นายแพทย์ธีรนภ แพทย์ใหญ่เจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังขมวดคิ้วชนกันด้วยความแปลกใจติดงุนงงเมื่อก้าวเข้ามาในห้องนอนใหญ่แล้วเห็นคนไข้วีไอพีนอนสงบนิ่งยอมให้ตรวจง่ายๆ โดยไม่มีการอาละวาดตะเพิดไล่เหมือนเมื่อหลายวันก่อน
“อาการของเจ้าชายเป็นไงบ้างคะคุณหมอ”
นาราภัทรเอ่ยถามด้วยสีหน้าแววตาที่เป็นกังวลหลังจากที่คุณหมอได้ตรวจอาการของเจ้าชายอย่างละเอียด
“ไม่เป็นไรมากหรอกครับแค่ไข้หวัดธรรดาเดี๋ยวหมอฉีดยาลดไข้ให้สักเข็ม” แพทย์ใหญ่เอ่ยรายงานอาการป่วยจากนั้นก็ฉีดยาลดไข้ลงไปบนหัวไหล่เจ้าชายหนุ่มที่นอนนิ่งไม่มีอาการต่อต้านใดๆ
“ให้เจ้าชายพักผ่อนมากๆ แล้วก็กินน้ำเยอะๆ จะได้ช่วยระบายความร้อนออกด้วย อย่าลืมเช็ดตัวบ่อยๆ นะครับ”
“ขอบคุณคุณหมอมากนะคะที่เสียเวลาเดินทางมารักษาที่นี่”
นาราภัทรยกมือไหว้อย่างอ่อนช้อยแย้มยิ้มหวานขอบคุณสำหรับการเสียสละของแพทย์ใหญ่ที่อุตส่าห์เดินทางมาในยามดึกดื่นราตรีกาลด้วยตนเอง
“ไม่เป็นไรหรอกครับหมอยินดี” นายแพทย์ธีรนกยิ้มกว้างพยักหน้ารับไหว้ก่อนจะเอ่ยแซวยิ้มๆ “ตอนที่นั่งรถมาหมอยังแอบหวั่นๆ เลยว่าเจ้าชายจะยอมให้ตรวจดูอาการหรือเปล่า”
“ถ้าน้ำหนาวอยู่ด้วยยังไงก็ต้องยอมให้ตรวจ”
นายแพทย์ใหญ่หัวเราะร่วนลอบมองคนไข้ที่เริ่มทำตาปรือเนื่องจากเจอฤทธิ์ยาจากนั้นก็หันกลับมายิ้มกริ่มให้หญิงสาวแสนสวยที่เห็นได้ชัดว่าเป็นคนสำคัญซึ่งมีอิทธิพลต่อเจ้าชายแห่งทะเลทรายผู้นี้มาก
“หมอขอตัวกลับก่อนนะครับแล้วพรุ่งนี้สายๆ หมอจะแวะมาดูอาการอีกรอบ”
“ขอบคุณคุณหมออีกครั้งค่ะ” นาราภัทรยกมือไหว้อีกหนทำท่าจะลุกขึ้นไปส่งแต่ถูกคุณหมอเอ่ยห้ามไว้เสียก่อน
“ไม่ต้องลงไปส่งหมอหรอก อยู่ดูแลคนไข้เถอะครับ”
นาราภัทรยิ้มหวานขอบคุณอีกครั้งมองตามจนกระทั่งนายแพทย์ธีรนภเดินออกไปจากห้องโดยมีองครักษ์คาซัจทำหน้าที่ไปรับไปส่งเหมือนเดิม
“ราชิตกับอาดิลไปพักผ่อนเถอะค่ะจะตีสี่อยู่ร่อมร่อแล้วเดี๋ยวน้ำหนาวอยู่ดูแลเจ้าชายเอง”
“เอ่อ...ให้กระหม่อมกับอาดิลอยู่เฝ้าไข้ก็ได้พะยะค่ะ พระชายาจะได้พักผ่อนบ้าง”
เพราะรู้ว่าพระชายาแสนสวยกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ อยู่ราชิตจึงไม่อยากให้ตรากตร่ำร่างกายอยู่เฝ้าไข้เจ้าชายหนุ่มทั้งคืนด้วยเกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อโอรสธิดาในครรภ์
“น้ำหนาวอยู่ได้ค่ะ พากันไปพักผ่อนเถอะราชิตกับอาดิลเหนื่อยกับเจ้าชายจอมดื้อด้านมาทั้งวันแล้วไม่ใช่หรือ”
นาราภัทรเอ่ยแซวยิ้มๆ ไม่สนใจคนป่วยที่ส่งเสียงครางฮึมๆ ด้วยความขัดเคืองเนื่องจากเจอฤทธิ์ยาทั้งแบบฉีดและแบบกินเลยทำให้ไม่มีแรงโต้คารมกับเธอ
“ถ้างั้นพวกกระหม่อมนอนเฝ้านอกห้องถ้าหากมีอะไรพระชายาจะได้เรียกมารับใช้ทันที”
