พายุรักแห่งเม็ดทราย นิยาย บท 41

“เลิกทำหน้าขี้แยได้แล้ว ถ้าหากทนายมือหนึ่งแห่งคฤหาสน์กมลเนตรอย่างป้าจันได้เห็นเข้ารับรองได้ว่าตัวต้องถูกซักฟอกจนขาวสะอาดเลยล่ะ”

นาราภัทรพยักหน้ารับฝืนยิ้มบางๆ ให้แฝดน้องปรับสีหน้าแววตาให้ดูร่าเริงแจ่มใสเหมือนคนที่เพิ่งกลับมาจากเมืองนอกใหม่ๆ ไม่ใช่หญิงสาวที่หัวใจแตกสลายกับรักแรกรักเดียวที่มอบให้กับบุรุษชาติอาหรับ

รถตู้คันใหญ่ดูหรูหราที่คืบคลานเข้ามาจอดอยู่ที่รั้วหน้าบ้านทำให้ป้าจันแม่บ้านประจำคฤหาสน์กมลเนตรต้องออกมาเมียงมองดูด้วยความแปลกใจระคนสงสัยว่ามีใครมาเยี่ยมคุณกมลหรือเปล่า แต่เมื่อเดินออกมาได้ครึ่งทางเดินก็มีอันต้องยิ้มกว้างสาวเท้ายาวๆ เกือบเป็นวิ่งตรงไปยังประตูอัลลอยบานใหญ่

“คุณน้ำหนาว คุณน้ำค้าง ทูนหัวของป้า...จะกลับมาเมืองไทยทำไมไม่โทรมาบอกสักคำ”

ถ้อยคำวาจาตำหนิติติงระคนเอ็นดูรักใคร่นั้นสั่นเครือดังแว่วมาแต่ไกลก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาถึงคุณๆ แสนสวยด้วยซ้ำและเมื่อประตูรั้วสีขาวบานใหญ่ถูกเปิดออกกว้างฝาแฝดแสนสวยทั้งสองก็หัวเราะออกมาทั้งน้ำตาเมื่อถูกป้าจันกอดรัดแน่นราวกับแม่งูเหลือมกอดรัดเหยื่อตัวน้อยๆ

“ป้าจันขา...กระดูกจะแหลกแล้วค่ะ”

นาราพรรณแกล้งร้องครวญครางพร้อมกับหัวเราะคิกยกมือปาดน้ำตาตรงหางตาที่เอ่อคลอออกมาด้วยความสุขใจที่ได้กลับมายังแผ่นดินเกิดของตนเอง

“แหม...น่าตีจริงๆ เลย จะกลับเมืองไทยทำไมไม่โทรมาบอกให้ป้ากับคุณพ่อไปรับที่สนามบินคะ”

ปากบอกว่าน่าตีแต่มือเล็กที่เหี่ยวย่นตามกาลวัยและเวลาที่ล่วงผ่านเลยได้ตีลงไปเบาๆ บนต้นแขนเนียนขาวผ่องของนาราพรรณที่แสร้งทำหน้าเหยเกร้องลั่นราวกับเจ็บมากมายเหลือเกิน

“โอ๊ย!...เจ็บค่ะ...แขนน้ำค้างเขียวช้ำหมดแล้ว”

“เดี๋ยวเถอะเด็กคนนี้” ป้าจันมองค้อนก่อนจะเอ่ยต่อว่ายิ้มๆ “ป้าตีนิดเดียวทำเป็นร้องลั่นได้ยินไปสามทุ่ง”

นาราพรรณหัวเราะร่วนก้มลงกราบงามๆ ตรงอกอบอุ่นของป้าจันจากนั้นก็โผเข้าไปกอดประจบประแจงเสียงหวานหยดย้อย

“คิดถึงป้าจันที่สุดเลย”

“ป้าก็คิดถึงทูนหัวขอป้าเหมือนกัน”

แม่บ้านแห่งคฤหาสน์กมลเนตรซึ่งทำหน้าที่มากกว่าการเป็นคนรับใช้ได้โอบกอดหอมแก้มเนียนแดงปลั่งของสาวน้อยที่นางรักใคร่เอ็นดูราวกับเป็นลูกในไส้ของตนเองฟอดใหญ่ก่อนจะดันร่างบอบบางออกห่างเล็กน้อยแล้วหันไปโอบกอดอีกหนึ่งฝาแฝดแสนสวยที่ยืนยิ้มบางๆ ดูไม่สดชื่นสักเท่าไหร่นัก

“ทูนหัวคนสวยของป้ามาให้ป้ากอดหน่อยลูก”

“ป้าจันขา...น้ำหนาว...”

