พายุรักแห่งเม็ดทราย นิยาย บท 46

นายแพทย์ธีรนภ แพทย์ใหญ่เจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังขมวดคิ้วชนกันด้วยความแปลกใจติดงุนงงเมื่อก้าวเข้ามาในห้องนอนใหญ่แล้วเห็นคนไข้วีไอพีนอนสงบนิ่งยอมให้ตรวจง่ายๆ โดยไม่มีการอาละวาดตะเพิดไล่เหมือนเมื่อหลายวันก่อน

“อาการของเจ้าชายเป็นไงบ้างคะคุณหมอ”

นาราภัทรเอ่ยถามด้วยสีหน้าแววตาที่เป็นกังวลหลังจากที่คุณหมอได้ตรวจอาการของเจ้าชายอย่างละเอียด

“ไม่เป็นไรมากหรอกครับแค่ไข้หวัดธรรดาเดี๋ยวหมอฉีดยาลดไข้ให้สักเข็ม” แพทย์ใหญ่เอ่ยรายงานอาการป่วยจากนั้นก็ฉีดยาลดไข้ลงไปบนหัวไหล่เจ้าชายหนุ่มที่นอนนิ่งไม่มีอาการต่อต้านใดๆ

“ให้เจ้าชายพักผ่อนมากๆ แล้วก็กินน้ำเยอะๆ จะได้ช่วยระบายความร้อนออกด้วย อย่าลืมเช็ดตัวบ่อยๆ นะครับ”

“ขอบคุณคุณหมอมากนะคะที่เสียเวลาเดินทางมารักษาที่นี่”

นาราภัทรยกมือไหว้อย่างอ่อนช้อยแย้มยิ้มหวานขอบคุณสำหรับการเสียสละของแพทย์ใหญ่ที่อุตส่าห์เดินทางมาในยามดึกดื่นราตรีกาลด้วยตนเอง

“ไม่เป็นไรหรอกครับหมอยินดี” นายแพทย์ธีรนกยิ้มกว้างพยักหน้ารับไหว้ก่อนจะเอ่ยแซวยิ้มๆ “ตอนที่นั่งรถมาหมอยังแอบหวั่นๆ เลยว่าเจ้าชายจะยอมให้ตรวจดูอาการหรือเปล่า”

“ถ้าน้ำหนาวอยู่ด้วยยังไงก็ต้องยอมให้ตรวจ”

นายแพทย์ใหญ่หัวเราะร่วนลอบมองคนไข้ที่เริ่มทำตาปรือเนื่องจากเจอฤทธิ์ยาจากนั้นก็หันกลับมายิ้มกริ่มให้หญิงสาวแสนสวยที่เห็นได้ชัดว่าเป็นคนสำคัญซึ่งมีอิทธิพลต่อเจ้าชายแห่งทะเลทรายผู้นี้มาก

“หมอขอตัวกลับก่อนนะครับแล้วพรุ่งนี้สายๆ หมอจะแวะมาดูอาการอีกรอบ”

“ขอบคุณคุณหมออีกครั้งค่ะ” นาราภัทรยกมือไหว้อีกหนทำท่าจะลุกขึ้นไปส่งแต่ถูกคุณหมอเอ่ยห้ามไว้เสียก่อน

“ไม่ต้องลงไปส่งหมอหรอก อยู่ดูแลคนไข้เถอะครับ”

นาราภัทรยิ้มหวานขอบคุณอีกครั้งมองตามจนกระทั่งนายแพทย์ธีรนภเดินออกไปจากห้องโดยมีองครักษ์คาซัจทำหน้าที่ไปรับไปส่งเหมือนเดิม

“ราชิตกับอาดิลไปพักผ่อนเถอะค่ะจะตีสี่อยู่ร่อมร่อแล้วเดี๋ยวน้ำหนาวอยู่ดูแลเจ้าชายเอง”

“เอ่อ...ให้กระหม่อมกับอาดิลอยู่เฝ้าไข้ก็ได้พะยะค่ะ พระชายาจะได้พักผ่อนบ้าง”

เพราะรู้ว่าพระชายาแสนสวยกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ อยู่ราชิตจึงไม่อยากให้ตรากตร่ำร่างกายอยู่เฝ้าไข้เจ้าชายหนุ่มทั้งคืนด้วยเกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อโอรสธิดาในครรภ์

“น้ำหนาวอยู่ได้ค่ะ พากันไปพักผ่อนเถอะราชิตกับอาดิลเหนื่อยกับเจ้าชายจอมดื้อด้านมาทั้งวันแล้วไม่ใช่หรือ”

นาราภัทรเอ่ยแซวยิ้มๆ ไม่สนใจคนป่วยที่ส่งเสียงครางฮึมๆ ด้วยความขัดเคืองเนื่องจากเจอฤทธิ์ยาทั้งแบบฉีดและแบบกินเลยทำให้ไม่มีแรงโต้คารมกับเธอ

“ถ้างั้นพวกกระหม่อมนอนเฝ้านอกห้องถ้าหากมีอะไรพระชายาจะได้เรียกมารับใช้ทันที”

อาดิลเสนอทางเลือกด้วยยังคงเป็นห่วงทั้งเจ้าเหนือหัวและห่วงพระชายาที่ต้องมาอดหลับอดนอนเฝ้าไข้เพียงคนเดียว

