นวลชายาหยกงามของท่านอ๋องจอมมาร นิยาย บท 34

“ไม่มีอะไรที่หรงหลิงจวิ้นจู่ไม่รู้ ตั้งแต่เล็กข้าร่างกายอ่อนแอ ท่านย่าและท่านพ่อห่วงใยข้า จึงให้ข้าพักผ่อนอยู่ในเรืองไม่ร่วมงานเลี้ยง”

เดิมทีมู่หรงจิ่นไม่อยากที่จะสอดเข้าไปในการพูดเหน็บแนมของฮูหยินเฒ่ามู่หรงกับนางเฉิน แน่นอน นี่ไม่เกี่ยวกับเงื่อนไขแรกของนาง แต่หากมีคนไม่รู้จักดีเลว อยากที่จะพูดถึงตนเอง เช่นนั้นก็คงโทษตนเองไม่ได้

“เช่นนั้นก็คงจะไม่ได้ออกมาสิบหกปีได้ล่ะสิ ?”

นางเฉินได้ยินว่าจวนมู่หรงอยากที่จะให้มู่หรงซินแต่งกับอ๋องเยี่ยนเป็นเช่อเฟย(ชายารอง)และมู่หรงจิ่นเพิ่งจะขัดคำพูดของมู่หรงซิน นึกว่านางจะมีอะไรที่ไม่พอใจกับจวนมู่หรง นึกไม่ถึงเลยว่านางจะปกป้องจวนมู่หรงอ

“ก็มิใช่ว่าสิบหกปีไม่ได้ออกมาเลย เทศกาลไหว้พระจันทร์ก็ไปงานโคมลอย เทศกาลซีซี(เทศกาลความรัก)ไปวัดอานเจา เทศกาลเรือมังกร...”

มู่หรงจิ่นต้องการที่จะนับอย่างละเอียดไปทีละแห่ง แต่ก็ถูกนางเฉินขัดจังหวะ :

“คุณหนูใหญ่มู่หรงช่างพูดช่างคุยเสียจริง ข้าหมายถึงงานเลี้ยง !”

นางเฉินแสร้งยิ้ม แต่กลับไม่ปิดบังความระอาในดวงตาแม้แต่น้อย ช่างเป็น “คนไร้ค่า” เสียจริง ! แม้กระทั้งคำพูดของตนเองก็ยังไม่เข้าใจ

“ข้าคิดว่าท่านย่าและท่านพ่อคงจะอนุญาตทว่าเกรงว่าในตอนที่ข้าร่วงงานเลี้ยง จะพบเจอแขกที่เหนือคำบรรยายอย่างเฉิงเซี่ยงฮูหยิน ไม่เพียงแต่กังวลมากไป การที่ได้พักผ่อนอย่างสงบก่อนหน้านั้นคงจะเปล่าประโยชน์ ประโยชน์ที่ได้คงชดเชยความสูญเสียมิได้ !”

ดวงตาของมู่หรงจิ่นเผยให้เห็นเส้นโค้งที่โก้งโค้งอย่างสวยงาม เสียงใสราวกับนกกระจิบสีเหลือง ไพเราะ

“เจ้า...”

“ช่างเป็นคุณหนูใหญ่มู่หรงที่มีศิลปะในการพูดจาเสียจริง !”

เมื่อนางเฉินได้ยินคำของมู่หรงจิ่น ขณะที่กำลังจะกำเริบ ก็มีคนเดินเข้ามาในห้องโถง ด้วยเสียงที่สดใส

“หรงหลิงจวิ้นจู่ !”

คนทั้งหลายเมื่อได้เห็นคนที่มาอย่างชัดเจน ก็ทยอยกันทำความเคารพ

คนที่มาก็คือหรงกั๋วกงและลูกสาวขององค์หญิงใหญ่ผิงหยาง หรงหลิงจวิ้นจู่ที่อายุสิบห้าปี ในตอนนี้ศีรษะของหรงหลิงจวิ้นจู่ประดับปิ่นดอกเหมยสีทอง ใส่เสื้อกระโปรงสีเหลืองอ่อน ข้างบนมีนกกระจาบฝนที่ใช้ดิ้นทองปัก เมื่อแกว่งกระโปรงก็ราวกับมีชีวิต

“ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี !”

หรงหลิงโบกมือ ทุกคนจึงได้ลุกขึ้น

“หรงหลิงจวิ้นจู่ ท่านช่วยตัดสินที คำที่คุณหนูใหญ่มู่หรงพูดท่านแม่ทนได้ แต่ข้าทนไม่ได้ !”