นาราภัทรสะอื้นร้องไห้โฮโถมกายเข้าไปสวมกอดแม่บ้านที่ตนเองรักนับถือดุจดังบุพการีไว้แน่น หยาดน้ำตาแห่งความดีใจที่ได้กลับมาสู่มาตุภูมิแผ่นดินเกิดอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นของญาติผู้ใหญ่รวมทั้งน้ำตาแห่งความปวดร้าวอันเกิดจากความรักที่มิอาจสมหวังได้ไหลพร่างพรูผสมปนเปกันจนแยกไม่ออก

“เอ๋...ทำไมกลับเมืองไทยครั้งนี้คุณน้ำหนาวจอมแก่นของป้าจันถึงได้ขี้แยร้องไห้เป็นเต่าเผาเลย หรือว่าดีใจที่จะได้ยินเสียงป้าจันบ่นทุกวันจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่”

ถึงแม้จะรู้ดีว่าหญิงสาวแสนสวยในอ้อมแขนซึ่งนางได้เลี้ยงมาตั้งแต่ยังเล็กกำลังร้องไห้เพราะความเสียใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ยังไม่ทราบกระจ่างชัดแต่ป้าจันก็ไม่ได้เอ่ยถามออกมา ในทางตรงกันข้ามได้แกล้งเอ่ยถามด้วยประโยคถ้อยคำที่คนร้องไห้เองมักจะเอ่ยแซวตัวนางเสมอตอนที่อยู่เมืองไทยด้วยกัน

นาราภัทรยกมือปาดน้ำตาผละกายออกจากอ้อมอกอันแสนอบอุ่นก่อนจะคลี่ยิ้มหวานละความโศกเศร้าในเรื่องความรักละทิ้งเรื่องของเจ้าชายซารีฟร์บุรุษชาติอาหรับผู้กอบกุมหัวใจของตนเองไปชั่วขณะเมื่อจับกระแสน้ำเสียงรู้สึกได้ว่าป้าจันกำลังสงสัยกับกริยาที่แปลกไปจากเดิมของเธอ

“น้ำหนาวดีใจที่ได้กลับบ้านเรา ดีใจที่ได้ยินเสียงบ่นของป้าจันและดีใจที่ได้กลับมาอยู่กับทุกๆ คนที่รักน้ำหนาว”

ป้าจันคลี่ยิ้มแป้นกุมดวงหน้างามหวานไว้ในอุ้มมือก่อนจะเอ่ยตอบ “ทูนหัวของป้าๆ ก็ดีใจเหมือนกันที่คุณหนูๆ จะกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเสียที แต่แหม...เสียดายที่คุณหนูน้ำเหนือต้องไปอยู่ประเทศอัลนูรีนเป็นราชินีอยู่ที่แผ่นดินทะเลทรายถ้าไม่เช่นนั้นแล้วพวกเราคงมีความสุขมากกว่านี้”

“น้ำหนาวดีใจที่เจ้าชายฮารีฟร์รักพี่น้ำเหนือและยกย่องให้เป็นราชินี”

“เจ้าชายฮารีฟร์รักคุณน้ำเหนือมากเลย เจ้าชายคืนบ้านและโรงแรมให้คุณพ่อหมดแล้วเท่านั้นยังไม่พอเจ้าชายยังตามซื้อเครื่องเพชรที่คุณน้ำเหนือขายไปกลับคืนมาให้คุณน้ำเหนือทุกชิ้นเลยจ้ะ”

ด้วยได้รับความไว้วางใจความนับถือเสมอมาป้าจันจึงได้รับรู้เรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับนีราพรรณหรือน้ำเหนือผู้ที่กำลังจะเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้าชายฮารีฟร์ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

“เจ้าชายฮารีฟร์ซื้อเครื่องเพรชกลับคืนมาได้ทุกชิ้นเลยหรือคะป้าจัน”

