นวลชายาหยกงามของท่านอ๋องจอมมาร นิยาย บท 33

มู่หรงจิ่นตามหลังฮูหยินเฒ่า ลงรถเดินไม่นานนักก็ถึงหน้าประตูจวนหรงกั๋วกง

มู่หรงจิ่นเงยหน้าขึ้น คำขวัญคู่ “จวนหรงกั๋วกง” ที่เขียนด้วยอักษรเสี่ยวจ้วน สิงโตหินแกะสลักสองตัวหน้าประตูจวนหรงกั๋วกง บันไดหลายสิบขั้นที่ยกธรณีประตูจวนหรงกั๋วกงให้สูงขึ้น

ในตอนนี้ ประตูใหญ่และลานบ้านจวนหรงกั๋วกงราวกับตลาด เต็มไปด้วยตระกูลใหญ่และบุคคลสำคัญของเมืองหลวง หรือสมาชิกหญิง

มู่หรงจิ่นคิดขึ้นได้ เถ้าแก่อู๋บอกไว้ในจดหมาย เดิมทีจวนหรงกั๋วกงเป็นจวนที่ฮ่องเต้ของราชวงศ์องค์ก่อนไว้วางใจ มีหกลานบ้าน

หลังจากราชวงศ์ก่อนล่มสลาย หลังจากตำหนักแห่งนี้กลายเป็นของสาธารณะ ก็ถูกปล่อยทิ้งล้างมาโดยตลอด จนกระทั่งหรงหมิงได้รับประทานบรรดาศักดิ์ ฮ่องเต้เซียวเหวินจึงได้ประทานจวนนี้ให้หรงหมิงเป็นตำหนัก

มู่หรงจิ่นก้าวเท้าสั่นดั่งดอกบัว คิดไปพลาง เดินขึ้นบันไดแต่ละขั้นไปพลาง

“ฮูหยินเฒ่ามู่หรง ! เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมา เชิญท่านเข้าไปพักผ่อนในจวนก่อย !”

มู่หรงจิ่นเงยหน้ามองคนที่พูด เป็นพ่อบ้านที่ดูอายุประมาณ 40 ปี

“ขอบใจ !”

ถึงแม้ฮูหยินเฒ่ามู่หรงในเวลาปกติที่อยู่ในจวนจะค่อนข้างน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรเสียที่นี่คือจวนหรงกั๋วกง แม้ว่าจะเป็นพ่อบ้านเพียงคนเดียว นางก็จะต้องเกรงอกเกรงใจสักหน่อย

“ใครก็ได้ ! พาฮูหยินเฒ่ามู่หรงและเหล่าคุณหนูไปยังเรือนหลังพักผ่อนที !”

พ่อบ้านเพิ่งจะพูดจบ ก็มีหญิงคนใช้สองคนที่ใส่เสื้อสั้นกระโปรงจีนสีเขียวอนน้ำเงินมาข้างหน้า ทำความเคารพกับฮูหยินเฒ่ามู่หรง จากนั้นจึงนำทาง

มู่หรงจิ่นเพิ่งจะเหยียบเข้าไปในจวนหรงกั๋วกง ก็ได้เห็นลานบ้านที่กว้างขวาง กลางลานบ้านมีกำแพงหินด้านหนึ่งที่ใช้หินภูเขาก่อขึ้นมา สูงกว่าสิบเมตรได้

ข้างบนกำแพงหินคือดอกโบตั๋นที่งอกงามต้นหนึ่ง บางดอกไม้บานสะพรั่ง บางดอกตูม หากเป็นเพียงดอกโบตั๋นที่กำลังบานก็ไม่มีอะไรน่าตกใจ แต่ดอกโบตั๋นนี้หลอมด้วยทองคำ

ถึงแม้ว่าจะถูกหลอมมากว่าร้อยปี มันก็ยังคงไม่เสียหายแม้แต่น้อย ยังคงเปล่งประกายใต้แสงอาทิตย์

ความโอ่อ่าสง่างามที่โถมเข้าโจมตี แม้แต่ “ซาตานหญิง” ที่เห็นสิ่งต่าง ๆ มามากมายก็ยังตะลึงงันไปครู่หนึ่ง

ได้ยินมาก่อนว่าท่านอ๋องราชวงศ์ก่อนสร้างตำหนักนี้ขึ้นมาอย่างไม่เสียดายเงิน แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะฟุ่มเฟือยถึงเพียงนี้ !