หลี่จิ่นซิ่วเมื่อเห็นว่าเป็นหรงหลิง ในใจก็ปีติยินดี จึงได้ระบายความในใจกับหรงหลิงทันที

“จิ่นเอ๋อร์พูดจาไม่เกรงอกเกรงใจ หวังว่าหรงหลิงจวิ้นจู่จะไม่เก็บไปใส่ใจ”

ฮูหยินเฒ่ามู่หรงเองก็ไม่คิดว่ามู่หรงจิ่นจะสามารถพูดคำอะไรแบบนี้ออกมาได้ ทั้งคลุมเครือและยังดูถูกนางเฉินได้ ทำให้นางที่ได้ฟังนั้นแอบสุขใจ ความระอาในตอนนี้ที่มีต่อมู่หรงจิ่นก็ลดลงไปบางส่วน

คิดว่าสุดท้ายนางก็เป็นลูกสาวตระกูลมู่หรง คงจะไม่พูดอะไรให้เธอก็คงไม่ได้

“ข้าไม่เก็บมาใส่ใจแน่นอนอยู่แล้ว ที่พูดไม่ใช่ข้า ! จิ่นซิ่วพูดถูก คุณหนูใหญ่มู่หรงควรจะแสดงความสำนึกผิดกับเฉิงเซี่ยงฮูหยินมิใช่หรือ ว่าเฉิงเซี่ยงฮูหยินอย่าได้ใส่ใจ !”

หรงหลิงครึ่งหนึ่งของประโยคพูดกับฮูหยินเฒ่ามู่หรง แต่อีกครึ่งพูดกับมู่หรงจิ่น

“หรงหลิงจวิ้นจู่เป็นห่วงเกินไปแล้ว เฉิงเซี่ยงฮูหยินใจกว้างไม่ถือโทษโกรธเคือง ไม่เก็บเอามาใส่ใจหรอก !”

มู่หรงจิ่นเงยหน้า มองดูเด็กสาวอายุสิบห้าปีที่อยู่ตรงหน้า

ดวงตากลมโตใสแวววาวจ้องตากับมู่หรงจิ่น เลิกคิ้วเบา ๆ หน้าตามีสง่าราศีร่าเริง ตาใสแจ๋วฟันขาวผ่อง เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นเด็กสาวที่ฉลาดและบริสุทธิ์ !

“เฉิงเซี่ยงฮูหยิน เช่นนั้นหรือ ?”

หรงหลิงมีความสงสัยกับคำของมู่หรงจิ่น จึงได้ถามนางเฉิน

“แน่นอนอยู่แล้ว ! คุณหนูใหญ่มู่หรงไม่ค่อยได้ออกมาข้างนอก คำพูดคำจาคงยากจะหลีกเลี่ยงความไม่เหมาะสม ข้าไม่เก็บมาใส่ใจหรอก !”

ในตอนที่นางเฉินพูดประโยคนี้ก็เกือบจะกัดฟันแน่นทั้งปาก เดิมทีนางอยากให้หรงหลิงจวิ้นจู่ผู้ไร้เดียงสาคนนี้ออกปากให้กับตนเอง ปรากฏว่ามู่หรงจิ่นพูดไม่กี่คำก็สวมบทบาท “ใจกว้างไม่ถือโทษโกรธเคือง” ให้ตัวเองแล้ว ทำให้ตนเองจะต้องดันทุรังกลืนความโกรธนี้เอาไว้ !

มู่หรงจิ่นคนนี้ เมื่อครู่ยังดูโง่งั่งอยู่เลยมิใช่หรือ ? เหตุใดจู่ ๆ จึงได้เฉลียวฉลาดเช่นนี้ ? นางเฉินกดเก็บความไม่สบอารมณ์ไว้ในใจอย่างโกรธแค้น คิดว่างานเลี้ยงยังไม่เริ่ม ก็ยังมีเวลาใช้กลอุบายกับนาง

“ในเมื่อเฉิงเซี่ยงฮูหยินไม่ได้คิดเล็กคิดน้อย จิ่นซิ่วเจ้าก็อย่าได้เป็นทุกข์เลย แล้วข้าจะพาเจ้าไปดูกระต่าย !”

หรงหลิงคิดว่าในเมื่อนางเฉินพูดเองว่านางไม่เก็บมาใส่ใจ ถึงนางจะโกรธเคืองแทนหลี่จิ่นซิ่วก็ทำอะไรไม่ได้ จึงทำได้เพียงปลอบใจหลี่จิ่นซิ่ว

“ตกลง ข้าฟังตามหรงหลิงจวิ้นจู่ !”