นาราพรรณยิ้มหวานดวงตาเคลิ้มฝันตื่นเต้นไปกับความรักที่สุดแสนโรแมนติกของพี่สาวคนโต

“จ้ะ ทุกชิ้นเลยเห็นคุณน้ำเหนือบอกว่าบางชิ้นคนขายก็โกงราคาด้วยพอรู้ว่าเจ้าชายอยากได้คืนมากๆ ก็โกงราคาขายแพงกว่าตอนที่ซื้อจากคุณน้ำเหนือถึงสองสามแสน”

นาราภัทรได้ยินเรื่องราวความรักที่แสนสวยงามเต็มไปด้วยความสุขของพี่สาวก็ได้แต่แอบถอนสะอื้นขอบตาร้อนผ่าวขณะพยายามกล้ำกลืนความรวดร้าวเข้าสู่กายใจ

“พี่น้ำเหนือโชคดีที่พบกับเจ้าชายฮารีฟร์ ทำไมคนที่เป็นอนุชาไม่เป็นเช่นนี้บ้าง”

นาราพรรณลอบถอนหายใจยาวด้วยรู้ความนัยที่แฝดพี่ได้เอื้อนเอ่ยวาจาออกมาเป็นอย่างดี เธอสงสารพี่สาวยิ่งนักแต่ก็ไม่รู้จะแก้ไขสถานการณ์เรื่องความรักของแฝดพี่เช่นไรดี ผู้ที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นก็มีแค่เพียงเจ้าชายซารีฟร์เท่านั้นและเมื่อเห็นป้าจันขมวดคิ้วสงสัยกับถ้อยคำพึมพำของแฝดพี่จึงได้รีบเอ่ยออดอ้อนเสียงหวานเบี่ยงเบนความสนใจของป้าจันให้มาลงที่ตัวเธอแทน

“ป้าจันขา...น้ำค้างยืนคุยจนเมื่อยแข้งเมื่อยขาไปหมดแล้วและตอนนี้ก็คิดถึงคุณพ่อที่สุดเลยเราเข้าไปหาคุณพ่อกันเถอะค่ะ”

“ตายแล้ว! ป้าลืมเสียสนิทเลย ดีใจเพลินไปหน่อย ไปค่ะเข้าไปในบ้านกันถ้าคุณพ่อได้คุณหนูๆ ต้องยิ้มหัวใจพองโตแน่เลย”

ป้าจันร้องเสียงหลงด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสโอบแขนไปรอบเอวบางคอดกิ่วของคุณหนูทั้งสองจากนั้นก็พาเดินเข้าไปในตัวบ้าน

คุณกมลวางหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะกระจกหน้าโซฟาตัวใหญ่พลางถอดแว่นตามาถืออยู่ในมือเงยหน้าขึ้นเอ่ยถามแม่บ้านที่เดินยิ้มกริ่มหน้าบานเป็นจานกระด้ง

“ใครมาหรือจันถึงได้ยิ้มหน้าบานขนาดนี้ แล้วทำไมไม่เชิญแขกเข้ามาในบ้านด้วยล่ะ”

น้ำเสียงถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความรักความอบอุ่นกอปรกับสีหน้าแววตาที่เผยให้เห็นความห่วงใยทุกข์กังวลของบุพการีทำเอานาราภัทรต้องก้มหน้านิ่งแอบกะพริบตาให้หยาดน้ำตาไหลย้อนกลับก่อนจะเงยหน้าขึ้นฝืนยิ้มหวานให้บิดา

“น้ำหนาวไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะคุณพ่อ แค่รู้สึกเพลียจากการเดินทางเหมือนกำลังจะจับไข้ก็เท่านั้นเองค่ะ คุณพ่ออย่าเป็นกังวลเลยค่ะ เดี๋ยวน้ำหนาวกินยานอนพักสักหน่อยก็หายแล้ว”

นาราภัทรรู้สึกละอายใจที่เอ่ยโป้ปดมดเท็จกับบิดาแต่จะให้บอกว่าตัวเธอกำลังเสียใจเจ็บปวดกับความรักที่มิอาจสมหวังก็ไม่กล้าเอื้อนเอ่ยวาจาทำให้บิดาและป้าจันเป็นกังวลไปมากกว่านี้

