ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ เสียงเรียกเข้าของมือถือดึงความสนใจของคนที่กำลังร้องไห้ให้หันไปมอง พอเห็นชื่อของสิงขร เธอจึงรีบกดรับสายมือไม้สั่น
[สวัสดีครับคุณภา]
[ฮึก...สวัสดีค่ะ] ลัมภาขานรับและพยายามกลั้นเสียงสะอื้น
[คุณคินให้ผมโทรมาบอกว่า...ขอยุติความสัมพันธ์ทุก ๆ อย่างและจะโอนเงินให้คุณสองล้านบาท โดยแลกกับการที่คุณต้อง...ไม่-ให้-สัมภาษณ์-กับ-นักข่าว คุณยินดีจะรับข้อเสนอนี้ไหมครับ] คนที่ทำหน้าเป็นสื่อกลางเอ่ยถาม
[ปะ...แปลว่าหลังจากนี้คุณคินจะไม่มาหาภาอีกแล้ว] ลัมภาถามขณะที่น้ำตาไหลอาบแก้มเป็นทาง
[ครับ ส่วนคอนโดที่คุณอยู่ คุณคินให้เวลาย้ายออกภายในสามเดือน] สิงขรเอ่ยรับพร้อมกับบอกกำหนดการ
[ภาทำอะไรผิดคะ ฮือๆๆ] ลัมภาปล่อยโฮออกมาอย่างเก็บอาการไม่อยู่ เพราะรูปที่หลุดออกไป เธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
[ในสัญญาระบุเอาไว้นะครับว่าหากความสัมพันธ์ถูกเปิดเผย ทุกอย่างก็จะยุติลงทันที มันอยู่ในข้อที่ 5 วรรค 2] คนที่ทำหน้าที่ร่างสัญญาบอกด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
[แต่ภาไม่ได้เป็นคนปล่อยภาพนั้นนะคะ] ลัมภาตอกกลับอย่างรู้สึกจุกและเจ็บไปทั้งหัวใจ
[คุณคินรู้แล้วครับว่าคุณไม่ได้ปล่อยภาพ ถึงได้ยื่นข้อเสนอนี้ให้ สรุปคุณจะรับหรือเปล่าครับ?]
[ฮึก...ค่ะ] ลัมภาเอ่ยรับเสียงอ่อน แม้หากแลกได้...เธอขอแลกเงินสองล้านบาทกับการได้เป็นคนรัก ที่ไปไหนมาไหนแบบมีตัวตนแค่สักหนึ่งวันก็พอ แต่มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้
[โอเคครับ พรุ่งนี้ผมจะให้ทนายเอาเอกสารเข้าไปให้คุณเซ็นพร้อมกับ เงินสด] สิงขรสรุป
[ค่ะ] ลัมภาขานรับอย่างจำใจ ก่อนจะกดวางสายแล้วร้องไห้ให้กับภาพ คืนวันเก่าๆ ที่เคยมีร่วมกับภาคิน
คนที่นั่งฟังการสนทนาอยู่เงียบๆ เอ่ยถามหลังจากที่คนสนิทกดวางสาย“ใครเป็นคนปล่อยภาพครับพี่สิงห์”
“อันนี้ผมไม่ทราบครับ เหมือนคนที่ปล่อยภาพน่าจะวางแผนมาดี” สิงขรบอกพร้อมกับถอนหายใจอย่างเพลียๆ สองวันมานี้เขาตามเช็กหลายอย่าง แต่ก็เหมือนจะเจอทางตัน เพราะเพจต้นเรื่องที่ปล่อยภาพ ก็ปิดเพจหนีหายเข้ากลีบเมฆไป ในของส่วนลัมภาเอง เขาก็ให้คนเช็กทั้งมือถือและแฮ็กเฟซบุ๊กกับไลน์ เพื่อตรวจสอบข้อมูลในการสื่อสาร ซึ่งพบแค่ข้อความจากเพื่อนๆ ที่ส่งมาถามเรื่องของภาคิน
เจ้าตัวแค่เปิดอ่าน ไม่ได้พิมพ์ตอบใดๆ จึงคิดว่าคนที่ปล่อยภาพไม่ใช่ลัมภา แต่อาจจะเป็นใครอีกคนที่ตามสืบความเคลื่อนไหวของภาคินอยู่เงียบๆ ซึ่งตอนนี้เขาก็กำลังให้คนตามสืบหาเบาะแสต่างๆ เพื่อจะย้อนศรคืนกลับไปยังต้นทาง
“ยายเป็นไงบ้างครับ” ภาคินถามถึงผู้เป็นยายที่คิดว่าน่าจะเดินทางกลับจากการไปทำบุญและทราบข่าวของตนแล้ว
“เดือดยิ่งกว่าน้ำต้มไก่ครับ” สิงขรอมยิ้ม เพราะเมื่อวานตอนบ่ายตนเพิ่งจะถูกกังศมาเรียกไปสอบถามและต่อว่ามาชุดใหญ่ พอตอนกลางคืนก็ถูกนารีพาลด่าจนต้องรีบแกล้งหลับ
“! ผมไม่อยากกลับไร่แล้วสิ” ภาคินบอกอย่างรู้สึกเสียวสันหลังนิดๆ
“เอ่อ...แล้วคุณไวน์เป็นไงบ้างครับ” สิงขรถามอย่างรู้สึกเป็นห่วง
“น้องไวน์ร้องไห้จนตาบวมเลยครับ คงจะเสียใจและผิดหวังในตัวผมมาก” ภาคินบอกเสียงเศร้าเมื่อนึกไปถึงตอนที่สาวเจ้าเดินมาเปิดประตูให้ตน
“แล้วคุณคินจะบินกลับไปหาคุณไวน์อีกเมื่อไหร่ครับ”
“อีก 2-3 วันครับ ผมว่าจะพายายไปด้วย” ภาคินถอนหายใจรู้สึกเพลียๆ ที่สุดท้ายแล้วก็ต้องขอให้ผู้เป็นยายออกหน้าช่วย
“หึๆๆ” สิงขรหัวเราะได้เพียงครู่ เสียงเรียกเข้าของมือถือก็ดังขึ้น พอหันไปมองก็เห็นชื่อของนายหญิงซานเตียนโน่โชว์ขึ้นที่หน้าจอ “เอ่อ...คุณดาหลาโทรมาครับ”
“เฮ้อ...” ภาคินถอนหายใจก่อนจะกดรับสายของมารดา ที่คาดว่าน่าจะโทร. มาสอบถามเรื่องที่เป็นข่าว
[สวัสดีครับคุณดาหลา]
[ตลกเหรอ? เล่าเรื่องแม่นั่นมาเดี๋ยวนี้เลย]
[ก็ตามที่ให้สัมภาษณ์นั่นแหละครับ เคยคบและเลิกไปนานแล้ว]
[คิน! ตอนนี้ลูกนั่งเก้าอี้ผู้บริหารเต็มตัวแล้วนะ จะทำอะไรก็นึกถึงชื่อเสียงของตัวเองเอาไว้เยอะๆ มีข่าวกับสาวมากหน้าหลายตาแบบนี้มัน...]
[โธ่! ถ้าแม่จะห่วงผมชื่อเสียงของผมขนาดนี้ แม่ก็ควรจะห่วงชื่อเสียงของ ไอ้นัยด้วยนะครับ มันมีข่าวกับสาวทุกๆ สองเดือนเลย]
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภาคิน (ซีรีส์ 3 หนุ่มซานเตียนโน่)