“เลิกทำหน้าขี้แยได้แล้ว ถ้าหากทนายมือหนึ่งแห่งคฤหาสน์กมลเนตรอย่างป้าจันได้เห็นเข้ารับรองได้ว่าตัวต้องถูกซักฟอกจนขาวสะอาดเลยล่ะ”
นาราภัทรพยักหน้ารับฝืนยิ้มบางๆ ให้แฝดน้องปรับสีหน้าแววตาให้ดูร่าเริงแจ่มใสเหมือนคนที่เพิ่งกลับมาจากเมืองนอกใหม่ๆ ไม่ใช่หญิงสาวที่หัวใจแตกสลายกับรักแรกรักเดียวที่มอบให้กับบุรุษชาติอาหรับ
รถตู้คันใหญ่ดูหรูหราที่คืบคลานเข้ามาจอดอยู่ที่รั้วหน้าบ้านทำให้ป้าจันแม่บ้านประจำคฤหาสน์กมลเนตรต้องออกมาเมียงมองดูด้วยความแปลกใจระคนสงสัยว่ามีใครมาเยี่ยมคุณกมลหรือเปล่า แต่เมื่อเดินออกมาได้ครึ่งทางเดินก็มีอันต้องยิ้มกว้างสาวเท้ายาวๆ เกือบเป็นวิ่งตรงไปยังประตูอัลลอยบานใหญ่
“คุณน้ำหนาว คุณน้ำค้าง ทูนหัวของป้า...จะกลับมาเมืองไทยทำไมไม่โทรมาบอกสักคำ”
ถ้อยคำวาจาตำหนิติติงระคนเอ็นดูรักใคร่นั้นสั่นเครือดังแว่วมาแต่ไกลก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาถึงคุณๆ แสนสวยด้วยซ้ำและเมื่อประตูรั้วสีขาวบานใหญ่ถูกเปิดออกกว้างฝาแฝดแสนสวยทั้งสองก็หัวเราะออกมาทั้งน้ำตาเมื่อถูกป้าจันกอดรัดแน่นราวกับแม่งูเหลือมกอดรัดเหยื่อตัวน้อยๆ
“ป้าจันขา...กระดูกจะแหลกแล้วค่ะ”
นาราพรรณแกล้งร้องครวญครางพร้อมกับหัวเราะคิกยกมือปาดน้ำตาตรงหางตาที่เอ่อคลอออกมาด้วยความสุขใจที่ได้กลับมายังแผ่นดินเกิดของตนเอง
“แหม...น่าตีจริงๆ เลย จะกลับเมืองไทยทำไมไม่โทรมาบอกให้ป้ากับคุณพ่อไปรับที่สนามบินคะ”
ปากบอกว่าน่าตีแต่มือเล็กที่เหี่ยวย่นตามกาลวัยและเวลาที่ล่วงผ่านเลยได้ตีลงไปเบาๆ บนต้นแขนเนียนขาวผ่องของนาราพรรณที่แสร้งทำหน้าเหยเกร้องลั่นราวกับเจ็บมากมายเหลือเกิน
“โอ๊ย!...เจ็บค่ะ...แขนน้ำค้างเขียวช้ำหมดแล้ว”
“เดี๋ยวเถอะเด็กคนนี้” ป้าจันมองค้อนก่อนจะเอ่ยต่อว่ายิ้มๆ “ป้าตีนิดเดียวทำเป็นร้องลั่นได้ยินไปสามทุ่ง”
นาราพรรณหัวเราะร่วนก้มลงกราบงามๆ ตรงอกอบอุ่นของป้าจันจากนั้นก็โผเข้าไปกอดประจบประแจงเสียงหวานหยดย้อย
“คิดถึงป้าจันที่สุดเลย”
“ป้าก็คิดถึงทูนหัวขอป้าเหมือนกัน”
แม่บ้านแห่งคฤหาสน์กมลเนตรซึ่งทำหน้าที่มากกว่าการเป็นคนรับใช้ได้โอบกอดหอมแก้มเนียนแดงปลั่งของสาวน้อยที่นางรักใคร่เอ็นดูราวกับเป็นลูกในไส้ของตนเองฟอดใหญ่ก่อนจะดันร่างบอบบางออกห่างเล็กน้อยแล้วหันไปโอบกอดอีกหนึ่งฝาแฝดแสนสวยที่ยืนยิ้มบางๆ ดูไม่สดชื่นสักเท่าไหร่นัก
“ทูนหัวคนสวยของป้ามาให้ป้ากอดหน่อยลูก”
“ป้าจันขา...น้ำหนาว...”