อาดิลเสนอทางเลือกด้วยยังคงเป็นห่วงทั้งเจ้าเหนือหัวและห่วงพระชายาที่ต้องมาอดหลับอดนอนเฝ้าไข้เพียงคนเดียว
นาราภัทรยิ้มบางๆ ส่ายหน้าอย่างระอาก่อนจะเอ่ยแซวกลั้วหัวเราะ “พอๆ กันเลยทั้งองครักษ์ทั้งเจ้าชายไม่มีใครดื้อเกินใครเลย ไปนอนที่ห้องเถอะค่ะถ้าอาการเจ้าชายไม่ดีขึ้นเดี๋ยวน้ำหนาวจะไปทุบประตูห้องเรียกจนกว่าราชิตกับอาดิลจะตื่น”
“พากันไปพักเถอะเราไม่เป็นอะไรมากหรอก”
คราวนี้เป็นเสียงแผ่วเบาของเจ้าชายหนุ่มที่เอ่ยปากอนุญาตแกมออกคำสั่งไล่องครักษ์ผู้ภักดีทั้งสอง เมื่อไม่อาจขัดคำสั่งเจ้าเหนือหัวทั้งสองพระองค์ได้ทั้งราชิตกับอาดิลจึงจำยอมกลับไปพักผ่อนที่ห้องของตนเอง
“น้ำหนาวนอนลงเถอะเจ้าเองก็ต้องพักผ่อนเหมือนกันน่ะ”
เจ้าชายซารีฟร์ร้องบอกเสียงแผ่วเบามือหนาจับตรงเอวบางคอดกิ่วแล้วออกแรงดึงให้หญิงสาวล้มตัวลงนอนโดยกะระยะความห่างไว้พอสมควรด้วยเกรงว่าหญิงสาวจะติดไข้ไปจากตนเอง
“เจ้าชายก็ต้องพักผ่อนเหมือนกัน หลับตาสิคะมัวแต่เปิดตามองน้ำหนาวก็ไม่ได้พักผ่อนสักที”
นาราภัทรอังมือกับหน้าผากแก้มสากเพื่อวัดอาการไข้รู้สึกได้ว่าความร้อนของพิษไข้ลดลงบ้างแล้ว เธอรอจนกระทั่งเจ้าชายซารีฟร์ปิดเปลือกตาลงจึงได้ก้มลงกดจุมพิตถ่ายทอดความรักห่วงใยลงบนเปลือกตาทั้งสองและริมฝีปากสีสดจากนั้นก็ล้มตัวลงนอนเคียงข้างบุรุษชาติอาหรับที่รักยิ่ง
เจ้าชายซารีฟร์คลี่ยิ้มทั้งๆ ที่กำลังจะหลับวาดแขนจนสุดปลายนิ้วแล้ววางแหมะบนหน้าท้องแบนราบของดอกไม้งามแห่งอัลนูรีนไม่รู้ว่าเป็นเพราะพิษไข้หรือเขาเพ้อไปเองทำไมถึงรู้สึกได้ว่าทันทีที่วางมือลงไปบนหน้าท้องของนาราภัทรเขาถึงได้รู้สึกอุ่นวาบอิ่มเอิบใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนและก่อนที่จะเดินทางเข้าสู่ห้วงนิทรารมณ์ก็ได้เอื้อนเอ่ยวาจาออกมาให้นาราภัทรได้น้ำตาซึม
“ราตรีสวัสดิ์ดอกไม้งามแห่งอัลนูรีน เรารักเจ้ายอดรัก”
เสียงนกกระจิบหลายคู่ซึ่งเกาะอยู่บนต้นไม้ใหญ่ห่างจากตัวคฤหาสน์ไม่กี่เมตรต่างก็ส่งเสียงหยอกล้อพูดคุยกันไม่ได้หยุดซึ่งเป็นการสื่อสารวาจาด้วยภาษาที่ไพเราะทว่าไม่อาจฟังออกได้ว่าสัตว์ตามธรรมชาติเหล่านี้ได้ร้องเพลงหรือพูดคุยกันในเรื่องใดบ้าง เสียงนกตัวน้อยที่ยังคงเจราจากันไม่หยุดได้ปลุกให้คนป่วยรู้สึกตัวค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมองเพดานห้องได้อย่างยากเย็น ดวงตาคมกริบหลุบลงมองตรงแผงอกตนเองเมื่อรับรู้ได้ถึงมือเล็กที่สอดผ่านสาบเสื้อมาวางแน่นิ่งตรงหน้าอกด้านซ้ายของตนเองตรงตำแหน่งหัวใจแข็งแกร่งพอดิบพอดี
เรือนกายใหญ่โตล่ำสันของบุรุษชาติอาหรับขยับตัวพลิกกายหันหน้าเข้าหาหญิงงามซึ่งยังคงหลับสนิทได้อย่างแผ่วเบา นิ้วเรียวยาวปัดเกลี่ยไปทั่วพวงแก้มแดงปลั่งเนียนใสจนเห็นเส้นเลือด ริมฝีปากร้อนผ่าวกดจุมพิตบางเบาตรงตำแหน่งที่นิ้วเรียวยาวได้ลูบไล้เมื่อสักครู่ ไม่เจอกันเพียงแค่ไม่กี่ค่ำคืนเขารู้สึกว่านาราภัทรดูมีน้ำมีนวลผิวพรรณเปล่งปลั่งยิ่งกว่าตอนที่อยู่ในบอสตันเสียอีก
