เวลา 17:45 น. หลังจากที่ประชุมงานเสร็จ ภาคินเดินออกจากห้องประชุมตรงไปยังลิฟต์ เพราะมีนัดกับเพื่อนสนิทอย่าง แม่ทัพ ขุนพันและจอมพลที่ร้านอาหาร ฮาร์เปอร์
“คินคะ” เสาวณีรีบทัก แล้วตามเข้าไปในลิฟต์กับเจ้านายสุดหล่อ
“อ้าว! ยังไม่กลับเหรอครับณี” ภาคินขมวดถามอย่างรู้สึกมึนงงนิดๆ เพราะไม่เคยมีใครกล้าเข้ามาในลิฟต์ของผู้บริหาร
“กำลังจะกลับค่ะ คินจะไปไหนต่อคะ” เสาวณีตอบก่อนจะทำเนียนด้วยการเอื้อมมือไปกดลิฟต์ให้เลื่อนลงไปยังชั้นจอดรถด้านล่าง
“เอ่อ...พอดีผมนัดกับเพื่อนเอาไว้น่ะครับ” ภาคินรับรู้ได้ถึงกระแสบางอย่างในแววตาที่จ้องมองมาอย่างสื่อความหมาย
“ที่ไหนเหรอคะ” เสาวณีถามต่ออย่างอยากรู้
“ยังไม่ทราบเหมือนกันครับ ผมกำลังจะโทรหาเพื่อน” ภาคินตอบเลี่ยงๆ เพราะกลัวว่าสาวตรงหน้าจะขอตามไปด้วย
“เอ่อ...ว่างๆ เราไปทานข้าวและฟังเพลงกันไหมคะ” เสาวณีเอ่ยถามอย่างมีความหวัง
“ณี! ผมไม่ได้เป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว” ภาคินกัดฟันบอกตรงๆ เพราะรู้สึกอึดอัดกับการกระทำและคำพูดของอีกฝ่าย
“ณีเข้าใจค่ะ ณีสัญญาว่าจะไม่เรียกร้องอะไรจากคุณ ก็แค่คิดถึงช่วงเวลาเก่าๆ ที่เคยมีร่วมกันเท่านั้น” เสาวณีทวนความหลังด้วยสีหน้าเศร้าๆ
“! ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมคงจะไม่ทำเรื่องนั้นกับคุณ” ภาคินบอกอย่างรู้สึกแย่ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าเอ่ยเรื่องที่ตนอยากจะลืม
“คิน...” เสาวณีน้ำตาคลอขึ้นมาทันทีทันใดที่ได้ยินประโยคแสลงใจ
“ผมมีคนที่รักแล้ว และฐานะของผมกับคุณตอนนี้คือเจ้านายกับลูกน้อง โอเค้?” ภาคินเตือนสติ
“โอเคค่ะ ฮึก...” เสาวณีพยักหน้ารับทั้งน้ำตา
“เยี่ยม! ผมหวังว่าครั้งหน้าคุณจะมีสติมากกว่านี้ ขอตัวก่อน” ภาคินบอกก่อนจะเดินออกจากลิฟต์ตรงยังรถสปอร์ตสุดหรูของตนโดยไม่หันกลับไปมองคนที่ยืนร้องไห้อยู่ในลิฟต์
เสาวณีอยากจะกรีดร้องออกมาเพื่อระบายความเจ็บปวด แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะ รปภ. สองคนกำลังหันมามองที่เธอ จึงรีบกดลิฟต์กลับไปที่ชั้นล็อบบี เพื่อเดินอ้อมไปทางประตูด้านหลังที่เป็นที่จอดรถของพนักงาน
ร้านอาหาร Harper เวลา 18:51 น.