มู่หรงจิ่นดึงสายตากลับมา มองไปยังรอบ ๆ คนจำนวนไม่น้อยต่างก็หยุดฝีเท้าดูลานบ้าน ถึงแม้ว่าคนเหล่านั้นจะดูมานานหลายปีแล้ว แต่ทุกครั้งก็ยังถูกความฟุ้งเฟ้อของจวนหรงกั๋วกงทำให้ตกตะลึง

ก็ใช่ ใต้หล้านี้ นอกจากตำหนักของราชวงศ์ จะมีตำหนักของผู้ใดที่เหมือนเช่นนี้ได้อีก ? ถึงแม้จะเป็นจวนเฉิงเซี่ยงกับจวนแม่ทัพของขุนนางทั้งราชวงศ์ และจวนมู่หรงผู้มีอำนาจใหม่ เมื่อเทียบกับจวนหรงกั๋วกง ก็แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว !

มู่หรงจิ่นตามหลังฮูหยินเฒ่ามู่หรง เดินไปตามทางเดินยาวคดเคี้ยว มองไปยังวิวทิวทัศน์นอกเฉลียง มีภูเขาเทียม มีสายน้ำ มีดอกบัว มีนกหลิง...ทำให้รู้สึกไม่เบื่อ การจัดวางสวนทุกแห่งต่างก็ล้ำเลิศ

เมื่อเดินผ่านลานบ้านแรกไปแล้ว ก็จะเป็นประตู ผ่านลานบ้านที่สอง จะเป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ และจะถึงลานบ้านที่สาม เป็นห้องโถง

ลานบ้านที่สาม ก็คือที่ที่พ่อบ้านพูดเมื่อครู่ว่าให้มาพักผ่อน ในตอนนี้คนรับใช้ของจวนหรงกั๋วกงไป ๆ มา ๆ เร่งรีบฝีเท้า น่าจะวิ่งเต้นกับงานเลี้ยงคืนนี้

หญิงคนรับใช้สองคนนำทางอยู่ข้างหน้าอย่างไม่ลนลาน พาพวกนางมายังโถงที่เป็นส่วนตัว หลังจากเข้านั่งประจำที่แล้ว เหล่าหญิงคนรับใช้ก็ยกชาและขนมมาให้ จากนั้นจึงจากไป

“พี่หญิงจิ่น นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้ามาจวนหรงกั๋วกงใช่ไหม คุ้นชินบ้างหรือยัง ?”

มู่หรงซินมองดูมู่หรงจิ่นที่ท่าทางมองพินิจพิเคราะห์ไปรอบ ๆ ท่าทางที่ไม่เคยเห็นโลก จึงได้เอ่ยปากถาม

“ข้ามาที่จวนหรงกั๋วกงเพื่อมาร่วมงานเลี้ยง มิได้จะมาอาศัยอยู่ จะคุ้นชินอะไรเล่า ?”

มู่หรงจิ่นโรคเรื้อรังเพิ่งจะกำเริบ ไปที่ที่หนึ่งก็จะต้องสังเกตดูอย่างละเอียดก่อน คิดไม่ถึงว่าในสายตาของมู่หรงซินนางกลับลายเป็นคนไม่เคยเห็นโลกมาก่อน

“ที่คุณหนู่ท่านนี้พูดเป็นความจริง !”