คุณกมลเอื้อมมือไปอังตรงหน้าผากมนลูบพวงแก้มที่ติดขาวซีดเพื่อสำรวจอาการไข้จากนั้นก็เอ่ยถามบุตรสาวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง

“ตัวรุมๆ น่ะ ปวดหัวด้วยหรือเปล่า ขึ้นไปพักผ่อนเถอะเดี๋ยวให้ป้าจันเอายาไปให้กินน่ะลูก”

“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณพ่อ ขึ้นไปพักสักสองสามชั่วโมงก็หายแล้วค่ะ”

วิธีการหลีกเลี่ยงหลบสายตาไม่ให้บิดาจับพิรุธได้คือการก้มหน้าลงไปซบกับอกอบอุ่นของบุพการีภาวนาให้ท่านเลิกสักถามชั่วขณะหนึ่งมิเช่นนั้นแล้วหยาดน้ำตาแห่งความโศกเศร้าอาดูรคงได้ไหลพร่างพรูไม่ต่างจากทำนบแตกเป็นแน่

“ถ้างั้นก็ขึ้นไปพักผ่อนก่อนเถอะลูกเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ พักสักหน่อยจะได้สดชื่นขึ้น”

“น้ำหนาวรักคุณพ่อค่ะ หนูขอไปพักก่อนนะคะ” นาราภัทรก้มลงกราบกับอกอุ่นของบิดาจากนั้นก็ลุกขึ้นช้าๆ ไปสวมกอดป้าจันผู้ที่ตนเองรักไม่ต่างจากมารดา

“น้ำหนาวรักป้าจันค่ะขอบคุณที่ทำทุกอย่างเพื่อพวกเรา”

นาราพรรณลอบถอนหายใจอย่างเป็นห่วงขณะมองตามร่างบอบบางของพี่สาวที่ก้าวเดินออกไปอย่างเชื่องช้า

“น้ำค้างก็เหนื่อยเหมือนกันขอไปพักผ่อนสักหน่อยนะคะแล้วน้ำค้างจะลงมาช่วยป้าจันเตรียมอาหารมื้อเย็น”

“ไปเถอะค่ะคุณหนูของป้าไม่ต้องรีบหรอกพักให้หายเหนื่อยก่อนแล้วค่อยลงมาช่วยป้าน่ะ”

ป้าจันยิ้มแป้นโอบกอดไปรอบร่างบางระหงที่เดินมาสวมกอดนางเหมือนแฝดพี่เมื่อสักครู่ คุณกมลมองตามร่างบอบบางของลูกสาวทั้งสองจนลับสายตาจากนั้นก็ได้เอ่ยปรึกษากับป้าจันซึ่งมองตามสาวน้อยแสนสวยทั้งสองด้วยสายตาไม่สบายใจเช่นเดียวกัน

“เธอรู้สึกไหมจัน ว่าน้ำหนาวซึมๆ ไม่ร่าเริงแจ่มใสเหมือนแต่ก่อน”

“รู้สึกสิคะคุณท่าน คุณหนูน้ำหนาวพูดแปลกๆ เวลายิ้มก็ยิ้มไม่สดใสเหมือนกำลังฝืนยิ้มให้พวกเราสบายใจ คุณน้ำหนาวจอมแก่นดื้อด้านหัวชนฝาหายไปจากเดิมกลายเป็นหญิงสาวที่ติดเศร้าซึมไม่พูดไม่จา จันคันปากอยากจะถามหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่กล้า”

“อย่าเพิ่งเลยจันรอดูสักพักก่อนให้รู้ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้นางฟ้าองค์น้อยๆ ของเราต้องเป็นแบบนี้”

คุณกมลถอนหายใจหนักหน่วงคาดเดาได้ว่าลูกสาวกำลังเป็นทุกข์ในเรื่องของความรักด้วยนาราภัทรมีอาการไม่แตกต่างจากนีราพรรณตอนที่มีปัญหาเรื่องหัวใจกับเจ้าชายฮารีฟร์ สิ่งที่ท่านต้องค้นหาในกาลเวลานี้คือชายหนุ่มหรือบุรุษเชื้อชาติใดที่ทำให้ลูกสาวแสนสวยของท่านต้องมีอาการโศกเศร้าเช่นนี้...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พายุรักแห่งเม็ดทราย