ภาคินเดินเข้าไปในร้านที่ตกแต่งด้วยหุ่นยนต์ของค่ายหนังยักษ์ใหญ่อย่างมาร์เวล ที่มีแต่ซุปเปอร์ฮีโร่มากมายนับสิบตัว ยืนอยู่ตามมุมต่างๆ เรียกความสนใจของแขกที่เข้ามานั่งในร้านให้พากันลุกไปถ่ายรูป
“ว่าไงวะคิน ทำไมทำหน้าบูดแบบนั้น” แม่ทัพเอ่ยทักทายเพื่อนรักที่เดินทำหน้าบอกบุญไม่รับเข้ามาหา
“เฮ้อ...มีเรื่องปวดหัวนิดหน่อยน่ะ” ภาคินตอบพร้อมกับนั่งข้างๆ อีกฝ่าย
“เรื่องอะไรวะ?” ขุนพันที่กำลังคุยงานกับเลขาผ่านแชตรีบเงยหน้าขึ้นมาถามอย่างสนใจ
“เรื่องณี” ภาคินเอ่ยก่อนจะยกแก้วบรั่นดีที่พนักงานรินให้ขึ้นมาจิบเบาๆ
“ณี ที่เรียนรุ่นเดียวกับเรา?” แม่ทัพขมวดคิ้มถาม เพราะเคยเจออีกฝ่ายที่โรงแรมของเพื่อนรักมา 2-3 ครั้ง
“ใช่!” ภาคินพยักหน้ารับก่อนจะถอนหายใจทิ้งอย่างรู้สึกเพลียๆ
“สรุปแกจะรอน้องไวน์เรียนจบแล้วแต่งงานใช่ไหม?” จอมพลถามเข้าเรื่องที่ทุกคนในกลุ่มรู้กันดีว่า ภาคินแอบรักสาวน้อยที่อยู่บ้านข้างๆ มานาน
“นั่นแหละแผนกู” ภาคินตอบด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
“แล้วชีวิตเซ็กซ์ของมึงอีกสามปีต่อจากนี้ล่ะ” แม่ทัพถามอย่างสงสัย ไอ้ส่วนที่รอให้วรันยาเรียนจบน่ะพอเข้าใจ แต่ที่เขาไม่เข้าใจคือช่วงระยะเวลาที่รอเพื่อนจะจัดการกับความต้องการทางกายของตัวเองยังไง หากมีข่าวควงสาวคนนั้นคนนี้หลุดออกไปถึงหูสาวเจ้าคงไม่ใช่เรื่องดีแน่
“จะไปยากอะไร ก็หาผู้หญิงที่ว่าง่ายๆ เอาไว้แก้เครียดสักคนสิ พอน้องไวน์ใกล้จะเรียนจบก็ค่อยบอกยุติความสัมพันธ์” ขุนพันเอ่ยพลางยักไหล่ทั้งสองข้างขึ้นนิดๆ ราวกับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโตอะไร
“มีด้วยเหรอวะที่ยอมจบง่ายๆ” จอมพลขมวดคิ้วถามอย่างไม่ค่อยอยากจะ
“มีสิ! แต่แกต้องยื่นข้อเสนอที่ชัดเจนตั้งแต่แรก” คนที่มีประสบการณ์ในเรื่องควบคุมสาวๆ ในสังกัดให้อยู่ในโอวาทบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“เช่น?” ภาคินเลิกคิ้วถาม
“ก็ไม่เปิดเผยความสัมพันธ์ ไม่บอกใครให้รู้ ให้เงินเดือนเท่าไหร่ แบบนี้จะสบายใจกว่าการมีความสัมพันธ์กับสาวมากหน้าหลายตา แถมน้องไวน์ก็ไม่รู้อีกด้วย” ขุนพันสปอยต่อ
“ใช่ๆ จะได้ไม่มีประวัติเสียติดตัว” แม่ทัพเสริมอย่างเห็นด้วย
“แหม...นี่พวกแกทำราวกับว่าที่ผ่านมาไอ้คินมันมีประวัติดีอย่างงั้นแหละ?” จอมพลแย้งอย่างอดไม่ได้
“แล้วประวัติมึงดีเหรอวะไอ้จอม” ภาคินหันไปถามเพื่อนรักด้วยสีหน้ากวนๆ
“ก็ไม่ได้บอกว่าดี แต่ก็ไม่ได้เฟคโว้ย” จอมพลตอกกลับ
“สรุปเลือกใครวะ นักร้องหรือว่านางเอก?” แม่ทัพถามเข้าเรื่องที่กำลังเป็นข่าวดังส่งท้ายปี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภาคิน (ซีรีส์ 3 หนุ่มซานเตียนโน่)