หลี่จิ่นซิ่วพูดจบก็ยังไม่เต็มใจ จ้องมองมู่หรงจิ่นอย่างดุร้าย

“ใกล้จะถึงเวลาแล้ว ฮูหยินเฒ่ามู่หรง เฉิงเซี่ยงฮูหยินและคุณหนูทุกท่าน ไปที่งานเลี้ยงกันเถอะ !”

เดิมทีหรงหลิงก็มาเพื่อจะเชิญพวกนางไปงานเลี้ยง

ดังนั้นทุกคนต่างก็เดินไปยังงานเลี้ยง

ลานบ้านส่วนที่สี่ ก็คือที่ที่จัดงานเลี้ยง

มู่หรงจิ่นมองดูลานบ้านส่วนที่สี่ที่กว้างขวาง ซึ่งเป็นส่วนที่เชื่อมกันของลานบ้านส่วนที่สองกับลานบ้านส่วนที่สาม มีทั้งแมกไม้นานาพันธุ์ ทิวทัศน์ที่สวยงาม และก็มีศาลามากมาย สำหรับให้แขกได้พูดคุยและเพลิดเพลินกับทัศนียภาพ

งานเลี้ยงยังไม่เริ่มอย่างเป็นทางการ หรงหลิงนำพวกนางมายังที่ที่เป็นงานเลี้ยงของสมาชิกหญิงในครอบครัว

ในตอนนี้มีแขกจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในที่จัดเลี้ยงของสมาชิกผู้หญิง ทุก ๆ สองสามคน หากไม่ถามทุกข์สุขกันที่ศาลา ก็ขว้างเหยื่อให้อาหารปลาอยู่ที่ทะเลสาบ หรือชมดอกไม้อยู่ที่แปลงดอกไม้

“เชิญฮูหยินเฒ่ามู่หรงและเฉิงเซี่ยงฮูหยินตามสบาย เหยาเอ๋อร์ จิ่นซิ่ว ข้าพาพวกเจ้าไปดูกระต่ายเอาไหม ?”

หรงหลิงกับมู่หรงเหยาและหลี่จิ่นซิ่วอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เคยเข้าร่วมงานเลี้ยงมาบ้างจึงรู้จักกัน บวกกับที่มู่หรงเหยาและหลี่จิ่นซิ่วอยากที่เจ้าใกล้ชิดกับนาง หรงหลิงที่บริสุทธิ์ก็เลยถือว่าพวกนางเป็นเพื่อนสนิท ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันนางได้กระต่ายที่น่ารักมากมาสองสามตัว นางจึงอยากจะเอาให้เพื่อนดู

“หรงหลิงจวิ้นจู่ ให้พี่หญิงใหญ่ไปด้วยเถอะ !”

มู่หรงเหยาจูงมือของหรงหลิง สายตาน่าสงสาร

“ตกลง เจ้าก็ไปด้วย !”

หรงหลิงถึงแม้ว่าจะไม่รู้จักมู่หรงจิ่นผู้นี้ ทว่าก็ได้ยินการกระทำที่ไม่ดีของมู่หรงจิ่นมาจากปากของมู่หรงเหยาและหลี่จิ่นไม่น้อย และเมื่อครู่ก็ได้ยินนางตีฝีปากกับนางเฉิน ในใจก็นึกไปก่อนแล้วว่านางเป็นผู้หญิงที่ไร้มารยาท ไม่ได้รู้สึกดีอะไรกับนาง

แต่ในเมื่องมู่หรงเหยาเอ่ยปาก นางเองก็ไม่ใช่คนใจแคบอะไร ให้นางดูกระต่ายก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร

มู่หรงจิ่นมองดูฝีมือในการแสดงของมู่หรงเหยา ก็แอบถอนหายใจและตามไป

หรงหลิงพาพวกนางเดินมาที่พงหญ้า ที่นั่นเป็นที่เล็ก ๆ ที่ใช้ก้อนหินก่อกำแพง ข้างในเลี้ยงกระต่ายสีขาวตัวน้อยสี่ตัว ในตอนนี้กำลังแทะแครอทอย่างเอร็ดอร่อย

“ดูสิ น่ารักมากเลย !”

หรงหลิงจ้องมองกระต่าย ไม่สนใจสิ่งใด นั่งคุกเข่ามองกระต่ายอย่างเคลิบเคลิ้ม

“หรงหลิงจวิ้นจู่ ช่างน่ารักจริง ๆ ใครให้มาหรือ ?”

