ผู้หญิงใส่กระโปรงสีขาวคือเมียน้อยอย่างงั้นหรือ? แล้วยังเป็นญาติของเมียหลวงอีกหรือ?”
“อุ๊ย! วุ่นวายจัง”
“แล้วยังกล้ามาอวดใส่เมียหลวงอีก? หน้าไม่อายจริง ๆ”
เป๋ามู่หานได้ยินประโยคนี้ สีหน้าเย็นยะเยือกในบัดดล “หลินเอินเอิน คุณตามตอแยผมมานาน ตอนนี้ยังคิดจะวางอุบายปล่อยเพื่อจับผมอีก? ถ้าคุณยังมาให้ผมเห็นหน้าอีก ก็อย่าโทษที่ผมไม่เกรงใจละ”
หลินเอินเอินระงับความโกรธไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ เธอปั้นหน้ายิ้มเอ่ยว่า “ไม่เกรงใจ? คุณเป๋าจะไม่เกรงใจฉันขนาดไหนกันเชียว?”
1 เล่ห์เหลี่ยมปล่อยเพื่อจับ หมายถึงทำเป็นไม่สนใจ เพื่อเรียกร้องให้อีกฝ่ายแลเห็นถึงความสำคัญ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ้อนรัก