นาราภัทรสะอื้นร้องไห้โฮโถมกายเข้าไปสวมกอดแม่บ้านที่ตนเองรักนับถือดุจดังบุพการีไว้แน่น หยาดน้ำตาแห่งความดีใจที่ได้กลับมาสู่มาตุภูมิแผ่นดินเกิดอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นของญาติผู้ใหญ่รวมทั้งน้ำตาแห่งความปวดร้าวอันเกิดจากความรักที่มิอาจสมหวังได้ไหลพร่างพรูผสมปนเปกันจนแยกไม่ออก
“เอ๋...ทำไมกลับเมืองไทยครั้งนี้คุณน้ำหนาวจอมแก่นของป้าจันถึงได้ขี้แยร้องไห้เป็นเต่าเผาเลย หรือว่าดีใจที่จะได้ยินเสียงป้าจันบ่นทุกวันจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่”
ถึงแม้จะรู้ดีว่าหญิงสาวแสนสวยในอ้อมแขนซึ่งนางได้เลี้ยงมาตั้งแต่ยังเล็กกำลังร้องไห้เพราะความเสียใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ยังไม่ทราบกระจ่างชัดแต่ป้าจันก็ไม่ได้เอ่ยถามออกมา ในทางตรงกันข้ามได้แกล้งเอ่ยถามด้วยประโยคถ้อยคำที่คนร้องไห้เองมักจะเอ่ยแซวตัวนางเสมอตอนที่อยู่เมืองไทยด้วยกัน
นาราภัทรยกมือปาดน้ำตาผละกายออกจากอ้อมอกอันแสนอบอุ่นก่อนจะคลี่ยิ้มหวานละความโศกเศร้าในเรื่องความรักละทิ้งเรื่องของเจ้าชายซารีฟร์บุรุษชาติอาหรับผู้กอบกุมหัวใจของตนเองไปชั่วขณะเมื่อจับกระแสน้ำเสียงรู้สึกได้ว่าป้าจันกำลังสงสัยกับกริยาที่แปลกไปจากเดิมของเธอ
“น้ำหนาวดีใจที่ได้กลับบ้านเรา ดีใจที่ได้ยินเสียงบ่นของป้าจันและดีใจที่ได้กลับมาอยู่กับทุกๆ คนที่รักน้ำหนาว”
ป้าจันคลี่ยิ้มแป้นกุมดวงหน้างามหวานไว้ในอุ้มมือก่อนจะเอ่ยตอบ “ทูนหัวของป้าๆ ก็ดีใจเหมือนกันที่คุณหนูๆ จะกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเสียที แต่แหม...เสียดายที่คุณหนูน้ำเหนือต้องไปอยู่ประเทศอัลนูรีนเป็นราชินีอยู่ที่แผ่นดินทะเลทรายถ้าไม่เช่นนั้นแล้วพวกเราคงมีความสุขมากกว่านี้”
“น้ำหนาวดีใจที่เจ้าชายฮารีฟร์รักพี่น้ำเหนือและยกย่องให้เป็นราชินี”
“เจ้าชายฮารีฟร์รักคุณน้ำเหนือมากเลย เจ้าชายคืนบ้านและโรงแรมให้คุณพ่อหมดแล้วเท่านั้นยังไม่พอเจ้าชายยังตามซื้อเครื่องเพชรที่คุณน้ำเหนือขายไปกลับคืนมาให้คุณน้ำเหนือทุกชิ้นเลยจ้ะ”
ด้วยได้รับความไว้วางใจความนับถือเสมอมาป้าจันจึงได้รับรู้เรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับนีราพรรณหรือน้ำเหนือผู้ที่กำลังจะเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้าชายฮารีฟร์ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
“เจ้าชายฮารีฟร์ซื้อเครื่องเพรชกลับคืนมาได้ทุกชิ้นเลยหรือคะป้าจัน”
นาราพรรณยิ้มหวานดวงตาเคลิ้มฝันตื่นเต้นไปกับความรักที่สุดแสนโรแมนติกของพี่สาวคนโต
“จ้ะ ทุกชิ้นเลยเห็นคุณน้ำเหนือบอกว่าบางชิ้นคนขายก็โกงราคาด้วยพอรู้ว่าเจ้าชายอยากได้คืนมากๆ ก็โกงราคาขายแพงกว่าตอนที่ซื้อจากคุณน้ำเหนือถึงสองสามแสน”
นาราภัทรได้ยินเรื่องราวความรักที่แสนสวยงามเต็มไปด้วยความสุขของพี่สาวก็ได้แต่แอบถอนสะอื้นขอบตาร้อนผ่าวขณะพยายามกล้ำกลืนความรวดร้าวเข้าสู่กายใจ
“พี่น้ำเหนือโชคดีที่พบกับเจ้าชายฮารีฟร์ ทำไมคนที่เป็นอนุชาไม่เป็นเช่นนี้บ้าง”
นาราพรรณลอบถอนหายใจยาวด้วยรู้ความนัยที่แฝดพี่ได้เอื้อนเอ่ยวาจาออกมาเป็นอย่างดี เธอสงสารพี่สาวยิ่งนักแต่ก็ไม่รู้จะแก้ไขสถานการณ์เรื่องความรักของแฝดพี่เช่นไรดี ผู้ที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นก็มีแค่เพียงเจ้าชายซารีฟร์เท่านั้นและเมื่อเห็นป้าจันขมวดคิ้วสงสัยกับถ้อยคำพึมพำของแฝดพี่จึงได้รีบเอ่ยออดอ้อนเสียงหวานเบี่ยงเบนความสนใจของป้าจันให้มาลงที่ตัวเธอแทน
“ป้าจันขา...น้ำค้างยืนคุยจนเมื่อยแข้งเมื่อยขาไปหมดแล้วและตอนนี้ก็คิดถึงคุณพ่อที่สุดเลยเราเข้าไปหาคุณพ่อกันเถอะค่ะ”
“ตายแล้ว! ป้าลืมเสียสนิทเลย ดีใจเพลินไปหน่อย ไปค่ะเข้าไปในบ้านกันถ้าคุณพ่อได้คุณหนูๆ ต้องยิ้มหัวใจพองโตแน่เลย”
ป้าจันร้องเสียงหลงด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสโอบแขนไปรอบเอวบางคอดกิ่วของคุณหนูทั้งสองจากนั้นก็พาเดินเข้าไปในตัวบ้าน
คุณกมลวางหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะกระจกหน้าโซฟาตัวใหญ่พลางถอดแว่นตามาถืออยู่ในมือเงยหน้าขึ้นเอ่ยถามแม่บ้านที่เดินยิ้มกริ่มหน้าบานเป็นจานกระด้ง
“ใครมาหรือจันถึงได้ยิ้มหน้าบานขนาดนี้ แล้วทำไมไม่เชิญแขกเข้ามาในบ้านด้วยล่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พายุรักแห่งเม็ดทราย