มู่หรงซินยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็มีเสียงดังขึ้นจากทางด้านประตูห้องโถง

มู่หรงจิ่นย้ายสายตาไปมองยังคนที่มา

หญิงงามอายุประมาณสามสิบห้าสามสิบหกปีที่ใส่ผ้าแพรปักสีแดงลูกพุทราจีน บนผ้าปักรูปนกนับร้อย บนศีรษะประดับอัญมณีปิ่นทอง รูปร่างหน้าตางดงามเลอค่าสุภาพเยือกเย็น

มีเด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ คนหนึ่งอายุประมาณสิบห้าสิบหก ใส่กระโปรงสีม่วงอ่อน ประดับปิ่นระย้าอัญมณีสีฟ้า ดูคล้ายคลึงกับหญิงงามคนนั้นมาก คาดว่าน่าจะเป็นแม่ลูก

“ฮูหยินเฒ่ามู่หรง !”

หญิงงามนำลูกสาวและคนรับใช้ ทักทายทำความเคารพกับฮูหยินเฒ่ามู่หรง

“เฉิงเซี่ยงฮูหยิน !”

ฮูหยินเฒ่ามู่หรงลุกขึ้นพยักหน้า

มู่หรงจิ่นถึงเพิ่งได้รู้ว่า ที่แท้หญิงงานก็คือนางเฉินภรรยาของเฉิงเซี่ยงหลี่โม่ นางเฉินคือลูกสาวโดยสายเลือดของซ่างซูกรมพิธีการเฉินฉุน และเด็กสาวที่อยู่ข้าง ๆ ก็คือลูกของหลี่โม่และนางเฉิน ลูกสาวของหลี่เฉิงเซี่ยงหลี่จิ่นซิ่ว

นางเฉินเหมือนกับฮูหยินเฒ่ามู่หรง เป็นสตรีที่ได้รับพระราชโองการแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ ฉะนั้นมู่หรงจิ่นและคนอื่น ๆ ก็ต้องทำความเคารพต่อนาง

“อย่าได้มาพิธีการ ! นั่งเถอะ !”

นางเฉินโบกมือไปมา และเดินไปตำแหน่งที่นั่งทางขวาของฮูหยินเฒ่ามู่หรง

“ที่พูดคุยกันเมื่อครู่ที่แท้ก็เป็นคุณหนูตระกูลมู่หรง ? ข้ายังนึกว่าเป็นหรงหลิงจวิ้นจู่อยู่เลย ทำตัวเหมือนอยู่ที่บ้านตนเอง พูดอะไรคุ้นชินไม่คุ้นชิน !”

ขณะที่นางเฉินพูดก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าป้องปากหัวเราะ

มู่หรงจิ่นเมื่อได้ฟัง ในใจก็หัวเราะ ที่แท้ก็ดูถูกตระกูลมู่หรง

“ซินเอ๋อร์ก็ปากไวไปหน่อย หวังว่าเฉิงเซี่ยงฮูหยินอย่าได้ใส่ใจเลย !”

ในตอนนี้สีหน้าของฮูหยินเฒ่ามู่หรงไม่น่าดู แต่ถึงอย่างไรมู่หรงซินก็แซ่มู่หรง ถึงแม้ตนเองจะพานางออกมาเอง ก็ไม่สามารถไม่สนใจไยดีได้

“ใช่แล้ว ! ซินเอ๋อร์ขอเฉิงเซี่ยงฮูหยินอย่าได้ตำหนิ !”

มู่หรงซินยังสังเกตเห็นได้เล็กน้อย ว่าสีหน้าของฮูหยินเฒ่ามู่หรงไม่ดีนัก จึงได้เอ่ยปากแสดงความขอโทษทันที

“ที่แท้ก็เป็นลูกสาวของหมอหลวงมู่หรง ! ด้วยฐานะของหมอหลวงมู่หรง เกรงว่าคงจะไม่มีคุณสมบัติได้รับคำเชิญนี้ ดูเหมือนว่าเจ้าคงจะอาศัยบารมีจากของพี่สาวเจ้า !”