“น้ำหนาว...ตื่นหรือยังสายมากแล้วน่ะ”
“เราดีขึ้นมากแล้ว ขอบใจเจ้าที่เสียเวลามาดูแล”
“ไม่เป็นไรค่ะน้ำหนาวยินดี เดี๋ยวน้ำหนาวจะเช็ดตัวให้นะคะเจ้าชายอาบน้ำยังไม่ได้ต้องรอให้หายสนิทก่อนไม่งั้นไข้จะกลับมาอีกหน”
นาราภัทรดันกายออกห่างกำลังจะผละไปทำตามที่ได้เอ่ยบอกแต่ขยับถอยห่างได้ไม่ถึงนิ้วก็ถูกรั้งให้ล้มลงจนทรุดไปนอนทาบทับกับเรือนกายกำยำและเมื่อปทุมอิ่มเนื้อแท้สัมผัสกับความสากของชุดนอนที่เจ้าชายซารีฟร์สวมใส่อยู่จึงรีบก้มลงมองหน้าอกตนเองแล้วก็ต้องอายหน้าแดงก่ำร้อนผ่าวไปทั้งตัวเมื่อเห็นหลักฐานที่เปล่าเปลือยแถมยังมีรอยรักแดงๆ เป็นจ่ำทั่วเนินเนื้อขาวผ่องด้วย
คนป่วยเริ่มมีแรงขึ้นมาอย่างฉับพลันหลังจากที่ได้จุมพิตตักตวงดูดกลืนกินความหวานฉ่ำไปก่อนหน้านี้แล้ว ลำแขนใหญ่เต็มไปด้วยไรขนโอบกอดไปรอบแผ่นหลังรั้งให้ร่างบอบบางเอนลงมาซบแนบแน่นกับแผงอกกว้างอีกครั้ง
“อย่าเพิ่งไปเลยน้ำหนาว จำเรื่องที่เราขอเจ้าตอนเมื่อคืนได้หรือเปล่า”
นาราภัทรอายหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกทำไมจะจำไม่ได้ว่าเจ้าชายหนุ่มนักรักร้องขอเรื่องใดไว้ หญิงสาวหลบตาหวานเยิ้มที่กำลังทอดมองมาก่อนจะเอ่ยโกหก
“จำไม่ได้ค่ะ เมื่อคืนเจ้าชายเพ้อด้วยพิษไข้ตั้งหลายเรื่อง”
เจ้าชายซารีฟร์หัวเราะฮึๆ ในลำคอกับการหลีกเลี่ยงก้มหน้านิ่งเพื่อหลบสายตาและเอ่ยตอบคำถามที่ไม่ถูกต้องตามที่เขาต้องการ
“ถ้าเจ้าจำไม่ได้เราก็จะบอกอีกครั้ง”
“ไม่ต้องบอกและก็ไม่ต้องคิดที่จะทำด้วย เจ้าชายไม่สบายอยู่ต้องพักผ่อนให้มากๆ” นาราภัทรร้องเสียงหลงรู้ว่าอีกฝ่ายจะเอื้อนเอ่ยวาจาเรื่องใดออกมา
“ไม่อยากนอนแต่อยากได้ยาวิเศษขนาดเอกเสียมากกว่า”
คนป่วยทำตาละห้อยตีหน้าเศร้าแลดูแล้วน่าสงสารยิ่งนักแต่นาราภัทรไม่ยอมใจอ่อนหลงกลง่ายๆ ด้วยรู้ว่าเจ้าชายนักรักแห่งทะเลทรายนั้นเจ้าเล่ห์เพทุบายมากเพียงใด ขนาดว่านอนแซ่วอยู่บนเตียงยังไม่ทิ้งลายคาสโนว่าเลยสักวินาทีเดียว
“ได้ค่ะยาที่คุณหมอจัดให้มีเยอะแยะเดี๋ยวกินข้าวเช้าเสร็จแล้วน้ำหนาวจะเอาให้ทานนะคะ”
“ไม่! เจ้าต่างหากคือยาที่เราอยากกิน”
ตรงประเด็นชัดเจนโดยไม่ต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลาและเพื่อเป็นการปิดกั้นถ้อยคำวาจาที่กำลังจะเอื้อนเอ่ยปฏิเสธเจ้าชายซารีฟร์จึงยกมือปิดปากเล็กช่างจรรจาพร้อมกันนั้นก็ยื่นริมฝีปากเข้าครอบครองปลาบถันสีชมพูสวยงามตวัดปลายลิ้นโลมไล้ดูดดึงเคล้าคลึงจนได้ยินเสียงร้องครางหลุดมาแทนถ้อยคำปฏิเสธ
“รักเราน่ะน้ำหนาว ไม่เช่นนั้นเราคงคลั่งตายเพราะมนต์ตราร่างกายที่งดงามเร่าร้อนของเจ้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พายุรักแห่งเม็ดทราย