นาราภัทรยิ้มบางๆ ส่ายหน้าอย่างระอาก่อนจะเอ่ยแซวกลั้วหัวเราะ “พอๆ กันเลยทั้งองครักษ์ทั้งเจ้าชายไม่มีใครดื้อเกินใครเลย ไปนอนที่ห้องเถอะค่ะถ้าอาการเจ้าชายไม่ดีขึ้นเดี๋ยวน้ำหนาวจะไปทุบประตูห้องเรียกจนกว่าราชิตกับอาดิลจะตื่น”

“พากันไปพักเถอะเราไม่เป็นอะไรมากหรอก”

คราวนี้เป็นเสียงแผ่วเบาของเจ้าชายหนุ่มที่เอ่ยปากอนุญาตแกมออกคำสั่งไล่องครักษ์ผู้ภักดีทั้งสอง เมื่อไม่อาจขัดคำสั่งเจ้าเหนือหัวทั้งสองพระองค์ได้ทั้งราชิตกับอาดิลจึงจำยอมกลับไปพักผ่อนที่ห้องของตนเอง

“น้ำหนาวนอนลงเถอะเจ้าเองก็ต้องพักผ่อนเหมือนกันน่ะ”

เจ้าชายซารีฟร์ร้องบอกเสียงแผ่วเบามือหนาจับตรงเอวบางคอดกิ่วแล้วออกแรงดึงให้หญิงสาวล้มตัวลงนอนโดยกะระยะความห่างไว้พอสมควรด้วยเกรงว่าหญิงสาวจะติดไข้ไปจากตนเอง

“เจ้าชายก็ต้องพักผ่อนเหมือนกัน หลับตาสิคะมัวแต่เปิดตามองน้ำหนาวก็ไม่ได้พักผ่อนสักที”

นาราภัทรอังมือกับหน้าผากแก้มสากเพื่อวัดอาการไข้รู้สึกได้ว่าความร้อนของพิษไข้ลดลงบ้างแล้ว เธอรอจนกระทั่งเจ้าชายซารีฟร์ปิดเปลือกตาลงจึงได้ก้มลงกดจุมพิตถ่ายทอดความรักห่วงใยลงบนเปลือกตาทั้งสองและริมฝีปากสีสดจากนั้นก็ล้มตัวลงนอนเคียงข้างบุรุษชาติอาหรับที่รักยิ่ง

เจ้าชายซารีฟร์คลี่ยิ้มทั้งๆ ที่กำลังจะหลับวาดแขนจนสุดปลายนิ้วแล้ววางแหมะบนหน้าท้องแบนราบของดอกไม้งามแห่งอัลนูรีนไม่รู้ว่าเป็นเพราะพิษไข้หรือเขาเพ้อไปเองทำไมถึงรู้สึกได้ว่าทันทีที่วางมือลงไปบนหน้าท้องของนาราภัทรเขาถึงได้รู้สึกอุ่นวาบอิ่มเอิบใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนและก่อนที่จะเดินทางเข้าสู่ห้วงนิทรารมณ์ก็ได้เอื้อนเอ่ยวาจาออกมาให้นาราภัทรได้น้ำตาซึม

“ราตรีสวัสดิ์ดอกไม้งามแห่งอัลนูรีน เรารักเจ้ายอดรัก”

เสียงนกกระจิบหลายคู่ซึ่งเกาะอยู่บนต้นไม้ใหญ่ห่างจากตัวคฤหาสน์ไม่กี่เมตรต่างก็ส่งเสียงหยอกล้อพูดคุยกันไม่ได้หยุดซึ่งเป็นการสื่อสารวาจาด้วยภาษาที่ไพเราะทว่าไม่อาจฟังออกได้ว่าสัตว์ตามธรรมชาติเหล่านี้ได้ร้องเพลงหรือพูดคุยกันในเรื่องใดบ้าง เสียงนกตัวน้อยที่ยังคงเจราจากันไม่หยุดได้ปลุกให้คนป่วยรู้สึกตัวค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมองเพดานห้องได้อย่างยากเย็น ดวงตาคมกริบหลุบลงมองตรงแผงอกตนเองเมื่อรับรู้ได้ถึงมือเล็กที่สอดผ่านสาบเสื้อมาวางแน่นิ่งตรงหน้าอกด้านซ้ายของตนเองตรงตำแหน่งหัวใจแข็งแกร่งพอดิบพอดี

เรือนกายใหญ่โตล่ำสันของบุรุษชาติอาหรับขยับตัวพลิกกายหันหน้าเข้าหาหญิงงามซึ่งยังคงหลับสนิทได้อย่างแผ่วเบา นิ้วเรียวยาวปัดเกลี่ยไปทั่วพวงแก้มแดงปลั่งเนียนใสจนเห็นเส้นเลือด ริมฝีปากร้อนผ่าวกดจุมพิตบางเบาตรงตำแหน่งที่นิ้วเรียวยาวได้ลูบไล้เมื่อสักครู่ ไม่เจอกันเพียงแค่ไม่กี่ค่ำคืนเขารู้สึกว่านาราภัทรดูมีน้ำมีนวลผิวพรรณเปล่งปลั่งยิ่งกว่าตอนที่อยู่ในบอสตันเสียอีก

“น้ำหนาว...ตื่นหรือยังสายมากแล้วน่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พายุรักแห่งเม็ดทราย