นางเฉินถึงแม้ว่าจะยังเป็นสาว แต่คำที่พูดออกมาช่างแทงใจดำเหลือเกิน ใครต่างก็รู้ว่าความสามารถของหมอหลวงมู่หรงเทียบไม่ได้กับมู่หรงเซิ่ง เป็นเพียงหมอหลวงลำดับสี่ก็เท่านั้น แต่มู่หรงเซิ่งกลับเป็นหมอหลวงตำแหน่งสูงสุดของฮ่องเต้ !

“เฉิงเซี่ยงฮูหยินพูดจาหนักเกินไปแล้ว ตระกูลมู่หรงไม่ว่าจะเป็นตระกูลหลังหรือตระกูลรองต่างก็เป็นตระกูลเดียวกัน อาศัยบารมีอะไรกัน !”

ฮูหยินเฒ่ามู่หรงแสดงความไม่พอใจ ไม่มีความรู้สึกพึงพอใจด ๆ กับเฉิงเซี่ยงฮูหยิน

“ฮูหยินเฒ่ามู่หรงพูดถูก แต่ ที่จริงแล้วไม่เหมือนกัน ! ก็เหมือนกับที่ฮ่องเต้ประทานงานแต่งงาน คงจะไม่ประทานให้กับหญิงที่เป็นสามัญชน ท่านว่าใช่หรือไม่ ?”

ในคำพูดของนางเฉิน คนในที่นั้นต่างก็รู้ความหมาย รวมถึงมู่หรงจิ่น

มู่หรงจิ่นเคยได้ยินมาก่อนแล้ว เฉิงเซี่ยงฮูหยินคิดอยากที่จะให้ลูกสาวของตนเองหลี่จิ่นซิ่ว ไปแต่งงานกับราชกุมารเพื่อเป็นไท่จื่อเฟย ดูเหมือนว่าข่าวลือจะไม่ใช่ข่าวปลอม มิเช่นนั้นเหตุใดจะต้องเอาแต่พูดเยาะเย้ยถากถาง ดูถูกมู่หรงเหยาว่าเป็นหญิงสามัญชน อย่าได้คิดเพ้อเจ้อว่าจะได้พระราชาประทานอภิเษกจากฮ่องเต้หรือ ?

มู่หรงจิ่นมองดูมู่หรงเหยา เพราะคำพูดของนางเฉินใบหน้าจึงได้แดงเล็กน้อย กัดริมฝีปากกำลังที่จะเอ่ยปาก แต่กลับโดนฮูหยินเฒ่ามู่หรงขัดจังหวะ

“ใช่แล้ว หญิงสามัญชนธรรมดาคงจะไม่มีทางเหมือนกับเหยาเอ๋อร์ ที่ได้รับคำชมจากฮองเฮาเหนียนเหนียงว่าเป็น‘ยอดหญิงอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งต้าเซียว’”

หลังจากที่ฮูหยินเฒ่ามู่หรงอายุมากแล้ว คำพูดก็สำรวมขึ้นมาก ไม่ได้คมกริบเหมือนกับตอนสาว ๆ

แต่ทว่านางไม่พูดไม่ได้แปลว่านางพูดไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยให้คนอื่นถากถางนางโดยที่ไม่ตอบโต้ พูดอีกอย่างยังมีหลานสาวและหลานสาวของน้องชายอยู่ด้วย หากมีคนเอาเปรียบต่อหน้าเหล่าหลานสาว นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด ? แล้วหน้าของจวนมู่หรงจะเอาไปไว้ที่ใด ?

“คนคนนี้คือคุณหนูของจวนมู่หรง พระชายาเยี่ยนในอนาคตสินะ ? จวนมู่หรงซ่อนไว้ได้อย่างมิดชิดเชียว พวกข้าไม่เคยเห็นคุณหนูใหญ่มู่หรงในงานเลี้ยงสักครั้ง”

เมื่อนางเฉินได้ยินคำของฮูหยินเฒ่ามู่หรง สีหน้าก็ดูแย่ลงไม่น้อย เมื่อคิดดูอีกที ราวกับว่าคิดอะไรได้ ทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้ม กล่าวพูดพร้อมกับมองมายังมู่หรงจิ่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นวลชายาหยกงามของท่านอ๋องจอมมาร