หลี่จิ่นซิ่วเองก็เป็นสาวน้อยวัยสิบห้าปี เมื่อเห็นสัตว์อย่างกระต่ายขาว ก็ไม่มีทางต้านทานได้เป็นธรรมดา นั่งคุกเข่าลงไปข้าง ๆ หรงหลิง หยิบใบไม้บนพื้นขึ้นมาแหย่กระต่ายเล่น

“ผู้พี่เหยียนให้มา น่ารักไหม ?”

ในมือของหรงหลิงถือแครอทไปป้อนกระต่ายน้อย กล่าวตอบโดยที่ไม่หันกลับมามอง

“ผู้พี่เหยียนของหรงหลิงจวิ้นจู่ ? หรือว่าจะเป็นท่านอ๋องเยี่ยน ?”

เมื่อมู่หรงเหยานึกถึงว่ากระต่ายเหล่านี้ผู้พี่เหยียนเป็นคนให้มา ในใจก็ตื่นเต้นขึ้นมาไม่น้อย

“ใช่แล้ว !”

หรงหลิงจวิ้นจู่ตอบกลับอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพราะจิตใจจดจ่ออยู่ที่กระต่าย

“พี่หญิงจิ่น เจ้าหึงหวงแล้วใช่หรือไม่ ?”

มู่หรงซินแกล้งทำเป็นท่าทางระมัดระวัง กล่าวถามมู่หรงจิ่น

“หึงหวง ? คุณหนูใหญ่มู่หรงความอดทนสูงเช่นนี้เลยหรือ ?”

หลี่จิ่นซิ่วได้ยินคำของมู่หรงซิน ก็ลุกขึ้นปัด ๆ มือ มองไปยังมู่หรงจิ่น ตั้งใจกล่าวเสียงดัง เพื่อเรียกร้องความสนใจของหรงหลิงที่เล่นกับกระต่ายอย่างสนุกสนาน

“ข้าเกือบจะลืมแล้ว เจ้าใกล้จะเป็นภรรยาของผู้พี่เหยียน วันหลังผู้พี่เหยียนแต่งงานกับเจ้า ก็คงจะไม่ส่งกระต่ายที่น่ารักเช่นนี้ให้กับข้าแล้วใช่ไหม ?”

หรงหลิงได้ยินคำของหลี่จิ่นซิ่ว จึงได้ลุกขึ้นทันที กล่าวถามมู่หรงจิ่นอย่างจริงจัง

“จะเป็นไปได้อย่างไร ข้ายังจำเทศกาลไหว้พระจันทร์ได้ ท่านอ๋องเยี่ยนส่งสมบัติหายากมากมายให้กับพี่หญิงจิ่น กระต่ายไม่กี่ตัวจะเป็นอะไรไป”

คำพูดนี้ของหลี่จิ่นซิ่วถ้าไม่รู้คงคิดว่านางกำลังปกป้องมู่หรงจิ่นอยู่ ที่จริงตั้งใจยั่งยุให้หรงหลิงจวิ้นจู่ไม่พอใจ

มู่หรงจิ่นมองดูสถานการณ์ตรงหน้า ถ้ายึดตามหรงหลิง มู่หรงเหยา มู่หรงซินและหลี่จิ่นซิ่วยืนอยู่ข้าง ๆ หรงหลิง ข้างหลังเป็นคนใช้ที่ติดตัวของพวกนาง นับไปแล้วมีสิบคน นี่มันสิบต่อหนึ่ง !

“ข้าก็ว่าเหตุใดเทศกาลไหว้พระจันทร์ผู้พี่เหยียนไม่ได้ส่งของอะไรให้ข้า ที่แท้ก็ส่งให้เจ้าหมดนี่เอง !”

หรงหลิงทำปากจู๋ มองมู่หรงจิ่นด้วยเจตนาร้าย

มู่หรงจิ่นมองดูท่าทางที่สามัคคีกันของสี่คนข้างหน้า ก็ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา ดูเหมือนว่าหลี่จิ่นซิ่วจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่ามู่หรงเหยาไม่อยากแต่งกับไท่จื่อ ถึงได้ร่วมมือกับมู่หรงเหยากำจัดตนเอง

“หรงหลิงจวิ้นจู่ สิ่งของนั้นไร้ชีวิต กระต่ายมีชีวิต ท่านเฉลียวฉลาดเช่นนี้ จะต้องเข้าใจจิตใจของท่านอ๋องเยี่ยนแน่นอน นั่นถึงจะเรียกว่าล้ำค่ายิ่งกว่า !”

มู่หรงจิ่นยิ้มและมองไปยังหรงหลิง น้ำเสียงราวกับมีเวทมนตร์

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นวลชายาหยกงามของท่านอ๋องจอมมาร