ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ...
ท่าอากาศยานแห่งความภาคภูมิใจของชาวไทยทุกคนในวันนี้และทุกๆ วันได้คราคร่ำไปด้วยผู้คนหลายชาติหลายภาษาที่ได้เดินทางเข้าออกมาเยี่ยมเยียนแผ่นดินทองสยามเมืองยิ้ม
คาซัจ หนึ่งในองครักษ์เอกของเจ้าชายฮารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์ ประมุขแห่งอัลนูรีนได้เดินทางมารอรับเสด็จเจ้าชายซารีฟร์พร้อมกับพระชายาและเหล่าองครักษ์ล่วงหน้าก่อนที่เครื่องบินหลวงจะมาถึงแผ่นดินเมืองไทยถึง 2 ชั่วโมงเต็ม และเมื่อเห็นเจ้าชายหนุ่มรูปงามเจ้าชายองค์รองแห่งแผ่นดินทะเลทรายได้เดินออกมาจากช่องผู้โดยสารขาเข้าองครักษ์หนุ่มก็รีบสาวเท้ายาวๆ เข้าไปหาพร้อมกับทำความเคารพตามประเพณีของตนเองโดยการทรุดตัวลงคุกเข่าเอามือไปแตะที่เท้าของเจ้าชายซารีฟร์แล้วเอามาสัมผัสที่ศีรษะและหัวใจของตนเองซึ่งเป็นการทำความเคารพตามประเพณีของชาวอัลนูรีนที่องครักษ์ทาสรับใช้ผู้เสียสละได้แม้กระทั่งชีวิตของตนต้องกระทำเช่นนี้กับเจ้าแห่งชีวิตของตนเอง คาซัจทำความเคารพโดยไม่สนใจผู้คนทั่วทั้งท่าอากาศยานที่มองมาด้วยความสนใจและทึ่งในความหล่อสมาร์ทคมเข้มของเหล่าบุรุษชาติอาหรับ
“พระองค์ กระหม่อมมารอรับพระองค์พะยะค่ะ”
เจ้าชายซารีฟร์เพ่งมององครักษ์หนุ่มที่ทรุดตัวทำความเคารพพร้อมกับกล่าวทักทายเป็นภาษาอาหรับอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกด้วยภาษาอาหรับเช่นเดียวกัน
“คาซัจใช่ไหม เจ้าเป็นองครักษ์ของท่านพี่ฮารีฟร์”
“พะยะค่ะพระองค์”
องครักษ์หนุ่มฉีกยิ้มกว้างด้วยความปลื้มปิติดีใจที่เจ้าชายแห่งราชวงศ์อัลนูรีนจดจำทาสรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ได้แทบทุกนาย แม้ตัวเขาจะไม่ได้อยู่รับใช้เจ้าชายซารีฟร์โดยตรงแต่ถึงกระนั้นเจ้าชายหนุ่มรูปงามองอาจก็ยังคงจดจำเหล่าองครักษ์ได้เสมอ
“กระหม่อมได้รับคำสั่งจากเจ้าชายฮารีฟร์ให้มารอรับพระองค์กับพระชายาพะยะค่ะ”
องครักษ์คาซัจเอ่ยบอกตามคำสั่งที่ตนเองได้รับมาจากประมุขแห่งอัลนูรีน เขากวาดสายตามองแค่เพียงครู่เดียวก็ทราบได้ทันทีว่าหญิงสาวชาวไทยแสนสวยคนใดคือพระชายาของเจ้าชายหนุ่มนักรัก เขาสืบเท้าเข้าไปใกล้พระชายาคนงามจากนั้นก็ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าทำความเคารพดุจเช่นที่ได้ปฏิบัติกับเจ้าชายซารีฟร์
“ราชินีทรงสั่งให้กระหม่อมมารับพระองค์กับคุณนาราพรรณกลับบ้านพะยะค่ะ”
“ราชินี? คุณหมายถึงพี่น้ำเหนืองั้นหรือ”
นาราภัทรเอ่ยถามราวกับละเมอแสดงอาการงุนงงให้เห็นตั้งแต่ครั้งแรกตอนที่องครักษ์ผู้นี้ได้ทรุดตัวทำความเคารพเธอเหมือนกับได้ทำกับเจ้าชายซารีฟร์ เธอรู้ว่าการทำความเคารพเมื่อสักครู่เป็นวิธีสัตย์สาบานตนที่เหล่าองครักษ์มักจะแสดงต่อเจ้าเหนือหัวของตนเองเพราะเธอเคยเห็นองครักษ์ราชิตและอาดิลมักจะเคารพเจ้าชายซารีฟร์ด้วยวิธีนี้เสมอมา แต่ที่เธอไม่เข้าใจคือทำไมองครักษ์ผู้นี้ถึงได้ทำความเคารพเธอด้วยวิธีนี้
คาซัจลุกขึ้นยืนโค้งคำนับองครักษ์ราชิตกับอาดิลพร้อมกับฉีกยิ้มแป้นก่อนจะเอ่ยไขข้อสงสัยของพระชายาคนงาม
“พะยะค่ะ ราชินีนีราพรรณกำลังจะได้รับการสถาปนายศให้เป็นราชินีอย่างเป็นทางการทันทีที่มีการจัดพิธีอภิเษกขึ้น”
“เจ้าชายช่วยอธิบายให้กระจ่างหน่อยได้ไหมคะ”
นาราภัทรขมวดคิ้วเข้าหากันให้ยุ่งไปหมดขณะหันมาเอ่ยถามเจ้าชายหนุ่มที่ยืนยิ้มพรายใกล้ๆ แนบชิดกับเรือนกายของเธอ
“ไปขึ้นรถก่อนเถอะเดี๋ยวเราอธิบายให้ฟังอีกครั้ง”
มือใหญ่อบอุ่นโอบไปรอบเอวบางคอดกิ่วประคองกอดให้เดินไปยังลานจอดรถของลูกค้าระดับวีไอพีด้วยกัน
“เจ้าชายจะเล่าให้ฟังได้หรือยังคะ”
นาราภัทรถามย้ำอีกครั้งเมื่อทุกคนขึ้นมานั่งภายในรถตู้ยี่ห้อดังจากยุโรปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ทั้งเธอและน้องสาวต้องการได้รับความกระจ่างแจ้งเรื่องของพี่สาวคนโตพี่สาวผู้เสียสละยอมทำทุกอย่างเพื่อคนในครอบครัว
เจ้าชายซารีฟร์ลอบถอนหายใจคงถึงเวลาที่ต้องบอกความจริงเรื่องบ้านและโรงแรมให้ฝาแฝดทั้งสองได้รับรู้แล้ว
“ท่านพี่ฮารีฟร์ได้ประกาศให้ราษฎรปวงผองชาวอัลนูรีนได้รู้ว่าพี่สาวของเจ้าเป็นราชินีแห่งแผ่นผืนทะเลทรายและอีกไม่ถึงเดือนก็จะมีการจัดพิธีอภิเษกขึ้นที่อัลนูรีน”
“เป็นการอภิเษกที่เกิดขึ้นจากความเต็มใจของพี่น้ำเหนือหรือว่าเจ้าชายฮารีฟร์บังคับให้แต่งด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พายุรักแห่งเม็ดทราย